เยี่ยนอิงที่ยังไม่เคยเดินลมปราณสักครั้ง นางต้องปรับพลังชี่ให้ไหลเวียนได้คล่องเสียก่อน ถึงจะทะลวงเส้นลมปราณ
“แล้วต้องนั่งที่ใด” นางมองหาที่นั่งภายในห้องตำราก็เห็นว่าไม่มีมุมใดที่นางจะนั่งเดินลมปราณได้
“ด้านนอกขอรับ ท่านตามข้ามา” เสี่ยวไป๋เดินนำหน้าเยี่ยนอิงออกไปด้านนอก
ด้านหลังเรือนพักมีต้นไม้ใหญ่ ตรงโค่นต้นมีแท่นหินเกลี้ยงเกลากว้างขนาดเท่าเตียงนอนอยู่ด้วย
“ท่านขึ้นไปนั่งเดินลมปราณบนแท่นหินได้เลยขอรับ”
เยี่ยนอิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่ง
“อืม...เย็นสบายนัก” แท่นหินที่นางนั่งอยู่ไม่ได้เย็นจนไม่อาจจะทนนั่งได้ มันเป็นความเย็นที่นางรู้สึกว่าสบาย หากเป็นเช่นนี้นางคิดว่านางคงนั่งได้นาน
“หินที่ท่านนั่งอยู่มิใช่หินธรรมดา เป็นหินที่ดูดซับพลังฟ้าดินมานับหมื่นปี นายแห่งมิติคนเก่านำมาจากสวรรค์...” มันเกือบจะหลุดพูดถึงแหล่งที่มาต่อ แต่ก็เงียบปากลง เมื่อนึกถึงคำสั่งที่ถูกห้ามพูดไว้
เยี่ยนอิงนางก็ดูเหมือนไม่ได้สนใจ ในสิ่งที่เสี่ยวไป๋พูด นางสนใจไอเย็นที่แผ่ออกมาจากแท่นหิน พามือของนางไปสัมผัสเข้า ก็ราวกับว่าไอเย็นที่เห็นกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างช้าๆ
“ท่านหลับตาเข้าสมาธิได้เลยขอรับ ข้าจะอยู่แนะนำท่านใกล้ๆ” เยี่ยนอิงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
นางกำหนดลมหายใจเข้าออกตามที่เสี่ยวไป๋แนะนำ เพียงไม่กี่ลมหายใจ ตัวนางก็เหมือนตัดขาดจากทุกสิ่ง จมอยู่ในห้วงสมาธิที่สงบนิ่งแทน
เยี่ยนอิงรับรู้ได้ว่ามีกระแสลมกำลังวิ่งวนอยู่ภายในร่างกายของนาง เพียงแต่มันเคลื่อนที่โดยไร้ทิศทาง และตัวนางไม่อาจจะควบคุมมันได้ ทำได้เพียงเพ่งจิตไปตามพลังชี่เท่านั้น
นานนับสองชั่วยามที่เยี่ยนอิงนั่งเดินลมปราณโดยมีเสี่ยวไป๋อยู่ด้านข้างตลอด
“วันนี้พอเท่านี้เถิดขอรับ” เสี่ยวไป๋เอ่ยขัดออกมา
มันมิได้อยากให้เยี่ยนอิงเร่งเดินลมปราณมากเพียงนั้น นางยังมีเวลาอีกมากค่อยๆ ฝึกฝนไปก็ยังได้
“อืม...ร่างกายของข้าเบาสบายนัก” เยี่ยนอิงรู้สึกว่าร่างกายของนางเองก็เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเลย
“เป็นเพราะท่านเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกแล้ว พลังชี่ของท่านจึงไหลเวียนได้ดีขอรับ”
“ข้าจะศึกษาเรื่องนี้ให้มากขึ้นก็แล้วกัน” นางยังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เสี่ยวไป๋พูดนัก
