เยี่ยนอิงยังคิดหาเหตุผลมาหักล้างไม่ทันเลย
“นะ นี่ นี่ใน เจ้าไปได้มาจากที่ใด” ป้าตู้รีบลากเยี่ยนอิงเข้าไปในเรือนของนาง ก่อนจะปิดประตูอย่างแน่นหนาทันที
“ข้าได้มาจากภูเขาเจ้าค่ะ ได้มาสองหัว ท่านแบ่งไปสักหัวเถิด” นางส่งไปให้ป้าตู้
“ได้อย่างไรกัน ของล้ำค่าเพียงนี้ข้าจะรับไว้ได้อย่างไร” นางดันมือของเยี่ยนอิงกลับไป
สายตาของป้าตู้ไม่มีความโลภให้ได้เห็น แม้ว่าชาวบ้านจะไม่ได้พบเห็นโสมบ่อยนัก แต่นางก็ไม่คิดจะแย่งชิงเด็กกำพร้าสองคนที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก
“สตรีผู้นี้นับว่าเป็นคนดีไม่น้อย ไม่เสียแรงที่ท่านคิดอยากจะช่วยนาง”เสี่ยวไป๋อดที่จะชื่นชมป้าตู้ไม่ได้
“รับไปเถิดเจ้าค่ะ ข้ากับเซินเออร์รบกวนท่านมาตลอด หากท่านไม่รับไป ข้าคงเสียใจไม่น้อย” เยี่ยนอิงวางเสี่ยวไป๋ลง ก่อนจะยัดโสมใส่มือของป้าตู้
“แต่ว่า...” นางลังเลด้วยยังไม่เห็นโสมของเยี่ยนอิงอีกหัว
เหมือนเสี่ยวไป๋จะรู้ใจมันส่งโสมใส่มือของเยี่ยนอิงให้นำไปให้ป้าตู้ดูทันที
“นี่อย่างไรเล่า ข้าบอกแล้วว่าได้มา สะ สองหัว” เยี่ยนอิงได้แต่กัดฟันแน่น เจ้าเสี่ยวไป๋ตัวดี ส่งโสมห้าร้อยปีใส่มือของนาง
“สวรรค์!!! อิงเออร์ ในที่สุดสวรรค์ก็เห็นใจเจ้าสองพี่น้องแล้ว” ป้าตู้คุกเข่าลงคำนับฟ้าดินทันที
“นางต้องขอบคุณข้ามากกว่า” เสี่ยวไป๋ส่ายหัวกับการแสดงออกของป้าตู้
“ใช่เจ้าค่ะ แล้วข้าจะสบายผู้เดียวได้อย่างไร ท่านเองก็เหนื่อยกับพวกข้าสองพี่น้องมาตลอด” เยี่ยนอิงยัดโสมใส่มือของป้าตู้ได้สำเร็จ
“เจ้าอย่าได้พูดเรื่องนี้ออกไปเป็นอันขาด ป้าจะจัดการให้เจ้าเอง หากมีผู้ใดถาม เข้าใจหรือไม่” ป้าตู้กลัวว่าตระกูลอู๋จะมาแย่งเงินไปจากสองพี่น้อง
ไหนจะชาวบ้านที่โลภมาก นางก็กลัวว่าจะเข้ามาขโมยของจากเรือนเยี่ยนอิง
“เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านกลับเรือนไปเถิด ข้าจะไปดูเซินเออร์เสียหน่อย ข้าคิดจะเข้าเมืองวันนี้ด้วยเลยเจ้าค่ะ”
“ได้ๆ เช่นนั้นเจ้าไปดูเซินเออร์ก่อน ข้าจะกลับไปบอกตาเฒ่าให้เตรียมเกวียนเข้าเมือง เข้าจะได้ไม่ต้องเดินเท้าพาน้องชายไป” ป้าตู้ยัดโสมใส่อกเสื้อ ก่อนจะเดินออกไปอย่างรีบร้อน เพื่อไปบอกสามีของนาง
เยี่ยนอิงเดินนำเสี่ยวไป๋เข้าไปภายในเรือน นางเดินเข้าไปหาซานเซินที่อยู่ภายในห้องของเขา ร่างเล็กของเด็กน้อย กำลังนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนบาง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านจากพิษไข้
นางนั่งลงมองด้วยความสงสาร ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อคลำตัวของซานเซินว่าร้อนมากเพียงใด
“ร้อนนัก!!!” เยี่ยนอิงตกใจไม่น้อยที่ตัวเขาร้อนดั่งไฟเช่นนี้
“พี่หญิง ท่านกลับมาแล้วรึขอรับ” ซานเซินปรือตาขึ้นมามองเยี่ยนอิงอย่างเป็นห่วง เสียงพูดของเขาเบาราวกับว่ามันไม่อาจจะหลุดออกมาจากลำคอได้
แต่ทุกคำเยี่ยนอิงก็ล้วนแต่ได้ยินอย่างชัดเจน นางถอนหายใจออกมา หากวิญญาณของนางไม่หลุดเข้ามาอยู่ในร่างของ ฟู่เยี่ยนอิง อีกไม่นานซานเซินคงได้ตายตามพี่สาวของนางไปแน่
“พี่จะพาเจ้าไปหาหมอ ลุกไหวหรือไม่” นางช่วยประคองร่างเล็กขึ้นมาอย่างเบามือ
“ท่านหายไปมา แล้วท่านได้เงินมาได้อย่างไรพี่หญิง” ซานเซินมองพี่สาวอย่างมึนงง
เมื่อวานหลังจากที่เขากลับมาจากเรือนของป้าตู้ ก็นอนหลับไม่ได้สติอีกเลย แม้ใจอยากจะออกไปตามหาพี่สาวเพียงใด แต่ร่างกายที่เป็นอุปสรรคทำให้เขาไม่อาจลุกขึ้นจากเตียงได้
“ข้าได้สมุนไพรมา เจ้าไม่ต้องห่วงแล้ว ประเดี๋ยวป้าตู้จะมารับ นางกำลังให้ลุงตู้เอาเกวียนออก” เยี่ยนอิงลูบใบหน้าของซานเซินที่เป็นน้องชายของนางนับตั้งแต่วันนี้
“จริงรึขอรับ” ดวงตาของซานเซินเปล่งประกายออกมาอย่างเจิดจ้า รอยยิ้มของเขาทำให้เรื่องที่กังวลของเยี่ยนอิงจางหายไปได้ไม่น้อยเลย
“อืม มาข้าจะช่วยเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“ดะ ได้อย่างไรกัน พี่หญิง ขะ ข้าโตแล้วนะขอรับ” เขาก้มหน้าลงอย่างเขินอาย
นับตั้งแต่เจ็ดหนาวก็ถูกสอนมาจากผู้เป็นบิดามารดาแล้วว่า ชายหญิงมิควรจะถูกเนื้อต้องตัวกัน แม้จะเป็นพี่น้องก็ตาม
“หึหึ เจ้าเป็นน้องชายของข้า จะต้องกลัวอันใด” เยี่ยนอิงอดจะเอ็นดูซานเซินที่กำลังเขินอายอยู่ไม่ได้
“ขะ ข้าไหวขอรับ ท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีหรือไม่” ซานเซินมองเสื้อผ้าที่เปื้อนดินโคลนของเยี่ยนอิงอย่างปวดใจ ไม่รู้ว่าพี่สาวจะต้องไปพบเจอเรื่องใดมาบ้าง ถึงได้กลับมาด้วยสภาพเช่นนี้
“ได้ ๆ หากเจ้าลุกไม่ไหวก็รอข้าสักประเดี๋ยว ข้าจะรีบกลับมาช่วยเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้า เสี่ยวไป๋ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนเซินเออร์ก็แล้วกัน”
“ขอรับนายหญิง” เสี่ยวไป๋กระโดดขึ้นมาอยู่บนเตียงข้างซานเซิน
“เฮ้ยยยย มะ มันพูดได้” ซานเซินร้องมาออกมาเสียงดัง จนลืมไปเลยว่าเสียงของเขาแทบจะไม่มีพูดออกมาแล้ว
“เซินเออร์ ต่อไปเสี่ยวไป๋จะมาอยู่กับพวกเราด้วย เจ้าอย่าได้นำเรื่องที่มันพูดได้ไปบอกผู้ใดเล่า แล้วพี่จะเล่าทุกสิ่งให้เจ้าฟัง ตอนนี้รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ประเดี๋ยวท่านป้าตู้มา นางจะได้ไม่ต้องรอนาน”
ความจริงเสี่ยวไป๋ อยากให้ซานเซินเข้าไปในมิติ เพื่อรักษาอาการป่วยในบ่อน้ำ แต่เยี่ยนอิงมาคิดดูแล้ว ค่อยพาเขาเข้าไปหลังจากที่กลับมาจากในเมืองก็ยังไม่สาย
ด้วยป้าตู้และชาวบ้านต่างรู้ดีเรื่องอาการป่วยของเขา หากหายเร็วเกินไปจะทำให้ผู้อื่นสงสัยได้ อีกอย่างนางอยากจะนำโสมเข้าไปขายในเมืองด้วย
“ขะ ขอรับ” ซานเซินพยักหน้ารับ ก่อนจะมองไปที่เสี่ยวไป๋ด้วยความหวาดกลัว
“นายน้อย ท่านไม่ต้องกลัวข้าหรอกขอรับ ข้าไม่กินท่านหรอก ข้าไม่ชอบเนื้อมนุษย์ อีกอย่างท่านเป็นน้องชายของนายหญิง หากข้ากินท่าน นางได้สังหารข้าแน่ ท่านเลิกตกใจแล้วเตรียมตัวได้แล้วหรือให้ข้าช่วยดีขอรับ” เสี่ยวไป๋นอนมองซานเซินอยู่บนที่นอน
“มะ ไม่ต้อง” ซานเซินรีบลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เรี่ยวแรงที่หายไปก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะกลับมาแล้วสองส่วน
สองพี่น้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็มานั่งรอป้าตู้อยู่ที่แคร่ไม้ข้างเรือน
“เสี่ยวไป๋ เจ้ามีของกินหรือไม่ เอาออกมาให้เซินเออร์กินรองท้องเสียก่อน” ตัวนางไม่กินไม่เป็นอะไร แต่น้องชายคงไม่ได้กินตั้งแต่เมื่อวาน
“ขอรับ” เสี่ยวไป๋เรียกเนื้อสดออกมาวางลงบนแคร่ไม้ทันที
“เหวอออออ” ซานเซินตกใจจนเกือบจะหงายหลังตกจากแคร่ไม้ ยังดีที่เยี่ยนอิงดึงสาบเสื้อของเขาเอาไว้ได้ทัน
“มันกินได้ไหมเล่า” เยี่ยนอิงหันไปถลึงตามองเสี่ยวไป๋
“ข้าก็เห็นชาวบ้านชอบเนื้อกัน ก็คิดว่าท่านคงอยากให้นายน้อยกินเนื้อ”
“ก็ใช่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ข้าจะลุกไปทำได้อย่างไร อีกประเดี๋ยวป้าตู้นางก็คงจะมาแล้ว”
“เช่นนั้น ผลไม้ ได้หรือไม่ขอรับ” เมื่อเห็นเยี่ยนอิงพยักหน้าอนุญาต เสี่ยวไป๋นำผลไม้ออกมาให้ซานเซินกินรองท้องไปก่อน
ซานเซินอย่างไรก็เป็นเพียงเด็กน้อย เมื่อเห็นผลไม้ที่ตนไม่เคยกิน เขาก็จ้องมองจนน้ำลายจะไหล
“กินเถิด รีบกินก่อนที่ป้าตู้จะมา”
ผิงกัว (แอปเปิล) ผูเถา (องุ่น) ที่เสี่ยวไป๋นำออกมาล้วนแต่ลูกใหญ่ เยี่ยนอิงคิดว่าคงหาไม่ได้ในยุคนี้เป็นแน่ นางจึงเร่งให้ซานเซินรีบกินเข้าไป
“หวาน หวานมากขอรับ” ซานเซินเคี้ยวจนแก้มพองออกมา
“หากนายน้อยชอบ ข้าจะนำออกมาให้ท่านกินทุกวันขอรับ”
“เสี่ยวไป๋ เจ้าช่างแสนดีนัก” ซานเซินลองลูบที่ขนของมันเบาๆ เมื่อเห็นว่ามันไม่คิดจะกัดมือเขา เขาก็ลูบเล่นอย่างชอบใจ
เยี่ยนอิงได้แต่ส่ายหัวทั้งอมยิ้มมองอย่างขบขัน เพียงแค่ของกินก็ซื้อตัวน้องชายของนางไปได้แล้ว