เวกัสทิ้งทุกอย่างให้ลูกน้องจัดการแล้วตัวเองก็ขับรถกลับที่พักในทันที ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันทำให้เขาหลับไปอย่างง่ายดาย
“พี่เวย์”
“อืมม”
“พี่เวย์ ตื่นมาคุยกันเลยนะ!”
“ขอนอนก่อน....”
“เดวิน กัดลุงเวย์เลยลูก”
“โอ๊ย ๆ ๆ ตื่นแล้ว ๆ”
ร่างสูงสะดุ้งพรวดขึ้นมาจากที่นอนเมื่อโดนหลานชายวัย 8 เดือนกันเข้าที่ไหล่อย่างแรง เดวินส่งยิ้มฟันกระต่ายสองซี่ให้ดูพลางส่งเสียงหัวเราะชอบใจ
“อะไรเนี่ยดาว พี่ง่วงนะ”
“ไปทำอะไรมา? พูดมาให้หมดเลยนะ!”
เวกัสอุ้มหลานชายมาชูขึ้นสูง ๆ เรียกเสียงหัวเราะจากทารกน้อยได้เป็นอย่างดี ส่วนดาวก็ยืนเท้าเอวรอคำตอบอย่างใจเย็น
“แค่ไปซ้อมยิงปืนเอง ไม่งั้นฝีมือจะตกหมด”
เขาบอกไปแบบนั้นก่อนจะรีบเอี้ยวตัวหลบฝ่ามือจากน้องสาวในทันที ดาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความใจร้อนของพี่ชายตัวเอง อุตส่าห์ขอแล้วว่าอย่าทำอะไรบ้า ๆ ลงไปแต่เหมือนเขาจะไม่ฟังเธอเลยสักนิด
“พี่รู้ใช่ไหมว่าที่ทำไปมันคือการประกาศเป็นศัตรูกับพวกนั้น?”
“รู้”
“แต่ก็ยังทำ ให้ตายเถอะ ดาวรู้ว่าพี่แค้นพวกมันแต่เอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ”
“.....”
“ดาวขอเถอะพี่เวย์ ทำอะไรคิดถึงคนข้างหลังบ้างดาวมีพี่ชายคนเดียวนะ”
เวกัสนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขายอมรับว่าตัวเองใจร้อนและทำอะไรบุ่มบ่ามไปจริง ๆ เพราะถ้าเมื่อคืนมันพลาดนั่นหมายถึงเขาเองนั่นล่ะที่อาจตายได้
“โอเค พี่จะไม่ทำอีกแล้ว”
“ให้มันจริงเถอะ ถ้าพี่ถือปืนไปไล่ยิงพวกนั้นอีกดาวจะไม่ให้มาเจอเดวินอีกเลย”
ดาวพูดขู่ทิ้งท้ายไว้ก่อนจะอุ้มลูกชายตัวแสบเดินออกจากห้องไปทันที เวกัสได้แต่มองตามแผ่นหลังของน้องสาวพลางโบกมือลาเดวินที่ยังยิ้มแป้นไม่หุบ
“พอเป็นแม่คนแล้วโตขึ้นเยอะเลยนะ ดาว....”
เวกัสยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเข้าบริษัท ความตั้งใจที่จะถอนตัวออกจากวงการมาเฟียยังไม่เปลี่ยนไปแค่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น
ตอนนี้เขาเลยต้องทั้งล้างแค้นและทำหน้าที่เป็นประธานบริษัทที่เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวไปด้วย ธุรกิจส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไม้ขนาดใหญ่ที่เคยได้รับสืบทอดมามันคือสิ่งสุดท้ายที่พ่อทิ้งไว้ให้กับเขาแต่ตอนนี้เขาได้ปรับเปลี่ยนมันทั้งหมดจนกลายเป็นบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ไปแล้ว
บริษัทของเวกัสเป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าไอทีหลายอย่างที่ผู้คนต้องการ แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วก็ยังเป็นฐานลับที่ไว้ใช้ผลิตจีพีเอสแบบติดตามที่เทวาคิดค้นขึ้นด้วย
“นายน้อยครับ พวกนั้นทำลายศพทิ้งหมดแล้วครับ”
คริสเข้ามารายงานกับเขาระหว่างที่กำลังนั่งทานข้าวเช้าอยู่ เขายิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเพราะนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด
“มันเคลื่อนไหวอะไรอีกไหม?”
