นางเริ่มมองสำรวจภายในมิติ นอกจากแปลงสมุนไพรขนาดใหญ่แล้ว ยังมีเรือนหลังเล็กอยู่ด้วย ด้านข้างเรือนมีลำธารที่ไหลผ่านไปทางด้านหลังแปลงสมุนไพร
เยี่ยนอิงนางจึงได้รู้ว่า สมุนไพรที่เสี่ยวไป๋เก็บมาจากภายในถ้ำทั้งหมด ยังคงปลูกลงดินภายในมิติได้เช่นเดิม มิได้เก็บเข้าไปอยู่ภายในช่องเก็บของอย่าที่นางเข้าใจ
หากนางต้องการนำไปใช้เมื่อใด นางก็สามารถเข้ามาเก็บไปได้ทุกเมื่อ ด้วยของทุกสิ่งในตอนนี้ก็ล้วนแต่เป็นของนางแล้วเช่นกัน
สัตว์น้อยใหญ่ภายในมิติ เริ่มจะโผล่หน้าออกมามองเยี่ยนอิงอย่างสนใจ ทั้งหมดรับรู้ได้ถึงการมาถึงของผู้เป็นนายคนใหม่
“นี่คือนายหญิงแห่งมิติ” เสี่ยวไป๋เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์อื่น มันก็แผ่รังสีอันน่าเกรงขามออกมา
“คารวะนายหญิงขอรับ/เจ้าค่ะ” เสียงของสัตว์ทั้งหมดดังไปทั่วมิติ พร้อมทั้งก้มหัวลงให้เยี่ยนอิงที่ยืนมองพวกมันด้วยความตกตะลึง
แม้จะมีลูกน้องในความดูแลเมื่อชาติก่อนหลายร้อยคน นางยังไม่ตกตะลึงเท่ากับสัตว์มากมายก้มหัวให้นางในตอนนี้เลย
“ฝะ ฝากตัวด้วย” เยี่ยนอิงยกมือขึ้นมา พร้อมทั้งยิ้มแห้งๆ
เสี่ยวไป๋ใช้อุ้งเท้าของมันตบลงที่บ่าของเยี่ยนอิงเบาๆ “ท่านพูดให้มันดูน่าเกรงขามหน่อย”
“อย่างไรเล่า” นางถลึงตามองเสี่ยวไป๋
“ช่างเถิด...ข้าจะพานายหญิงออกไปแล้ว หากพวกเจ้ามีปัญหาสิ่งใดในมิติก็ส่งกระแสจิตแจ้งข้าก็แล้วกัน” เสี่ยวไป๋พาเยี่ยนอิงออกไปทันทีหลังจากที่มันพูดจบ
เยี่ยนอิงเสียดายไม่น้อย นางยังไม่ได้สำรวจมิติเลยก็ถูกเสี่ยวไป๋พาออกมาด้านนอกแล้ว
“ฟ้าจะสว่างแล้ว ท่านก็ควรจะเตรียมตัวลงเขาได้แล้วขอรับ”
“แล้วเจ้าจะเดินไปพร้อมข้าด้วยร่างนี้รึ” นางมองร่างที่ใหญ่โตของเสี่ยวไป๋ หากไปแบบนี้ชาวบ้านได้ตกใจจนตายแน่
“ท่านมิต้องห่วง ร่างกายของข้าทำให้เล็กหรือใหญ่ได้ตามแต่ใจต้องการ ท่านห่วงตนเองเถิด”
“เรื่องใด” เยี่ยนอิงหันไปมองมันอย่างไม่เข้าใจ
“ท่านลองไปดูรูปร่างของท่านในบ่อน้ำก่อน แล้วท่านจะรู้ได้เอง”
เยี่ยนอิงรีบเดินไปชะโงกหน้าดูที่บ่อน้ำตามคำเตือนของเสี่ยวไป๋ นางเกือบจะกรีดร้องออกมาอีกครั้ง เมื่อได้เห็นใบหน้าของตนเอง
มันเหมือนใบหน้าของนางในชาติก่อนไม่มีผิดเพี้ยน แต่ดูเหมือนจะงามมากกว่าเดิมเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนเลย
รูปร่างสัดส่วนก็ดูเหมือนจะขยายขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ที่นางเพิ่งจะเข้ามาสวมร่าง ร่างเดิมของฟู่เยี่ยนอิงแทบจะเหลือแต่กระดูก ใบหน้าก็ซูบผอมจนน่าสงสาร ทั้งรูปร่างยังเหมือนเด็กสิบสองหนาว ไม่ใช่เป็นสาวสะพรั่งเช่นในตอนนี้
“แล้วจะทำเช่นใดดี” หากนางออกไปด้วยสภาพเช่นนี้ ชาวบ้านจะต้องสงสัยเป็นแน่
“ข้าจัดการเอง” เสี่ยวไป๋ยกอุ้งเท้าขึ้นมาขีดเขียนผ่านอากาศแสงสีทองที่ออกมาจากปลายนิ้วเล็กป้อมของมัน หมุนวนอยู่รอบตัวของเยี่ยนอิงก่อนจะจางหายไป
พอนางชะโงกหน้าดูในบ่อน้ำอีกครั้ง ร่างกายก็กลับมามอมเมา ผอมแห้งเช่นเดิมแล้ว
“เจ้าร้ายกาจนัก” นางยิ้มกว้างมองเสี่ยวไป๋อย่างชื่นชม
“อะแฮ่ม เรื่องง่ายเพียงนี้ ไม่นับว่าเก่งอันใด” มันเชิดหน้าขึ้นอย่างโอ้อวด ก่อนจะให้เยี่ยนอิงกระโดดขึ้นมานั่งบนหลังของมัน
เสี่ยวไป๋ทะยานออกไปจากปากถ้ำอย่างรวดเร็ว เมื่อเยี่ยนอิงหันไปมอง นางก็เห็นว่าปากถ้ำที่เคยมีก่อนหน้า ถูกหมอกปกคลุมจนมองไม่รู้ถึงการมีอยู่ของมันเสียแล้ว
เสี่ยวไป๋มิได้วิ่งออกไปพ้นเขตของป่า มันพาเยี่ยนอิงมาหยุดอยู่ที่ชายป่าด้านนอก ก่อนจะหดขนาดตัวให้เล็กลง เป็นเพียงแค่ลูกเสือขาวเท่านั้น หากผู้อื่นมองดูก็คงได้คิดว่ามันเป็นลูกแมว
เพียงแค่เสี่ยวไป๋เปลี่ยนร่างให้เล็กลง เสียงของชาวบ้านที่กำลังออกตามหาเยี่ยนอิงก็ตะโกนร้องเรียกชื่อของนางดังลั่นไปทั่วป่า
เยี่ยนอิงอุ้มเสี่ยวไป๋ขึ้นแนบอก ก่อนจะวิ่งไปตามเสียงที่กำลังเรียกหานาง พอเริ่มเห็นกลุ่มคน เยี่ยนอิงก็ลดฝีเท้าลง เปลี่ยนเป็นเดินกะเผลกแทน
“อิงเออร์ สวรรค์!!! นางอยู่ทางนั้น” ชาวบ้านชี้มือมาทางที่เยี่ยนอิงกำลังเดินออกไปอยู่
“ข้าอยู่นี้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบรับเสียงเบา ราวกับว่ากำลังป่วยหนัก
“เจ้าหายไปที่ใดมา แล้วขึ้นเขาผู้เดียวได้อย่างไร แล้วเจ้าไปอยู่ที่ไหนมาตลอดทั้งคืน” ป้าตู้เอ่ยตำหนินาง ทั้งยังรีบเดินมาดูสำรวจว่าเยี่ยนอิงนางได้รับบาดเจ็บที่ใดอีกด้วย
ป้าตู้ เรือนของนางอยู่ติดกับเรือนพักของสองพี่น้องตระกูลฟู่ นางมักจะพาเยี่ยนอิงและซานเซินขึ้นเขาพร้อมนางอยู่เสมอ
เมื่อวานตอนเย็น ซานเซินที่เห็นว่าพี่สาวยังไม่กลับมาที่เรือน จึงได้แบกร่างที่ป่วยหนักของเขาไปขอให้ป้าตู้ช่วยเหลือ
แม้ป้าตู้จะอยากออกตามหาเยี่ยนอิงตั้งแต่เมื่อวานแล้วก็ไม่อาจทำได้ ด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก หลังจากที่นางรู้เรื่อง จึงทำให้ต้องรอตามหาในวันรุ่งขึ้น
พอฟ้าใกล้สว่างป้าตู้จึงไปขอร้องผู้นำหมู่บ้านให้ช่วยกันจัดคนออกตามหาเยี่ยนอิงทันที เพียงเดินเข้าเขตป่าชั้นนอกมาได้เพียงเล็กน้อย ก็พบร่างของเยี่ยนอิงที่กำลังเดินออกมาแล้ว
