มินตราพูดไม่ออกเมื่อได้ยินขอร้องของชายสูงวัย เธอเป็นเพียงครูสาวบ้านนอกผู้เรียบง่าย ไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องซับซ้อนเช่นนี้มาก่อน
“ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่เหมือนมันตรา ฉันไม่เคยเจอเธอเลยด้วยซ้ำ” มินตราบอกปฏิเสธทันทีด้วยความตกใจ เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกยัดเยียดภาระที่หนักอึ้งเกินกว่าจะรับไหว
“ลุงเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับหนู” คุณสันติเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ค่ะมันยากมาก”
“แต่สถานการณ์ของลุงมันก็แน่มาก ถ้าต้องยกเลิกงานแต่งก็คงจะเสียชื่อเสียง และธุรกิจก็คงแย่ ลุงแค่หวังงว่าหนูจะช่วยสวมรอยเป็นมันตราไปก่อนถ้ามันตรากลับมาหนูก็กลับไปอยู่ที่ของหนูได้” คุณสันติอธิบายอย่างใจเย็น
“แต่ทำไมต้องเป็นฉันมาแต่งงานแทนด้วยล่ะคะ ทำไมพวกคุณไม่บอกเขาไปตรงๆ ล่ะคะ เลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อนก็ได้ ฉันว่าเดี๋ยวลูกสาวคุณลุงก็คงกลับมา เธออาจจะแค่ไปเที่ยวก็ได้” หญิงสาวมองโลกในแง่ดีไว้ก่อน
“ถ้าเป็นแบบที่หนูพูดมันก็ดี แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย ก่อนไปเราทะเลาะกัน มันตราโกรธมาก”
“นี่คุณลุงบังคับเธอแต่งงานเหรอคะ” แม้ไม่เคยเจอน้องสาวแต่พอคิดว่าถูกบังคับมินตราก็รู้สึกเห็นใจแทน
“มันเป็นเรื่องของธุรกิจ ที่ผู้ใหญ่ตกลงกันและคิดว่าแต่งไปเดี๋ยวก็รักกันเอง”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากคุณสันติเธอก็ยิ่งเห็นใจมันตรามากขึ้น
“ฉันว่ามันไม่ถูกต้องเลยนะคะ”
“บางทีความถูกต้องมันก็มาทีหลังนะ โลกทุกวันนี้มันซับซ้อนมากกว่าที่เราคิดไว้”
“แต่ฉันคงทำไม่ได้หรอกค่ะ”
“ลุงเข้าใจความลำบากใจของหนูดีนะมินตรา แต่ลุงมีข้อเสนอที่หนูอาจจะสนใจ”
“ข้อเสนออะไรคะ” มินตราเงยหน้าขึ้นมองคุณสันติด้วยความสงสัย
"ถ้าหนูตกลงที่จะสวมรอยเป็นมันตราและแต่งงานกับคุณกวินภพ ลุงจะปลดหนี้ทั้งหมดให้กับป้าจันทร์และลุงชิด หนี้สินทั้งหมดที่พวกท่านมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ที่ดิน หนี้ธนาคาร หรือหนี้สินอื่นๆ เราจะจัดการชำระให้ทั้งหมด” คุณสันติกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
มินตราชะงักไปกับคำพูดของคุณสันติ หนี้สินของลุงชิดกับป้าจันทร์ที่เกิดจากการไปกู้เงินมาทำนาแล้วปีนั้นน้ำท่วมผลผลิตไม่ได้ตามที่คิดไว้ทำให้ท่านเป็นหนี้ทั้งธนาคารและหนี้จากร้านค้าที่ไปเอาปุ๋ยเขามาก่อน เธอเห็นป้าจันทร์กับลุงชิดทำงานหนักมาตลอดชีวิตเพื่อเลี้ยงดูเธอและเพื่อชดใช้หนี้สินที่ท่วมหัว แต่หนี้สินเหล่านั้นมันมากมายจนเธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะใช้หมด
เธอเคยคิดจะไม่เรียนต่อแต่ท่านก็ไม่ยอมเพราะอยากให้มีชีวิตที่ดี ในตอนนี้ โอกาสที่จะปลดหนี้ทั้งหมดให้ป้าจันทร์และลุงชิดมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เพียงแค่เธอต้องยอมแลกกับชีวิตที่เรียบง่ายของเธอ เพื่อสวมรอยเป็นคนอื่น และแต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จัก
หญิงสาวพยายามคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วน เสียงของป้าจันทร์และลุงชิดที่คอยเป็นห่วงเป็นใยเธอเสมอมาดังขึ้นในหู ภาพรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขเมื่อเธอสอบติดครู และแววตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักเพื่อเธอ ทุกอย่างผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของเธอ
"ฉันจะตกลงค่ะ" มินตราตอบเสียงเบาหวิว แต่หนักแน่นกว่าครั้งแรก
“ลุงขอบใจหนูมาก หนูจะไม่ผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้” คุณสันติยิ้มบางๆ อย่างพอใจ
“แล้วฉันจะต้องทำอะไรบ้างคะ” มินตราถาม เธอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่เธอไม่คุ้นเคย
“หนูจะต้องเรียนรู้เรื่องราวของมันตราอย่างเร่งด่วน ทั้งบุคลิก ความชอบ และประวัติส่วนตัว เพื่อให้สวมรอยเป็นเธอได้อย่างแนบเนียนที่สุด ลุงจะจัดหาคนมาฝึกและจะคอยดูแลหนูอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จนกว่าจะพร้อมสำหรับงานแต่งงาน”
คำพูดของคุณสันติทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าเธอได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับไปสู่ชีวิตแบบเดิมอีกแล้ว การแต่งงานที่เริ่มต้นด้วยการสวมรอยและคำโกหกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นและมันจะเปลี่ยนชีวิตของเธอให้ต่างจากเดิม
“ฉันต้องเริ่มงานเมื่อไหร่คะ”
“ตอนนี้เลย ทุกอย่างเริ่มต้นเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดี”
“ฉันขอโทรบอกป้าจันทร์ก่อนได้ไหม ฉันหายมาแบบนี้ท่านคงเป็นห่วงมาก”
“มันก็จริงนะ ลุงจะให้คนกลับไปส่งหนูที่บ้าน ไปบอกป้าของหนูว่าจะต้องมาอยู่กรุงเทพกับลุง”
“ฉันบอกท่านได้มากน้อยแค่ไหนคะ”
“แล้วหนูคิดว่าไงล่ะ”
“ฉันไม่รู้” ตอนนี้มินตรารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
“ป้าของหนูจะยอมให้หนูแกล้งเป็นน้องสาวฝาแฝดไหมถ้ารู้ว่าหนูทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงิน”
“ป้าจันทร์คงไม่ยอม แต่ฉันจะหายมาเลยท่านก็ต้องเป็นห่วงมากๆ แน่ แต่ฉันไม่อยากโกหกท่านเลยค่ะ” ความกังวลฉายชัดอยู่ในแววตาของหญิงสาว
“หนูก็บอกท่านไปตามตรงสิว่ามาทำหน้าที่แทนน้องสาวแต่ไม่ต้องบอกรายละเอียดหมดหรอก” คุณสันติแนะนำเพราะเขาเองก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้เยอะ
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะบอกป้าจันทร์ว่าต้องมาทำงานแทนน้องสาวของฉันที่ไม่สบายอยู่ และฉันหวังว่าท่านคงจะเชื่อนะคะ”
“มันอยู่ที่ว่าหนูเคยโกหกท่านหรือเปล่าและท่านเชื่อใจหนูมากแค่ไหน”
“ฉันไม่เคยโกหกฉันคิดว่าเรื่องนี้ป้าจันทร์จะต้องเข้าใจถึงความจำเป็นแล้วที่โรงเรียนล่ะ”
“เรื่องโรงเรียนลุงจะให้คนไปจัดการเอง เอาล่ะเดี๋ยวลุงจะให้คนไปส่งหนูที่บ้าน แล้วให้เวลาหนูเก็บของที่จำเป็น เน้นว่าจำเป็นนะพวกเสื้อผ้าไม่ต้องเอามา”
“ฉันขอเวลาพรุ่งนี้วันหนึ่งได้ไหม ฉันอยากไปบอกนักเรียนก่อนว่าฉันอาจไม่อยู่และจะได้ฝากงานคุณครูท่านอื่นไว้ด้วย”
“ได้สิ วันมะรืนลุงจะให้คนไปรับหนูอีกที หวังว่าหนูจะทำตามที่ตกลงไว้นะ”
“ค่ะ” มินตราหวังว่าถึงวันนัดน้องสาวของเธอจะกลับมา