“ไม่ครับ ตอนนี้เงียบหายไปแล้ว คาดว่าคงจะอีกพักใหญ่เลย”
“หึ ก็เสียเงินไปไม่น้อยเลยนะสำหรับของที่มันขนมาเมื่อคืน”
เวกัสพูดออกมาอย่างสบายใจ ของที่คาลมาลักลอบขนเข้ามาเป็นยาเสพติดและสารสำหรับทำยาเสพติดด้วย มูลค่าของมันคงไม่ต่ำกว่าหลักล้านแน่ ๆ
“จับตาดูมันไว้ ถ้ามีการเคลื่อนไหวเมื่อไหร่บอกฉันด้วย”
“ได้ครับ”
“แล้วเรื่องที่ให้ไปคุ้มกันผู้หญิงคนนั้นล่ะ”
เวกัสอดถามถึงน้ำทิพย์ไม่ได้เพราะห่วงหลาย ๆ เรื่อง เขาพาเธอเข้ามาในคอนโดส่วนตัวและมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเฟนเนคจะรู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับเขา
พวกมันอาจใช้เธอเป็นตัวประกันในการล่อเขาออกไป เขาจึงให้คนตามคุ้มกันห่าง ๆ เพื่อกันไว้ก่อน
“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติครับ ส่วนนายรุจก็ยังเอาชื่อเธอไปค้ำประกันตามบ่อนต่าง ๆ เหมือนเดิม แค่วันเดียวเธอก็มีเจ้าหนี้เข้ามาหาถึง 3 คนแล้วครับ”
“3 คน?”
“ครับ จำนวนเงินที่นายรุจไปติดไว้ไม่ใช่น้อย ๆ เลยครับ”
“เท่าไหร่ก็จ่ายไปแล้วจับตาดูเธอต่อด้วย อย่าให้ใครทำอะไรเธอได้เด็ดขาด”
“ครับนายน้อย”
ตอนนี้เขาคงทำได้แค่นี้เท่านั้นเพื่อไม่ให้คนนอกอย่างเธอเข้ามามีเอี่ยวด้วย เขาไม่อยากดึงคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามาในวงจรนี้เลยแม้แต่คนเดียวเพราะงั้นคงต้องคุ้มกันเธอไปพลาง ๆ ระหว่างที่ยังจัดการคาลมาไม่ได้
»»»»«««««
1 เดือนต่อมา
“คุณเวกัสคะ รบกวนเซ็นเอกสารในแฟ้มนี้ด้วยนะคะ”
เสียงเลขาที่เดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มหนาพูดขึ้น เธอวางแฟ้มลงตรงหน้าประธานหนุ่มก่อนจะส่งยิ้มให้กับเขา
“ขอบคุณมากครับคุณเนม วันนี้ทำงานวันสุดท้ายใช่ไหม?”
“ค่ะ ฉันต้องไปเตรียมตัวหลายอย่างเพื่อจะได้ทันงานแต่ง ขอโทษด้วยนะคะที่ออกกะทันหันแบบนี้”
เธอเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด เวกัสวางปากกาลงพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ
“ไม่เป็นไร ผมยินดีด้วยนะกับการแต่งงานของคุณ เดี๋ยวคุณไปที่ฝ่ายบุคคลนะแล้วบอกว่าผมให้มาเอาของที่สั่งไว้ มันเป็นของขวัญแต่งงานและของขอบคุณที่เหนื่อยมาตลอด”
“ขอบคุณค่ะคุณเวกัส เลขาคนใหม่จะเข้ามาทำงานจันทร์หน้านะคะ ฉันจะแวะมาสอนงานเธอช่วงเช้าให้ เธอเป็นเด็กหัวดีและเรียนเก่งคงทำงานได้ไม่ขาดตกบกพร่องแน่นอนค่ะ”
“ผมเชื่อในสายตาของคุณเนมครับว่าจะต้องแนะนำคนดี ๆ ให้อย่างแน่นอน”
ในช่วงหนึ่งเดือนมานี้เขาแทบไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องงาน ธุรกิจของเขากำลังเติบโตไปได้ด้วยดีจึงจำเป็นต้องทุ่มแรงกายเพื่อทำมันออกมาให้ดีที่สุด
โชคดีที่คาลมาเองก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ออกมาเช่นกันเลยทำให้เขามีเวลามากพอที่จะมาสนใจทางนี้อย่างเต็มที่
“งั้นวันนี้คุณเนมกลับเลยก็ได้นะครับ คงไม่มีอะไรแล้ว”
เมื่อเห็นว่างานทั้งหมดไม่มีอะไรแล้วเขาจึงตัดสินใจให้เลขากลับไปพักได้ เธอกำลังเตรียมงานแต่งคงยุ่งน่าดู
“จะดีเหรอคะ”
“ดีครับ กลับไปเตรียมตัวเถอะถือว่าผมขอนะ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
เลขาวัยยี่สิบปลาย ๆ ยกมือไหว้เขาก่อนจะเดินออกไป เวกัสลุกขึ้นไปยืนมองวิวด้านนอกพร้อมกับจุดบุหรี่สูบพลางครุ่นคิดไปด้วย
คาลมาเงียบหายไปจนเขาเริ่มผิดสังเกตเล็กน้อย มันเงียบหายราวกับตัวเองไม่มีตัวตนเลยยังไงยังงั้น ไม่มีข่าวอะไรของมันหลุดรอดมาเลยแม้แต่เรื่องเดียว
มันต้องวางแผนทำอะไรบางอย่างไม่ผิดแน่ ๆ แต่มันคืออะไรล่ะ? เขาคิดยังไงก็คิดไม่ออกจนในที่สุดก็ต้องดึงสติกลับมาทำงานตรงหน้า
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าแกคิดจะทำอะไร คาลมา....”
»»»»«««««
ครืด ครืด....
เสียงโทรศัพท์สั่นปลุกให้ฉันรู้สึกตัวขึ้น ฉันควานหามือถือไปทั่วก่อนจะกดรับสายพลางกรอกเสียงที่ยังไม่ตื่นดีลงไปโดยไม่ได้ดูชื่อที่หน้าจอ
“ฮัลโหล....
(ฮัลโหลค่ะ น้องทิพย์พี่เนมเองนะ)
“สวัสดีค่ะพี่เนม”
ฉันดีดตัวขึ้นจากที่นอนด้วยความตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นใคร เธอคือพี่เนมเป็นคนที่ฉันได้รู้จักบังเอิญรู้จักและได้สนิทสนมกันเพราะนิสัยคล้ายกัน
(พี่จะโทรมาบอกเรื่องงานเลขาน่ะ สะดวกออกมาเจอพี่ไหม)
“สะดวกค่ะ พี่เนม เดี๋ยวหนูรีบออกไปหาเลยค่ะ”
(โอเคจ้า ไว้เจอกันที่เดิมนะ)
“ได้ค่ะพี่เนม”
ฉันรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างทำเวลาเพื่อออกไปพี่เนมตามนัด ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงคาเฟ่ที่เรามักมาเจอกันประจำ
