ตอนที่32

972 Words
คีธส่ายหน้าอย่างระอา แต่ยังใม่คิดจะเลิกแหย่อีกฝ่ายง่ายๆ “เรียกซ้ำอยู่นั่นแหละ ผมบอกคุณหลายปีแล้วนะว่าผมชื่อคีธ” เขาบอกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทว่าไม่เคยมีสักครั้งที่คีรีจะเรียกชื่อเขาว่าคีธ ตลอดเวลาชายตรงหน้าจะตอกย้ำด้วยชื่อคีรินทร์เสมอ ให้เขาได้รู้ว่าเขายังมีสายเลือดของอีกฝ่ายอยู่ในตัว ด้วยการเรียกชื่อที่คีรีเป็นคนตั้งให้ตั้งแต่เกิด! ชื่อบ้าๆ ที่อยากจะละทิ้งไปให้หมด! “แกเลิกล้อเล่นได้แล้วคีรินทร์! แกจะท้าทายฉันไปถึงไหน?” คีรีบอกอย่างโมโห มองลูกชายคนโตอย่างเดือดดาล นับวันคีธชักจะล้ำเส้นเขามากขึ้นทุกที ราวกับว่าอีกฝ่ายหวังจะให้เขาอกแตกตายถึงจะสาสมใจ คราวนี้เป็นอีกครั้งที่คีธคลี่ยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่คีรีนึกชังจับใจในทุกครั้งที่ได้พบเห็น “ไม่รู้สิ...เพราะทุกสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ...ล้วนๆ” คำตอบของคีธไม่ได้สร้างความพึงพอใจให้คนฟังเลยสักนิดเดียว ท้ายสุดผู้สูงวัยกว่าก็ทนไม่ไหว รีบเดินหนีจากที่ตรงนี้ไปอย่างรวดเร็ว หาไม่เขาจะอดทนไม่ไหวแล้วใช้กำลังลงไม้ลงมือสั่งสอนไอ้ลูกนอกคอกที่ชอบขัดคำสั่งของเขาทุกวิถีทางก็เป็นได้ พอรุ่งเช้าถัดมา หลังจากที่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย หล่อนเดินเข้าครัวเพื่อช่วยนางชลทำงานดังเช่นทุกวัน ก็ต้องถอนใจยาวเมื่อเห็นสายตาไม่เป็นมิตรของบัวที่มองมา การะบุหนิงทำเมินไม่สนใจ ทว่ายังไม่ทันได้หยิบจับอะไรแอนก็รีบปรี่เข้ามาหา พร้อมกับกระซิบบอกว่าตอนนี้ทัศนัยกำลังรอหล่อนอยู่ที่เก้าอี้แถวประตูเชื่อมต่อระหว่างสองบ้าน ที่บรรดาผู้ใหญ่ทำขึ้นเพราะลูกหลานสองบ้านนี้เป็นเพื่อนกันมาหลายรุ่นแล้ว หญิงสาวพยักหน้ารับ ตอนแรกกะว่าให้ทัศนัยรอไป หล่อนขอช่วยงานในครัวให้เสร็จก่อน แอนคงทนไม่ไหวไปกระซิบบอกนางชลอีกคน นางจึงรีบไล่ให้หญิงสาวไปหาเพื่อนสนิทเสียก่อน แล้วดึงเอางานที่หล่อนไปขอปันมาจากบัวส่งคืนเจ้าตัวไป บัวจึงมีสีหน้าหงึกงอยิ่งกว่าเดิม แต่เมื่อเจออีโต้ประกาศิตของนางชลที่ชูหราข่มขู่ก็ได้แต่กัดฟันไม่พูดพ่นอะไรให้ระคายหูคนฟังในครัวอีก การะบุหนิงเห็นอย่างนั้นถึงเดินออกมาจากเรือนครัว แล้วตรงไปหาทัศนัยยังที่นัดหมาย อันที่จริงเป็นสถานที่ประจำอยู่แล้วที่หล่อนกับเพื่อนสนิทจะมายึดครองในยามสุมหัวเล่นอะไรสนุกๆ กัน โดยส่วนมากจะเป็นทัศนัยคนเพื่อนเยอะมากกว่าที่มักจะเจียดเวลามาคุยเล่นกับหล่อนไม่ให้หล่อนได้รู้สึกเหงา “แก้ว” พอเห็นหล่อนเดินเข้ามาในรัศมีของการได้ยินเขาก็เรียกหล่อนเสียงดังไม่ออมเสียง “เมื่อวานตัวไปไหนมา เรามาหาก็ไม่เจอ ว่าจะถามเรื่องงานว่าเป็นยังไงบ้าง” สีหน้าทัศนัยมีเค้าของความอยากรู้ ถึงแม้จะรู้ว่าอย่างไรเสียทศวรรษก็ย่อมรับการะบุหนิงเข้าทำงานแน่ๆ แต่เขาก็อดตื่นเต้นแทนเพื่อนไม่ได้ เพราะนี่คืออิสรภาพครั้งแรกของการะบุหนิงผู้ซึ่งถูกจองจำให้อยู่แต่ในรั้วบ้านหลังนี้นานเกินไปแล้ว แถมเมื่อวานตอนเย็นๆ เขากลับถึงบ้านก็รีบมาหาอีกฝ่าย หมายจะสอบถามว่าเป็นอย่างไรกลับปรากฏว่าหญิงสาวไม่อยู่บ้านเสียอย่างนั้น หล่อนถูกคุณหญิงการะเกดลากไปงานเลี้ยงการกุศลที่พ่อ แม่ ของเขาไปร่วมงานด้วยเช่นกัน เสียดายที่เขาปฏิเสธพวกท่านไป ทว่าเรื่องเมื่อคืนนี้ที่ว่าคุณหญิงการะเกดพาลูกเลี้ยงไปเปิดตัวนั้นก็ถือเป็นข่าวฮือฮาของคนในสังคมได้เช่นกัน ขนาดพ่อแม่เขายังแปลกใจจนอดไม่ได้นำเรื่องนี้มาพูดกันบนโต๊ะอาหารเช้าวันนี้ ทำให้ทัศนัยรีบมาหาหญิงสาวเพื่อสอบถามความจริงจากเพื่อนสนิท “พอดีเมื่อวานมีธุระนิดหน่อยน่ะ” หญิงสาวบอกง่ายๆ นั่งลงข้างๆ เพื่อนของตนเอง ไม่สนใจสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของชายหนุ่มสักนิด “ธุระ...” เขาลากเสียงสูงราวกับไม่อยากจะเชื่อ “นี่อย่าบอกนะว่าไอ้ข่าวลือที่เราได้ยินมานี่เป็นความจริง” “ข่าวลืออะไร?” ทว่าคนที่เป็นข่าวลือกลับถามด้วยความสงสัย นั่นทำให้คนที่ไม่ได้ไปงานจำต้องตอบหล่อนให้หายข้องใจ “ก็เขาลือกันว่าคุณหญิงการะเกดพาลูกเลี้ยงของสามีไปเปิดตัวเมื่อวานน่ะสิ” “เอ่อ...ข่าวเร็วจังเลยนะแทค” พอได้ยินว่าเรื่องอะไรหล่อนก็ได้แต่ยิ้มเหยๆ เท่านั้น เป็นทัศนัยเองที่ทำตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ ขนาดได้ยินมาแล้วครั้งหนึ่งจนรอบที่สองราวกับเป็นยืนยันกลายๆ ของการะบุหนิงเขาก็ไม่อยากจะเชื่อ สมองคุณหญิงการะเกดวิปริตไปแล้วหรืออย่างไรกัน? “งั้นแสดงว่าเป็นความจริงน่ะสิ คุณหญิงนี่คิดอะไรของเขานะ เห็นปิดเรื่องเธอเงียบมาเป็นยี่สิบสามสิบปี จู่ๆ ก็มาเปิดเผย” ทัศนัยบ่นอย่างไม่เข้าใจ พวกพีระนันท์นี่ชักจะประหลาดขึ้นทุกวันจนเขาตามไม่ทัน แต่คำบ่นของเขากลับทำให้การะบุหนิงได้แต่อุบอิบ บอกเสียงเบา อดสงสัยไม่ได้ว่าทัศนัยจะลืมเรื่องวันก่อนที่หล่อนเล่าให้ฟังเสียแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD