ตอนที่ 13
ปริ๊น! ปริ๊น!
เสียงแตรรถทำให้คนที่กำลังลวนลามอลิสาอยู่ตกใจและไม่ทันระวัง หญิงสาวจึงดิ้นจนตัวเองหลุดออกมาได้ และรีบเปิดกระจกรถขอความช่วยเหลือ กับฌาวีร์ที่ขับรถมาประกบอยู่ทางด้านข้าง
“คุณฌาวีร์ช่วยริสาด้วยค่ะ” อลิสาโบกไม้โบกมือตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ศศิธรีบเปิดกระจกรถบอกลูกสาว
ฌาวีร์รีบขับรถเข้ามาประกบเอาไว้ ไม่นานนักรถตำรวจสองคันก็เปิดเสียงไซเรนไล่ตามมาข้างหลัง ฌาวีร์จึงรีบขับรถของตัวเองให้ไปดักด้านหน้ารถของคนร้ายโดยมีรถตำรวจปิดท้าย สองคนร้ายในรถตู้เห็นท่าไม่ดี จึงรีบเอาปืนยิงไปรถของฌาวีร์เพื่อเปิดทาง แต่อลิสาที่เห็นจึงพยายามผลักปลายกระบอกปืนให้หันไปทางอื่น จนเธอถูกพวกมันทำร้าย และตบไปที่ใบหน้าอย่างแรงเธอคว่ำหน้าลงไปร้องไห้สะอึกสะอื้นมีเลือดนองเต็มปาก
รถตำรวจได้ยินเสียงปืนจึงเร่งความเร็วของตัวรถมาประกบด้านข้างอีกหนึ่งคัน และพยายามขับเบียดรถของคนร้ายให้ไปชิดขอบฟุตบาท เมื่อตำรวจเห็นว่าคนร้ายไม่ยอมหยุดรถ จึงตั้งใจเอาปืนยิงไปที่ล้อยางรถของรถตู้สีดำคันดังกล่าวเพื่อเป็นการสกัดรถของคนร้าย เป็นเหตุให้คนร้ายไม่สามารถควบคุมรถได้เนื่องจากยางแบนเกือบสี่ล้อ จากนั้นรถตำรวจที่เบียดอยู่ข้าง ๆ ตัดสินใจหักรถของตัวเองให้ชนกับรถของคนร้าย จนคนขับรถของคนร้ายหัวกระแทกพวงมาลัยเลือดอาบ ก่อนที่เขาจะกลัวความผิดและรีบหยุดรถทันที
ตำรวจจับชายสามคนในรถตู้ไปดำเนินคดี และช่วยอลิสาได้อย่างปลอดภัย หลังจากนั้นศศิธรและบุตรสาวก็ได้ตามไปให้การที่สถานีตำรวจ
ตำรวจสอบสวนคนร้ายจนได้ความว่า ทั้งสามคนรวมทั้งคนขับรถเป็นลูกน้องของเสี่ยสมยศ แต่คนขับเป็นเด็กอยู่มากอายุเพียงแค่สิบแปดปีเท่านั้น เจ้าหนี้ของวัชรโชคสามีที่เสียชีวิตไปของศศิธร ถูกลูกน้องของเสี่ยสมยศอ้างว่าศศิธรไม่ยอมชดใช้หนี้ของสามีที่ค้างเอาไว้ จึงต้องการจะจับตัวลูกสาวของวัชรโชคไปให้เจ้านายตามคำสั่ง ซึ่งเวลาต่อมาเสี่ยสมยศก็ถูกตำรวจบุกเข้าไปจับตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจ และเขาก็ได้ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าพวกลูกน้องได้ทำกันเอง จากนั้นเสี่ยสมยศจึงใช้เส้นสายของตัวเองประกันตัวออกไป ฌาวีร์พาอลิสาไปตรวจร่างกายและทำแผลที่โรงพยาบาล
“คุณแม่ยังค้างหนี้ของเสี่ยสมยศอยู่เท่าไหร่ครับ” ฌาวีร์ถามศศิธรระหว่างที่อลิสากำลังให้หมอตรวจร่างกาย เธอมีแผลที่ริมฝีปากเนื่องจากว่าถูกคนร้ายตบอย่างรุนแรง
“รวมทั้งดอกเบี้ย ก็น่าจะราว ๆ ห้าแสนบาทค่ะ” ศศิธรบอกกับฌาวีร์ ก่อนจะเล่าว่าเธอเอาเงินที่ได้จากการขายบ้านไปใช้หนี้ธนาคารและเจ้าหนี้รายอื่น ๆ หมดแล้ว ส่วนเสี่ยสมยศเธอไม่รู้ว่าสามีไปกู้ยืมเงินมาตอนไหน
“งั้นผมจะจ่ายหนี้ก้อนนี้ให้เองครับ แล้วคุณแม่ยังมีหนี้ที่ไหนอีกมั้ยครับ”
“ไม่มีแล้วค่ะ” หลายวันต่อมาฌาวีร์ตัดสินใจติดต่อเสี่ยสมยศเพื่อจ่ายเงินค่าหนี้ที่สามีของศศิธรค้างเสี่ยสมยศเอาไว้จนครบตามจำนวนห้าแสนบาท และนัดเจอกันที่สถานีตำรวจ
“คราวนี้ครอบครัวของคุณศศิธรก็ไม่มีอะไรติดค้างเสี่ยอีกแล้วนะครับ” ฌาวีร์บอกหลังจากเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย และให้ตำรวจเป็นพยาน โดยมีศศิธรและอลิสาเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย
“ผมรู้นะว่านักธุรกิจอย่างคุณก็คงหวังไม่ต่างจากผมนักหรอก เพียงแต่วิธีการของเรามันต่างกันก็แค่นั้นเอง” พูดจบเสี่ยสมยศก็หันมามองอลิสา ก่อนจะเดินจากไป
“คุณฌาวีร์คะ เงินห้าแสนบาทที่คุณจ่ายหนี้ให้ คุณแม่อยากจะใช้คืนค่ะ คุณฌาวีร์ช่วยจ้างแม่ไปเป็นแม่บ้านที่โรงแรมของคุณก็ได้ค่ะ พอดีแม่ไม่สบายใจเรื่องนี้เลย” ฌาวีรไม่รู้ว่าศศิธรได้ยินคำพูดของเสี่ยสมยศที่พูดออกมาหรือเปล่า จึงทำให้เธอคิดเช่นนี้ แต่เขาก็รีบบอกเธอ
“ผมเต็มใจจ่ายให้ครับ โดยที่คุณแม่ไม่ต้องคืนให้ผมหรอกครับ” ฌาวีร์บอกด้วยความเต็มใจ
“แต่แม่ก็ไม่สบายใจอยู่ดีแหละค่ะ”
“ถ้าคุณแม่ไม่สบายใจ งั้นผมก็ยินดีที่จะจ้างคุณแม่ทำงานครับ แต่ความรู้อย่างคุณแม่ ไปทำตำแหน่งอื่นก็ได้สบายครับ คงไม่ถึงขั้นไปเป็นแม่บ้านหรอก”
หลายวันต่อมาอลิสากับมารดาก็ตกลงกันว่าจะย้ายออกจากบ้านของฌาวีร์ เขาจึงเดินทางมาคุยเพื่อสอบถามถึงปัญหาของสองแม่ลูก ถึงแม้อลิสาจะมองเห็นความดีที่ฌาวีร์ช่วยเหล่ือครอบครัวเธอ แต่อลิสาก็ไม่ยอมช่วยฌาวีร์ในสิ่งที่เขาขอร้องเธอ โดยอลิสาอ้างว่าเธอไม่อยากหลอกลวงใครอีก ซึ่งนั่นเขาแทบไม่อยากจะเชื่อ ว่าเธอจะพูดกับเขาแบบนี้
“แม่กับริสาตกลงกันว่าจะย้ายออกจากบ้านของคุณฌาวีร์ในช่วงสิ้นเดือนนี้ค่ะ” ศศิธรบอกกับฌาวีร์
“ริสา!! จริงเหรอ” ฌาวีร์ไม่เชื่อเขาหันมาถามอลิสาแทน ก่อนจะได้คำตอบที่ทำให้เขาแทบเข่าทรุด
“ค่ะ ริสาคุยกับแม่แล้ว” เธอยืนยัน
“แล้วริสากับแม่จะไปอยู่ที่ไหน” ฌาวีร์ถามด้วยความเป็นห่วง
“ครอบครัวของคุณแม่อยู่ต่างจังหวัดค่ะ หลังจากที่ริสาเรียนจบแล้ว เราสองแม่ลูกตัดสินใจกันว่าจะไปใช้ชีวิตกันที่นั่นค่ะ” ศศิธรบอกกับฌาวีร์ ซึ่งนั่นก็เหมือนเป็นการตอกย้ำ
“แต่นั่นคงจะเป็นหลังจากที่คุณแม่ใช้หนี้ให้ผมแล้วใช่มั้ยครับ” ฌาวีร์ถามขึ้นด้วยความเจ็บปวด ศศิธรยืนยันกับฌาวีร์หนักแน่น ซึ่งฌาวีร์ไม่รู้มาก่อนเลยว่า การที่ศศิธรและอลิสาตัดสินใจแบบนี้ สาเหตุก็มาจากคุณอุทุมพรนั่นเอง