ข้าจะหายป่วยจริงรึ

1493 Words
ตลอดทางที่เดินทางกลับหมู่บ้าน ป้าตู้พูดคุยเรื่องซื้อที่ดินเพิ่มกับเยี่ยนอิง ทั้งถามว่านางจะซ่อมแซมบ้านหรือไม่ “อิงเออร์ เจ้าคิดจะทำหรือไม่ หากเจ้าต้องการซื้อที่ดินหรือซ่อมแซมเรือน ข้าจะให้ลุงตู้ของเจ้าออกหน้าให้” “ไม่เจ้าค่ะ ข้าคิดจะพาเซินเออร์ย้ายมาอยู่ในเมือง ต่อไปข้าจะให้เขาเข้าสำนักศึกษา หากยังอยู่ในหมู่บ้านคงเดินทางไปกลับไม่สะดวกนัก” นางสอบถามคนในเมืองแล้ว หากต้องการซื้อเรือนต้องไปติดต่อที่ใด “สวรรค์ เจ้าออกไปอยู่สองคนกับน้องชายของเจ้าเช่นนั้นรึ” ป้าตู้ร้องออกมาด้วยความตกใจ ทั้งสองที่เป็นเพียงเด็กน้อย จะออกมาอยู่ด้วยกันตามลำพังได้อย่างไร หากรั้งอยู่ภายในหมู่บ้านก็ยังมีนางและสามีคอยเป็นหูเป็นตาให้อยู่ “เจ้าค่ะ ข้าคิดจะทำการค้าด้วย เมื่อก่อนท่านพ่อสอนข้าเอาไว้ไม่น้อย ในเมื่อมีเงินแล้วก็อยากจะหาทางเพิ่มให้มีมากขึ้น มิใช่อยู่ใช้เงินที่ได้มาจนหมด ต่อไปไม่รู้ว่าจะยังโชคดีเช่นนี้อีกหรือไม่” “เงินตั้งเยอะเพียงนั้น เจ้าใช้จนตายก็ยังไม่หมด” ป้าตู้ถลึงตามองเยี่ยนอิง เมื่อนางพูดว่าสักวันเงินที่มีอยู่จะหมดไป “...” เยี่ยนอิงมิได้พูดสิ่งใด นางเพียงอมยิ้มมองป้าตู้ หากป้าตู้ได้รู้ว่าวันนี้เยี่ยนอิงจ่ายเงินออกไปเกือบสี่สิบตำลึงทอง ไม่รู้ว่านางจะทำหน้าเช่นไร หรือจะเป็นลมหรือไม่ “เอาเถิด ในเมื่อเจ้าคิดดีแล้ว ข้าก็ไม่ห้ามเจ้าสองพี่น้อง เพียงแต่หากขาดเหลือสิ่งใด เจ้าต้องบอกข้าไม่รู้ด้วยเล่า” นางมองเยี่ยนอิงกับซานเซินอย่างเป็นห่วง ในเมื่อทุกคนย่อมมีชีวิตของตนเอง ทั้งสองพี่น้องอายุยังน้อย นางควรจะดีใจที่เยี่ยนอิงนางมีความคิดของนางเอง ทั้งยังคิดจะหาเงินมิใช่ต้องการใช้เงินเพียงอย่างเดียว พอเกวียนวัวจอดลงที่หน้าเรือนของเยี่ยนอิง ชาวบ้านไม่น้อยเห็นลุงตู้กับป้าตู้ช่วยสองพี่น้องขนของเข้าเรือน ต่างก็เดินเข้ามาเอ่ยถามด้วยความสนใจ “จงซื่อ เจ้าซื้อสิ่งใดกันมามากเช่นนี้ นี่เจ้าซื้อให้สองพี่น้องตระกูลฟู่ด้วยรึ” (แซ่เดิมของป้าตู้คือแซ่จง) “ใช่แล้ว สามีข้าขึ้นเขาได้โชคมา ของเพียงเท่านี้จะนับเป็นอันใด” ป้าตู้ขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีปากร้ายในหมู่บ้าน นางจึงพูดออกมาได้ไม่ต้องสนใจผู้ใด ด้วยไม่ต้องการให้เรื่องที่เยี่ยนอิงพบเจอโสมถูกผู้อื่นรู้เข้า ให้ชาวบ้านมาสนใจเพียงตัวนางและสามีก็พอ “สวรรค์ มีเรื่องดีเพียงนี้ เจ้ามิบอกให้ชาวบ้านรู้บ้างเล่า เหตุใดถึงได้เก็บความโชคดีไว้เพียงผู้ใด” เมื่อมีคนหนึ่งพูดขึ้น คนที่เหลือต่างก็เห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียงกัน “โอวโยว ยามข้าเหนื่อยขึ้นเขาไปกับตาเฒ่า มีผู้ใดคิดจะไปช่วยข้าถือของหรือไม่ มาตอนนี้จะมาขอแบ่งความโชคดี พวกเจ้าไม่หน้าหนาไปหน่อยรึ” ป้าตู้เริ่มเท้าสะเอวตำหนิชาวบ้านที่กำลังต่อว่านาง เยี่ยนอิงอดจะชื่นชมป้าตู้ไม่ได้ ไม่ว่ายุคสมัยใด คนที่เห็นผู้อื่นได้ดีกว่าไม่ได้ก็มีอยู่ให้เห็นตลอด เหนื่อยก็ไม่ได้เหนื่อยด้วยกัน แต่คิดจะมาขอแบ่ง ช่างหน้าไม่อายนัก “อิงเออร์ เจ้าพาเซินเออร์เข้าเรือนไปก่อน น้องชายเจ้าเพิ่งจะดีขึ้น หากยังรั้งอยู่หน้าเรือน ประเดี๋ยวจะได้ล้มป่วยอีกครั้ง” ป้าตู้โบกมือไล่ให้เยี่ยนอิงเข้าเรือนไป นางส่งสายตาบอกว่า เรื่องเพียงเท่านี้นางสามารถจัดการได้ “เจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงดันตัวน้องชายที่มองชาวบ้านหน้าเรือนอย่างสนใจ ให้เข้าไปภายในเรือน ก่อนจะปิดประตูลง ไม่รับรู้เรื่องราวด้านนอก “เซินเออร์ เจ้ารู้หรือยังว่าเหตุใดข้าจึงอยากจะพาเจ้าออกไปอยู่ด้านนอก” “ข้ารู้แล้วขอรับ ท่านพี่เบื่อชาวบ้านที่ชอบยุ่งวุ่นวายเรื่องของผู้อื่นใช่หรือไม่” “เก่งมากน้องข้า ไปเข้าเรือนเถิด ข้าจะทำอาหารอร่อยให้เจ้ากิน” นางลูบหัวน้องชายอย่างพอใจ ก่อนจะกอดคอเขาเข้าไปในเรือน เยี่ยนอิงพาซานเซินเข้าไปในห้องของเขา ก่อนจะนำเครื่องนอน เสื้อผ้าของซานเซินออกมาให้เขา “พะ พี่หญิง ท่านทำได้อย่างไรขอรับ” ซานเซินตกใจจนถอยไปอยู่ที่มุมห้อง เมื่อเห็นเยี่ยนอิงนำของออกมาจากความว่างเปล่าได้ “พี่จะพาเจ้าไปที่หนึ่งก่อน แล้วจะบอกเรื่องราวทั้งหมด” เสี่ยวไป๋ที่ถูกซานเซินวางลงบนเตียงกระโดดลงมาอยู่ตรงกลางระหว่างสองพี่น้อง เมื่อเยี่ยนอิงจับแขนของซานเซินไว้ ทั้งสามก็หายไปจากห้องทันที “เฮ้ยยยยย” ซานเซินล้มไปนั่งกองอยู่กับพื้น เมื่อสถานที่ตรงหน้ามิใช่ห้องนอนของเขาอีกต่อไป พอซานเซินหันไปมองที่เสี่ยวไป๋ ตัวเขาก็รีบคลานหนีด้วยความหวาดกลัว จนเยี่ยนอิงต้องดึงรั้งคอเสื้อของเขาเอาไว้แน่น “สะ เสือ เสี่ยวไป๋เป็นเสือรึขอรับ” เขาชี้มือที่สั่นเทาไปทางเสี่ยวไป๋ “ใช่แล้ว เจ้าจะกลัวอันใด เมื่อครู่เจ้ายังกอดมันไม่ปล่อยเลย” เยี่ยนอิงขยี้ผมของน้องชายด้วยความมันเขี้ยว “ก็ข้า...