“ทิพย์ ทางนี้ ๆ”
ฉันหันไปตามเสียงเรียกและเจอพี่เนมกำลังโบกมือให้ เธอยังคงยิ้มอย่างสดใสและร่าเริงไม่เปลี่ยน
“สวัสดีค่ะพี่เนม”
“สวัสดีจ้า กินอะไรก่อนไหม”
“ขอเป็นนมสดร้อนแล้วกันค่ะ”
ระหว่างที่รอเครื่องดื่มมาเสริฟพี่เนมก็เริ่มพูดเรื่องงานที่ฝากฉันเข้าทำงานไปพลาง ๆ เธอลาออกเพื่อไปแต่งงานและต้องการคนมาทำหน้าที่เลขาแทนตัวเองและฉันก็เรียนจบด้านนี้มาโดยตรงเธอจึงอยากให้ฉันมาทำงานนี้
“หนูจะทำได้จริง ๆ เหรอคะพี่เนม”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็....ถึงจะบอกว่าจบมาโดยตรงก็เถอะแต่นอกจากฝึกงานแล้วหนูยังไม่เคยทำงานแบบนี้จริงจังเลยนะคะ”
“ทำได้อยู่แล้วล่ะ พี่เชื่อใจทิพย์นะ”
ฉันได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้กับพี่เนม เธอบอกว่าประธานเป็นคนไม่เรื่องมากแค่ทำงานตามหน้าที่ก็พอ เขาไม่ใช่คนจุกจิกหรือทำตัวเจ้าชู้ใส่เลขาตัวเองอย่างแน่นอน
ได้ยินแบบนั้นก็แอบสบายใจขึ้นมานิดหน่อยและหวังมาฉันจะทำงานถูกใจท่านประธานนะเพราะเงินเดือนที่เขาเสนอมาให้มันไม่ใช่น้อย ๆ เลย
“ขอบคุณนะคะพี่เนม หนูจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
“งั้นวันจันทร์เจอกันที่บริษัทนะ พี่ทำงานวันนี้วันสุดท้ายแต่เดี๋ยวจะเข้าไปสอนงานคร่าว ๆ ให้ พี่ต้องไปแล้วนัดลองชุดเจ้าสาวไว้น่ะ”
“ได้ค่ะ ไว้เจอกันนะคะ”
“กลับห้องดีกว่า หาว~~”
ฉันแยกกับพี่เนมที่หน้าคาเฟ่ ส่วนตัวเองก็กลับมานอนแห้งที่ห้องเหมือนเดิม อีกแค่สองวันก็ได้เริ่มงานแล้วตอนนี้ต้องพักผ่อนให้เต็มที่จะได้ลุยงานได้เต็มแรงเหมือนกัน
ไว้เจอกันนะคุณประธาน!
»»»»«««««
ฉันยืนสูดหายใจเข้าลึก ๆ อยู่หน้าทางเข้าบริษัท VT คอปเปอร์เรชั่นเพื่อระงับความตื่นเต้นเอาไว้ วันนี้คือวันที่ฉันจะเริ่มงานวันแรกรู้สึกแอบกังวลยังไงไม่รู้
“ฉันทำได้น่า”
ฉันกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่พี่เนมเคยบอกไว้ เมื่อไปถึงเธอก็มารออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับประธานที่นั่งเซ็นเอกสารแต่เช้า
“น้องทิพย์มารู้จักกับท่านประธานสิ”
ฉันประหม่าเล็กน้อยเมื่อต้องเจอกับประธานตั้งแต่นาทีแรกที่เข้าทำงานแบบนี้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจจนแทบเก็บอาการไม่อยู่
“คุณเวกัสคะ นี่น้ำทิพย์ค่ะ คนที่จะมาเป็นเลขาใหม่ของคุณ”
เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉัน ความทรงจำในคืนนั้นกำลังไหลเข้ามาในหัวอย่างหยุดไม่ได้
“สวัสดีครับ....คุณน้ำทิพย์”
“สะ สวัสดีค่ะ”
ให้ตายเถอะ คู่นอนที่ฉันทิ้งเขาไปเมื่อเดือนที่แล้วเป็นเจ้านายคนใหม่ของฉัน!!!!
โลกจะกลมเกินไปแล้ว!?