จึงได้ให้มันพาไปหาตำราในห้องตำรามาให้นางศึกษาเพิ่มเติม ซานเซินที่อยู่ภายในห้อง เขาก็จมอยู่กับการคัดตัวอักษรอย่างสนุกสนาน
พอเยี่ยนอิงกับเสี่ยวไป๋เดินเข้ามา เขาก็คัดไปได้มากกว่าสิบแผ่นเสียแล้ว
“อืม...เก่งมากเซินเออร์ เพียงสองชั่วยามเข้าก็เริ่มคัดได้งามแล้ว” ซานเซินเลียนแบบตัวอักษรได้คล้ายกับในตำราที่เสี่ยวไป๋นำมาให้เขาได้ดีจนเยี่ยนอิงถึงกับหลุดปากชื่นชมออกมา
เมื่อชื่นชมตัวอักษรของซานเซินกันจนพอใจแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันกลับไปนอนพัก เสี่ยวไป๋ถูกซานเซินลากเข้าไปนอนในห้องกับเขาด้วย
เยี่ยนอิงนางนำตำราที่เสี่ยวไป๋หาให้มานั่งอ่านอยู่ภายในห้องด้วย ด้านในมิติแปลกประหลาดนัก หากอยู่ด้านนอกจะสว่างราวกับตอนกลางวัน
แต่เมื่อเข้ามาในห้องจะมืดสนิทหากเป็นตอนกลางคืน นางจึงต้องจุดเทียนเพื่อให้มีแสงสว่าง เยี่ยนอิงอ่านไปได้เพียงเล็กน้อย นางก็วางตำราในมือลงแล้วขึ้นไปนอนพัก แม้จะเห็นทุกสิ่งอย่างได้ชัดเจนในความมืด แต่วันนี้ที่พบเจอเรื่องราวมากมายตลอดทั้งวัน นางก็ต้องการที่จะพักผ่อนแล้ว
เยี่ยนอิงได้แต่ลืมตามองเพดานห้อง อย่างทอดถอนใจ ตัวนางไม่คิดเลยว่าชีวิตหนึ่งจะต้องมาพบเจอเรื่องราวแปลกประหลาดเช่นนี้
ความรู้เดิมที่คนเสียชีวิตลงจะต้องไปนรกหรือสวรรค์ล้วนแต่ถูกล้างออกไปจนสิ้น ด้วยตัวนางโผล่มาอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ทั้งยังเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเชื่ออีกด้วย
“วิญญาณสวมร่าง ผู้ฝึกตน เทพเซียน ผู้ใดจะเชื่อกันได้เล่า” นางถอนหายใจออกมา ก่อนจะพลิกตัวเข้ามุมที่สบายที่สุดแล้วหลับไป
แสงสว่างด้านนอกส่องเข้ามาภายในห้องนอน เยี่ยนอิงปรือตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ยังไม่อยากออกไปเลย” นางบิดขี้เกียจ ก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ
พอออกมาจากห้องก็เห็นซานเซินกำลังนั่งคัดตัวอักษรรอนางอยู่ ด้านข้างยังมีเสี่ยวไป๋ที่คอยสอนว่าตัวอักษรอ่านเช่นใด
“ออกไปด้านนอกกันเถิด” เยี่ยนอิงกลัวว่าป้าตู้จะมาหานางที่เรือน
“ขอรับ ข้าเอาออกไปด้วยได้หรือไม่” ซานเซินจ้องมองกระดาษตรงหน้าอย่างอาลัยอาวรณ์
“ยังไม่ต้องเอาออกไป วันนี้พี่จะพาเจ้าเข้าเมือง”
“ไปทำอันใดขอรับ”
“ข้าจะไปหาซื้อเรือน จะพาเจ้าไปสำนักศึกษาด้วย หากรับเลยจะได้เตรียมหาซื้อสิ่งของอีก” ยังมีหลายเรื่องที่เยี่ยนอิงนางต้องจัดการ
“พี่หญิง ท่านรับท่านย่าไปอยู่ด้วยดีหรือไม่ หากพวกเราซื้อเรือนกันแล้ว” ซานเซินคิดถึงท่านย่าผู้ใจดีของเขา
คงมีเพียงนางหูเท่านั้นในเรือนตระกูลอู๋ ที่ซานเซินคำนึงหา เรื่องอื่นเขาคิดว่าเป็นเพียงฝันร้ายสำหรับเด็กคนหนึ่ง
“ท่านย่าคงไม่ไป ข้าจะทิ้งเงินไว้ให้นางใช้จ่าย”
“แล้วท่านไม่กลัวว่าลุงใหญ่กับป้าสะใภ้จะมายึดเงินของท่านย่าไปหมดรึ” ซานเซินแววตาแข็งกร้าวขึ้น เมื่อเอ่ยถึงอู๋หย่งและนางหงซื่อ
“ข้าคิดจะนำเงินไปฝากไว้ที่ผู้นำหมู่บ้านให้เขาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ เจ้าไปต้องห่วงเซินเออร์ ข้าเองก็ไม่มีทางยอมให้เงินทั้งหมดตกไปอยู่ในมือลุงใหญ่แน่” เยี่ยนอิงลูบหัวซานเซินเพื่อปลอบประโลมเขา
พอออกมาจากมิติ สองพี่น้องก็เดินทางไปที่เรือนของผู้นำหมู่บ้าน โดยมีป้าตู้ติดตามไปด้วย เยี่ยนอิงนางขอให้ป้าตู้ไปช่วยเป็นพยานเรื่องฝากเงินของนาง
“ตอนแรกที่ข้าได้ยินว่าเจ้าจะให้เงินป้าหู ข้าก็ตกใจไม่น้อย กลัวว่าเงินจะไม่ถึงมือนาง แต่พอรู้ว่าเจ้าจะไปฝากเงินไว้ที่ลุงกวน ข้าก็เบาใจลง” ป้าตู้ถอนหายใจออกมา ยังดีที่เยี่ยนอิงนางฉลาด ไม่นำเงินไปมอบให้ท่านย่าของนางโดยตรง
“ข้าเองก็ไม่อยากให้เงินของข้าถูกใช้ในหอพนันเจ้าค่ะ แต่หากท่านย่าจะจัดการเรื่องเงินเช่นไรก็แล้วแต่นาง ในเมื่อข้าให้นางแล้ว ก็ไม่อาจจะเข้าไปจัดการได้”
แต่ถึงเยี่ยนอิงนางจะพูดเช่นนี้ นางก็ไม่ยอมให้นางหูซื่อเบิกเงินได้ครั้งละมาก โดยนางคิดจะให้ผู้นำหมู่บ้านมอบเงินให้เพียงเดือนละห้าตำลึงเงินเท่านั้น
“เจ้าคิดดีแล้วรึอิงเออร์” ผู้นำหมู่บ้านมองหน้าเยี่ยนอิงอย่างเห็นใจ ตรงหน้าของเขาเป็นถุงเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินที่เยี่ยนอิงนำมาฝากไว้ให้
“เจ้าค่ะ หากท่านย่าไม่ทำเรื่องตัดขาดข้าสองพี่น้องในวันนั้น ป่านนี้ข้ากับเซินเออร์ คงได้ไปอยู่ที่หอพนันแล้วเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสที่อยู่ในเรือนของผู้นำหมู่บ้านได้แต่ถอนหายใจออกมา เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
“เจ้าเป็นเด็กกตัญญูนัก ต่อไปพวกเจ้าสองพี่น้องจะพบเจอแต่เรื่องโชคดี” ภรรยาปู่กวนเอ่ยออกมาจากใจจริง
“ข้าว่าอาหย่งไม่มีทางยอมง่ายๆ แน่” ป้าตู้เอ่ยออกมาอย่างกังวลด้วยรู้นิสัยของอู๋หย่งดี
“ไม่ยอมแล้วจะทำอันใดได้ เงินเป็นของอิงเออร์ นางกตัญญูแทนบิดาผู้ล่วงลับ ให้ท่านย่าของนางไว้ซื้ออาหารกิน หากเขาจะแย่งเงินทั้งหมดไปเล่นพนัน ข้าจะลากคอเขาไปส่งให้ทางการเอง” ปู่กวนเอ่ยเสียงแข็งออกมา