“ก็...เรื่องนั้นแหละแทค”
“เรื่องอะไร?” ทัศนัยขมวดคิ้วมุ่น...เรื่องนั้นมันเรื่องไหนกันล่ะ?
“ก็เรื่องแต่งงานไงเล่า” หญิงสาวบอกอย่างขัดใจกับความขี้ลืมของอีกฝ่าย เพราะแค่คิดหล่อนก็รู้สึกร้อนอยู่ในหน้า เมื่อคิดถึงเหตุการณ์อุกอาจของคีธ แมคไกวร์เมื่อคืนนี้
พอเห็นริ้วรอยแดงๆ ราวเขินอายบนใบหน้าของเพื่อนสาว ทัศนัยก็ตาโต คาดคั้นหล่อนเสียงเข้มทันที
“ดอกแก้ว...นี่แสดงว่ามันยังมีเรื่องมากกว่านี้ แต่ตัวไม่ได้เล่าให้เราฟังใช่ไหม?”
“ก็ใช่...” การะบุหนิงยอมรับอย่างง่ายดาย เห็นจะเป็นเพราะทัศนัยคือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว และหล่อนไม่เคยปิดบังอะไรแก่เขาได้เลย ถึงท่าทางของเขาจะเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ แต่กับเพื่อนโดยเฉพาะหล่อนแล้ว การะบุหนิงแทบจะไม่สามารถซุกซ่อนความไม่สบายใจ ปัญหา หรืออะไรก็ตามแต่พ้นจากสายตาทัศนัยได้เลย หญิงสาวจึงพร้อมจะเล่าให้เขาฟังแต่โดยดีถึงเงื่อนไขอื่นๆ “คืออย่างนี้นะ...”
ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากเล่า น้ำเสียงปนหอบของแอนก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เสียงนั้นดังนำมาก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งมาหยุดตรงหน้าหล่อนเสียอีก
“คุณดอกแก้วคะ”
“อ้าวแอน ว่าไงจ๊ะ”
“คุณหญิงการะเกดท่านเรียกให้ไปพบค่ะ” แอนแจ้งแก่การะบุหนิงด้วยน้ำเสียงปนหอบ ทำให้หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ พร้อมกับลุกขึ้นยืน
“งั้นเหรอ เดี๋ยวฉันไปเดี๋ยวนี้เลยจ้ะ”
“ค่ะคุณดอกแก้ว” พอเห็นหล่อนรับคำ แอนก็วิ่งกลับไปยังทิศทางเดิมอย่างรวดเร็ว หญิงสาวจึงหันไปทางเพื่อนที่นั่งตาขุ่นเพราะอดรู้เรื่องราวต่อไปที่การะบุหนิงบอกเขาไม่หมด
“เราไปหาคุณหญิงแป๊บนึงนะแทค เรื่องนี้ค่อยคุยกันวันหลังนะ”
“สงสัยเรียกเธอไปด่าแน่ๆ ดอกแก้ว” ทัศนัยคาดเดาอย่างไม่ชอบใจ เพราะหลายครั้งคุณหญิงการะเกดมักเรียกตัวลูกเลี้ยงสาวไปตำหนิอย่างรุนแรง ทัศนัยเองเคยได้ยินกับหูอยู่สองสามครั้งก็ออกจะไม่ชอบใจนัก “ฉันว่าเธออย่าไปเลยจะดีกว่านะ” เขาเสนอขึ้นมา แต่การะบุหนิงส่ายหน้า รู้ดีว่าถ้าตนเองหลบหน้าคุณหญิงการะเกด โทษของหล่อนอาจจะมีมากกว่าแค่โดนดุด่า
“คิดมากน่าแทค” หญิงสาวบอกเพื่อนสนิทราวกับจะปลอบว่าหล่อนคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น ทำให้คนห้ามขัดใจ จึงบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสะบัดขุ่นเคืองว่า
“เตือนแล้วไม่ฟังนะ แล้วอย่ามาร้องไห้กับเรานะดอกแก้ว”
หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว
โรงแรมเดอ มาเรียน่า
“คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าจะไม่เปลี่ยนใจ”
แมทธิวเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนเองรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว และตลอดเวลานั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดกล่อมอีกฝ่ายให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคีรี ภัทรอนันต์ ทว่าดูเหมือนว่ามันจะไม่สำเร็จเพราะตลอดเวลาถึงคีธจะไม่เถียงอะไรสักคำ ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด แมทธิวรู้จักท่าทีนี้ของเจ้านายเป็นอย่างดี ถึงอีกฝ่ายจะมองเห็นเขาเป็นพี่ชายในบางทีแต่ก็ใช่ว่าเขาจะมีสิทธิ์สั่งห้ามไม่ให้อีกฝ่ายทำอะไรได้!
และอีกอย่างเขาไม่ควรจะลืม...คีธ แมคไกวร์ตัดสินใจอะไรแล้วไม่เคยหันหลังกลับ!
“แน่นอนสิแมท” นายใหญ่แห่งฟีนิกส์วางผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะช้าๆ ขณะตอบไปด้วย “ฉันไม่ได้คิดเรื่องนี้แค่วันสองวันนะ”
ทว่าสำหรับแมทธิวถึงจะเข้าใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะคัดค้านอยู่ดี
“แต่ว่า...”
คีธคงจะเริ่มเบื่อฟังคำพูดหว่านล้อมให้เขาล้มเลิกแผนการที่คิดมานานนับปีจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดตัดบทไปด้วยว่า “ถ้าไม่ช่วยก็ไม่ต้องค้านน่า แล้วนี่จะไปด้วยกันหรือเปล่า”
แมทธิวถอนใจยาว เขาคงห้ามอีกฝ่ายไม่ได้อีกต่อไป สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้เห็นจะมีเพียงตามใจ และเดินเคียงข้างไปในเส้นทางนี้ให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน
“ครับ”
“ไปกันเถอะ” คีธชวนแล้วเดินนำอีกฝ่ายออกไปจากห้องพักบนชั้นสูงสุดเพื่อตรงไปยังลิฟท์
“ว่าแต่...คุณตัดสินใจหรือยังครับว่าจะยอมเปลี่ยนตัวจากกาสะลองเป็นการะบุหนิง” แมทธิวเอ่ยถามขึ้น ในระหว่างที่พวกเขาอยู่ภายในลิฟท์
แต่นอกจากคีธจะไม่ตอบแล้ว ซ้ำยังถามเขากลับด้วยคำถามที่ยากจะตอบได้อย่างแน่ชัด “นายพอจะรู้ไหมว่าการะบุหนิงเป็นใคร”
“ผมยังไม่มีเวลาสืบแน่ชัดนะครับ” แมทธิวแบ่งรับแบ่งสู้ ก่อนจะบอกถึงสิ่งที่ตนเองได้ยินมาจากงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ออกมา “แต่ในงานเมื่อคืนนี้ลือกันว่าเป็นลูกติดของนายกษิดิษย์จริงๆ”