“ข้าพลัดตกเขาเจ้าค่ะ แต่มิได้บาดเจ็บมากนัก ข้าเห็นว่าฝนทำท่าจะตกจึงได้หาที่หลบพอฟ้าสว่าง ข้าจึงได้รีบออกมาเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงรีบบอกเล่าทุกสิ่ง แต่นางไม่ได้บอกเรื่องถ้ำ ด้วยกลัวชาวบ้านจะคิดว่านางโกหก
“ดีแล้ว ดีแล้วที่เจ้าไม่เป็นอันใด” ป้าตู้ลูบคลำเนื้อตัวของเยี่ยนอิงอยู่นานกว่าจะยอมปล่อยตัวของนาง
“ขอบคุณทุกท่านมากเจ้าค่ะ ขออภัยที่ทำให้เป็นห่วง” นางก้มหัวให้ชาวบ้านที่มาตามหานาง
“คราวหลังเจ้าอย่าได้ออกมาเพียงลำพังเช่นนี้อีก แล้วเจ้าขึ้นเขามาทำอันใด” ผู้นำหมู่บ้านกวน เอ่ยถามเยี่ยนอิง ทั้งมองนางอย่างเห็นใจ
“เซินเออร์ล้มป่วยเจ้าค่ะ ข้าต้องการหาสมุนไพรไปขายเพื่อพาน้องชายไปหาหมอ”
“หากมีเรื่องใดอีกให้ไปหาปู่ที่เรือน อย่าได้ทำให้ตนเองอยู่ในอันตรายอีกเด็ดขาด” ปู่กวนถอนหายใจออกมา สองพี่น้องล้วนปากหนักทั้งคู่ พวกเขาไม่เคยร้องขอหรือทำให้ผู้ใดต้องลำบากใจเลยสักครั้ง แม้เขาจะสั่งไว้แล้วว่าหากมีเรื่องเดือดร้อนให้มาบอกก็ตาม
“ขอบคุณท่านปู่กวนมากเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงก้มหัวให้
ชาวบ้านเมื่อเห็นว่าเยี่ยนอิงไม่ได้รับอันตรายต่างก็แยกย้ายไปทำงานของตนต่อ ป้าตู้เดินพาเยี่ยนอิงมาส่งถึงเรือน นางจึงได้สังเกตเห็นว่าในอ้อมแขนของเยี่ยนอิงมีสัตว์อยู่ด้วย
“นั่นเจ้าไปเอาแมวมาจากที่ใด”
“มันเดินตามข้ามาเจ้าค่ะ ข้าจึงได้อุ้มมันกลับมาด้วย”
“อิงเออร์เอ๋ย อิงเออร์ เจ้ากับน้องก็แทบจะกินหินกินดินอยู่แล้ว ยังจะเอามาเลี้ยงให้ลำบาก” ป้าตู้ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ
“ท่านป้า ต่อไปข้าไม่ลำบากแล้วเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงแบมือให้ป้าตู้ดูสิ่งที่อยู่ในมือของนาง
ระหว่างทางที่เดินกลับกันมา เยี่ยนอิงเอ่ยถามเสี่ยวไป๋ว่าภายในมิติมีสมุนไพรใดที่พอจะแบ่งให้ป้าตู้ได้บ้างหรือไม่
จากความทรงจำเดิมของฟู่เยี่ยนอิง นางจึงได้รู้ว่าป้าตู้ดูแลสองพี่น้องดีไม่น้อย ทั้งยังเป็นห่วงมาดูว่าอยู่กันเช่นใดแทบจะทุกวัน นางจึงคิดที่จะตอบแทนความดีของป้าตู้สักเล็กน้อย
ไม่ใช่เพียงป้าตู้ที่นิ่งอึ้งเมื่อเห็น โสมมือของเยี่ยนอิง แม้แต่นางก็ตกใจเช่นกัน ที่เสี่ยวไป๋นำโสมอายุนับร้อยปีออกมาให้ป้าตู้
“เจ้าไม่มีหัวเล็กกว่านี้หรือไง” เยี่ยนอิงใช้สื่อสารกับเสี่ยวไป๋ผ่านทางจิต
“มันเล็กที่สุดแล้วนายหญิง ท่านให้นางไปเถิด ข้ามีอีกมากท่านก็เห็น”
“แล้วข้าจะบอกนางเช่นใดเล่า”