จะไปรู้รึขอรับ” ซานเซินก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย “ที่นี่เป็นมิติของข้า ข้าได้มาโดยบังเอิญเมื่อครั้งเข้าไปหลบอยู่ในถ้ำ” เยี่ยนอิงยังเล่าเรื่องที่นางตกเขาจนได้รับบาดเจ็บให้ซานเซินฟัง ทั้งเรื่องที่เหตุใดนางถึงไม่มีร่องรอยบาดแผลเลย ก็เป็นเพราะนางได้แช่น้ำในบ่อภายในถ้ำ ที่พาซานเซินเข้ามาครั้งนี้ก็อยากจะให้เขาได้แช่เช่นกัน “ข้าจะหายดีจริงรึพี่หญิง” เขาเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยนอิงอย่างมีความหวัง “จริง ต่อไปเจ้าจะได้ออกไปวิ่งเล่นกับสหายได้แล้ว” นางลูบหัวซานเซินอย่างเอ็นดู “นายหญิง ข้าจะพานายน้อยไปแช่น้ำนะขอรับ ท่านเข้าไปรอในเรือนก่อนได้เลย” เสี่ยวไป๋ให้ซานเซินขึ้นนั่งบนหลังของมัน บ่อน้ำที่จะให้ซานเซินแช่ตัว อยู่ภายในป่า “แล้วเซินเออร์จะทรมานเช่นข้าหรือไม่” นางเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล น้องชายของนางเพียงสิบหนาวเท่านั้น เขาจะทนรับความเจ็บปวดเช่นที่นางผ่านมาได้หรือไม่ “ไม่ขอรับ ข้าเพียงให้นายน้อยแช่ตัวเพื่อรักษาโรคเรื้อรังเท่านั้น ตัวเขายังเล็กนัก ยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก รออีกสักสามปีก็ยังไม่สาย” “เช่นนั้นฝากเจ้าด้วย ข้าจะไปทำอาหารรอ” นางคิดจะออกไปจากมิติก่อน อย่างไรเมื่อซานเซินแช่ตัวเสร็จเสี่ยวไป๋ก็สามารถพาเขาออกไปได้ทุกเมื่อ “นายหญิง ท่านเอาเนื้อออกไปด้วยขอรับ ข้าอยากกินเนื้อย่าง” แม้เสี่ยวไป๋เป็นสัตว์เทพที่ไม่กินดื่มก็อยู่ได้ แต่เมื่อนึกถึงกลิ่นเนื้อย่างยามที่เกวียนวัวเคลื่อนผ่าน น้ำลายของมันก็เกือบจะไหลออกมา “ได้ แต่ข้าไม่ได้ซื้อเนื้อไว้ เจ้าเก็บเอาไว้ที่ใด” เยี่ยนอิงมิได้ซื้อเนื้อมาด้วย นางจำได้ว่าเสี่ยวไป๋มีเก็บไว้ในช่องว่างของมัน เสี่ยวไป๋โบกมือเพียงครั้งเดียว เนื้อสดก็มากองอยู่ตรงหน้าของเยี่ยนอิง และไม่ได้มีเพียงก้อนเดียวเช่นที่นางเห็นในครั้งแรก แต่มีมากมายหลายก้อนเลย “เยอะนักเล่า” เยี่ยนอิงกับซานเซินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ซานเซินเมื่อเห็นเนื้อก้อนใหญ่ตัวเขาก็เผลอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความอยากกิน “สัตว์ป่าในมิติล้วนสิ้นอายุขัยอยู่ทุกวัน เพียงเท่านี้นับว่าไม่มากแล้ว หากนายหญิงท่านต้องการเนื้อมากเพียงใด ท่านก็สามารถเรียกออกไปได้ทุกเวลาขอรับ” เสี่ยวไป๋กล่าวจบก็ย่อตัวลงเพื่อให้ซานเซินขึ้นไปอยู่บนหลังของมันได้ง่าย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD