“แล้วอย่างนี้ตัวยังจะไปทำงานกับพี่ทีมหรือเปล่าแก้ว”
ทัศนัยถามหลังจากที่การะบุหนิงคลายสะอื้นและมีทีท่าสงบลง ชายหนุ่มจึงกดร่างเพื่อนสาวให้นั่งลงบนม้าหินอ่อนที่ตัวเองมานั่งรอตั้งแต่เย็น
“ไปสิ” การะบุหนิงตอบเสียงเครือ ทว่าหนักแน่น ในดวงตาเรียวสีนิลของหล่อนฉายแววมุ่งมั่นชัดเจน
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่หรอกแทค เราตัดสินใจแล้ว ตอนนี้เราเป็นอิสระนะแทค เพราะฉะนั้นเราจะไม่ฟังคำสั่งห้ามของใครอีกต่อไป”
“อืม...” ทัศนัยได้แต่รับคำในลำคอ กับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ชายหนุ่มก็ไม่รู้จะช่วยเพื่อนของตนเองอย่างไรเช่นกัน ที่รู้ตอนนี้คือสงสารเพื่อนสนิทเต็มหัวใจ
“แต่ตัวคิดดีแล้วหรือแก้ว แน่ใจนะว่าจะตัดสินใจแบบนี้จริงๆ”
ทัศนัยยังอดไม่ได้ที่จะถามซ้ำอีกครั้ง ก็...เผื่อเพื่อนของเขาจะเปลี่ยนใจ
ทว่าคนตัวเล็กกว่าส่ายหน้า “ไม่เปลี่ยนหรอกแทค คำตอบไม่มีวันเปลี่ยน”
“แล้ว...ตัวต้องแต่งงานเมื่อไหร่?”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
คำตอบจากปากหญิงสาวทำให้ทัศนัยตาโต แกล้งพูดจาหยอกเย้าเพื่อนสนิทเพื่อให้อีกฝ่ายคลายอาการเศร้าสร้อย “โห...ถามอะไรก็ไม่รู้ๆ แล้วรู้หรือเปล่าว่าตัวเองต้องแต่งงานกับใคร”
น้ำเสียงหยอกล้อของชายหนุ่มทำให้การะบุหนิงยิ้ม...เป็นยิ้มแรกนับตั้งแต่เกิดเรื่องไม่คาดฝันนั้น แล้วจึงตอบเพื่อนสนิทไปว่า
“รู้สิ...คนที่เราต้องแต่งงานด้วยคือคีธ แมคไกวร์”
คำตอบของหญิงสาวก่อให้เกิดความเงียบ และทัศนัยก็ได้แต่มองเพื่อนสาวอย่างเงียบงัน
ทำไมเขาจะไม่เคยได้ยินชื่อนักธุรกิจข้ามชาติคนนั้น แม้จะมาลงทุนไม่นานแต่ไม่กี่ปีชื่อของเขาก็ติดอันดับนักธุรกิจแนวหน้าที่น่าจับตามอง
ทัศนัยเคยเจอคีธ แมคไกวร์ครั้งสองครั้งในยามที่ยอมตามครอบครัวไปร่วมงานเลี้ยงสักงาน ลักษณะผู้ชายคนนั้นเห็นชัดว่าเขานั้นคือผู้ล่า...ไม่ใช่ผู้ถูกล่าอย่างแน่นอน!
ภาพของสองหนุ่มสาวที่อยู่ในสายตากาสะลองตั้งแต่แรก นับแต่ฝ่ายหญิงยังไม่โผล่เข้ามาจนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ซบอกฝ่ายชายที่ตอนแรกทำหน้าตะลึงงันและทำตัวคล้ายกับจะอ่อนแรงนั้นทำให้
ผู้แอบมองอยู่บิดริมฝีปากเหยียดเยาะหยัน กระนั้น...ก็ยังไม่อาจลดความน่าดูของหล่อนลงได้
กาสะลองมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาทั้งสะใจและริษยาระคนกัน แต่...เอาเถอะ! ให้วันนี้ร่ำลากันให้พอ แล้วพรุ่งนี้นี่แหละที่หล่อนจะกำจัดนังดอกแก้วไปพ้นๆ จากชีวิตหล่อนและชีวิตของทัศนัยได้ตลอดกาล!
เป็นครั้งแรกในรอบกี่ปีแล้วก็ไม่ทราบได้ ทว่าเป็นเรื่องประหลาดพอสมควรสำหรับเหล่าคนรับใช้ภายในบ้านพีระนันท์ที่คุณหญิงการะเกดถามหาลูกเลี้ยงสาวตั้งแต่เช้าเช่นนี้ ซึ่งอาจจะไม่แปลกหากว่าหล่อนจะใช้ใครสักคนไปเรียกตัวอีกฝ่ายเพื่อมาสั่งงานบ้านหรือดุด่าแต่เช้าด้วยความไม่ชอบใจ...ทว่าไม่ใช่เรียกเพื่อให้มารับประทานอาหารเช้าร่วมกัน
คุณหญิงไม่สนใจสีหน้าประหลาดใจของสามีและลูกสาวของหล่อนซึ่งทำหน้าไม่พอใจ กาสะลองเอ่ยค้านเสียงแหลม
“คุณแม่จะเรียกนังดอกแก้ว...” เมื่อเห็นสายตาดุของบิดาที่ปรายตามองก็ทำให้หล่อนยอมเปลี่ยนถ้อยคำ “เอ่อ...ดอกแก้วมาทำไมคะ” ถึงจะยอมเปลี่ยนคำเรียก แต่กาสะลองก็ไม่เคยเรียกอีกฝ่ายว่าพี่เลยสักครั้งไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลังก็ตาม
สำหรับหล่อนแล้ว...กดให้ต่ำลงได้เท่าไหร่หล่อนก็จะทำ แรกๆ หล่อนอาจทำด้วยความไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่ยอมเพราะผู้เป็นแม่สั่งสอนมา แต่หลังๆ หล่อนมักกดให้อีกฝ่ายรู้สำนึกว่ามันไม่เหมาะสมกับผู้ชายดีๆ อย่างทัศนัยเลยสักนิดเดียว!