ตอนที่ 12
เย็นนี้อลิสากลับบ้านเร็วกว่ากำหนด โดยเธอตัดสินใจขึ้นรถแท็กซี่กลับไปก่อนที่จะเรียนคาบสุดท้ายเสร็จด้วยซ้ำ ฌาวีร์ขับรถมารับเธอระหว่างที่เขาคอยเธออยู่หน้าตึกศรันพรกับมาศยาที่เห็นจึงรีบลงมาบอกฌาวีร์
“สวัสดีค่ะ พี่มารอรับริสาใช่มั้ยคะ” ทั้งสองเดินมาหาฌาวีร์ตรงม้านั่งหินอ่อนหน้าตึกใต้ต้นหูกวาง ก่อนที่มาศยาจะเป็นคนเอ่ยกับฌาวีร์
“ครับ น้องสองคนเป็นเพื่อนของริสาเหรอครับ” ฌาวีร์ยิ้มกว้างและทักทายทั้งสองอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่ศรันพรจะเป็นคนเล่า
“ค่ะ คือว่าตอนนี้ริสากลับบ้านไปแล้ว"
"ริสากลับไปก่อนที่จะเรียนหมดคาบอีกค่ะ เห็นว่าทางบ้านมีปัญหา” มาศยาเป็นคนอธิบายบ้าง
“ขอบคุณนะครับ งั้นพี่ขอตัวไปดูริสาที่บ้านก่อนนะ” พูดจบฌาวีร์ก็รีบเดินไปขึ้นรถ ทั้งสองยิ้มให้ฌาวีร์และต่างพากันทึ่งในความหล่อ
“หู้ย!!..โคตรหล่อเลยอะแก” ศรันพรพูดกับเพื่อนในขณะกำลังมองฌาวีร์ก้าวขึ้นรถด้วยความเคลิบเคลิ้ม
“เพิ่งเห็นตัวจริงใกล้ ๆ กันวันนี้แหละ” มาศยาพูดบ้าง ก่อนที่เพื่อน ๆ หลายคนจะตรงเข้ามาสอบถามว่าทั้งสองไปรู้จักกับเจ้าของรถซุเปอร์คาร์คันนั้นได้อย่างไร
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้
ระหว่างที่เรียนคาบสุดท้ายอยู่ มารดาของอลิสาก็ได้โทรมาบอกว่า มีเจ้าหนี้ของบิดามาทวงหนี้ที่ค้างอยู่เป็นจำนวนเงินห้าแสนบาท นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้อลิสารีบกลับบ้านด่วน
โดยชายสามคนอ้างว่า เขาเป็นคนของเสี่ยสมยศ มารดาของเธอบอกอย่างนั้น และคนพวกนั้นก็ต้องการให้อลิสารีบกลับไปที่บ้านเพื่อเซ็นต์ยินยอมรับสภาพหนี้ของบิดา โดยระหว่างที่ศศิธรโทรหาบุตรสาว พวกนั้นก็แย่งโทรศัพท์ไปคุยเอง ซึ่งอลิสาที่เป็นห่วงมารดาอยู่แล้ว เพราะกลัวจะเกิดอันตราย เธอจึงรีบขออนุญาตอาจารย์กลับทันที จากนั้นพวกมันก็ยึดโทรศัพท์ของศศิธรเอาไว้เพื่อรอจับอลิสา
“ใจเย็น ๆ นะแม่ เดี๋ยวหนูจะรีบกลับเดี๋ยวนี้” เธอโทรบอกมารดาขณะที่ตัวเองยังอยู่บนรถเมล์ ซึ่งพวกมันเปิดสปีกเกอร์โฟนและใช้ปืนขู่ศศิธรให้คุยกับอลิสาอย่างปกติ ก่อนจะเอาโทรศัพท์ของศศิธรไปเก็บเอาไว้
ฌาวีร์เลี้ยวรถเข้าซอยมา และกำลังจะจอดรถที่หน้าบ้านของอลิสา ศศิธรมารดาก็รีบวิ่งหน้าตื่นมาที่รถของฌาวีร์ทันที ด้วยอาการที่ร้อนรน
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย คุณฌาวีร์..พวกมันเอาตัวริสาไปแล้ว ฮื้อๆๆ” ผู้เป็นมารดาไม่สวมรองเท้าและวิ่งมาเคาะกระจกฝั่งคนขับรัวๆ จนฌาวีร์ตกใจไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะรีบตั้งสติ จากนั้นเขาจึงรีบโทรแจ้งตำรวจ
“คุณแม่รีบขึ้นรถมาก่อนเถอะครับ” ศศิธรรีบขึ้นรถตามที่ฌาวีร์บอก
“พวกมันไปทางไหนครับ” ผู้เป็นมารดารีบชี้นิ้วบอกทางออกจากหมู่บ้านของเธออีกฟากหนึ่งที่ฌาวีร์ไม่รู้ และคิดว่าคนร้ายที่จับตัวอลิสาไปคงต้องใช้เส้นทางนี้อย่างแน่นอน
“คุณแม่จำยี่ห้อกับทะเบียนรถได้มั้ยครับ” เขารีบถามเพราะทางตำรวจจะรีบสกัดรถคันดังกล่าวให้
ศศิธรจำได้ว่าเป็นรถสีขาวก่อนจะบอกเลขทะเบียนกับตำรวจไป โดยฌาวีร์ยื่นโทรศัพท์ให้ศศิธรเป็นคนบอก ส่วนยี่ห้อรถนั้นเธอไม่แน่ใจ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้ฌาวีร์ระหว่างที่เขากำลังขับรถอยู่
“ฝากด้วยนะครับคุณตำรวจ” ฌาวีร์วางสายเรียบร้อยก็รีบบึ่งรถตามคนร้ายไปตามทางที่ศศิธรเป็นคนบอก
ภายในรถตู้สีดำติดฟิมล์มืดสนิท อลิสากำลังถูกควบคุมตัวโดยชายสองคนพวกมันให้เธอนั่งอยู่ทางเบาะหลัง และมีคนขับรถด้านหน้าอีกหนึ่งคน พอผ่านมาสักระยะ หนึ่งในพวกมันคนหนึ่งก็อดใจไม่ไหวจึงลงมือลวนลามอลิสาด้วยความย่ามใจ
“อื้อ..ปล่อยนะ ช่วยด้วย!!!” อลิสาส่งเสียงร้องและดิ้นรนออกมาจากรถตู้โดยสารคันที่คนร้ายสามคนช่วยกันจับตัวเธอมา ทั้งสองกำลังมองดูร่างนักศึกษาสาวสาวที่จับมาส่งให้เจ้านายด้วยแววตากระหายหื่น
ใบหน้าสวยงามเซ็กซี่ของอลิสาช่างยั่วอารมณ์ราคะของมันเป็นที่สุด จนพวกมันแทบจะห้ามใจไม่ไหว ทั้งที่เธอเองอุตส่าห์แต่งตัวปกปิดมิดชิดซะด้วยซ้ำ กระโปรงที่เธอสวมใส่ก็ไม่ได้ใส่สั้นแบบเมื่อก่อนแล้ว เพราะตั้งแต่ฌาวีร์มารับมาส่งเธอ อลิสาก็เปลี่ยนมาใส่กระโปรงยาวตลอด เนื่องจากเธอไม่อยากเป็นอาหารตาของเขา
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ อยากได้เงินเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันจะหามาชดใช้ให้”
“ไม่ทันแล้ว พอดีเจ้านายพี่อยากให้น้องไปขัดดอกก่อน ส่วนเรื่องหนี้สินเดี๋ยวเราค่อยมาว่ากันทันหลัง ถ้าเจ้านายพี่ถูกใจน้อง รับรองว่าหนี้ห้าแสนน้องอาจจะไม่ต้องใช้สักบาทเลยก็ได้” มันก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของเธอ
อลิสาจำต้องดินรนอีกครั้ง เมื่อชายทั้งสองพยายามจะถอดเสื้อนักศึกษาของเธอออก โดยการที่พวกมันคนหนึ่งพยายามจะปลดกระดุมเสื้อของเธอ
หญิงสาวรู้สึกเจ็บที่แขนเพราะชายอีกคนบีบแขนเธออย่างรุนแรงเพื่อล๊อกตัวเธอเอาไว้ไม่ให้ขัดขืน ก่อนจะปล่อยให้เพื่อนของมันที่นั่งอยู่อีกฝั่งซุกหน้าลงไปดูดฟัดเต้านมอวบของเธออย่างเมามัน ในขณะที่บั้นเอวของเธอก็ยังคงถูกมือหนาลูบวนไปมา
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ช่วยด้วย!!!”