บทที่ 2
หวนกลับมา
“เฮือก!!” สตรีตัวน้อยสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่เคยปิดสนิทเบิกกว้าง นางยังคงหอบหายใจอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นแล้วกวาดสายตามองไปรอบด้าน ทว่าค่ำคืนอันมืดมิดผุดภาพจำอันน่าหดหู่เข้ามาในหัว
…ข้า …ยังไม่ตายหรือ?...
นั่นคือสิ่งที่หลี่ไป๋อวิ๋นนึกคิดอย่างฉงนใจเป็นอย่างแรก พลันเสียงฝีเท้ามากมายดังเข้ามาใกล้ สตรีตัวน้อยรับรู้ได้ถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามา ภาพจำในอดีตก็ผุดขึ้นมา หลี่ไป๋อวิ๋นหลับตาแน่นพยายามสะบัดไล่ภาพจำนั้น ทว่ามันพรั่งพรูเข้ามา อัดแน่นอยู่ในหัวของนาง น่าแปลกที่นางจดจำมันได้ทั้งหมด รวมถึงสถานการณ์ในยามนี้ด้วย!
คล้ายกับว่านางแอบบิดาเดินทางไปยังแคว้นใกล้เคียง เพื่อตามหาหยดน้ำค้าง ซึ่งเป็นยารักษาโรคของมารดา ระหว่างทางกลับถูกกลุ่มโจรดักปล้นจนแทบเอาตัวไม่รอด ในอดีตนางได้แผลเป็นขนาดใหญ่ที่กลางหลังจากเหตุการณ์นี้ เพื่อแลกกับการที่นางไม่ต้องเสียพรหมจรรย์ให้กับโจรป่าเถื่อน นางเสียเลือดจนเกือบตาย แต่ก็ยังกระเสือกกระสนฝืนสังขารกลับไปยังจวนได้
หากแต่ครานี้แม้จะสับสนอยู่บ้าง แต่นางก็พอรู้เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นแล้ว นางจะไม่ยอมเดินซ้ำรอยเดิมอีกเป็นอันขาด!!
ในอดีตนางรอจนถึงเช้าแล้วค่อยออกไปจากที่ซ่อน จากนั้นก็เจอกับกลุ่มโจรที่ดักซุ่มรออยู่ไม่ไกล เช่นนั้นแล้วหลี่ไป๋อวิ๋นจึงหันหลังเดินไปอีกทาง เดินทวนกระแสน้ำมายังต้นน้ำ
ทว่าดูเหมือนว่านางจะคิดตื้นไปหน่อย เสียงฝีเท้าของกลุ่มโจรดังเข้ามาใกล้ หลี่ไป๋อวิ๋นรีบวิ่งหนีตายสุดแรง แต่ความเหนื่อยล้าทางกายมิอาจฝืนวิ่งต่อไปได้มากกว่านี้
ผมของนางถูกกระชากจากด้านหลังจนเสียหลักล้มลง ข้อเท้าพลิกจนรู้สึกเจ็บแปลบ ทว่าร่างของนางยังคงถูกกระชากลากถูอย่างโหดร้าย พลันความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา นางรวบรวมพลังปราณภายในก่อนจะออกแรงผลักบุรุษที่กระชากผมของนางให้กระเด็นไปไกล
แปล๊บ!
ภายในอกเกิดความรู้สึกเจ็บแปลบ เนื่องจากร่างกายนี้ยังมิได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้อง การฝืนใช้พลังไม่ต่างจากการฝืนร่างกาย ทว่านางยอมนายดีกว่าถูกโจรป่าย่ำยีพรหมจรรย์!!
สตรีตัวน้อยดึงปิ่นปักผมออกมาโดยไม่สนว่ายามนี้ตนเองจะมีสภาพเป็นเช่นไร นางรวบรวมพลังปราณอีกหน ขว้างปิ่นไปด้านหน้าเพื่อโจมตีจุดอัมพาต ก่อนที่ปิ่นนั่นจะวนกลับมาสู่มือนาง เกิดการต่อสู้เช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่ง
ทว่าด้วยความมืดมิด คนในเมืองเช่นนางมีหรือจะเคยชินเช่นโจรป่า พวกมันบุกเข้าหานางจากทางด้านหลัง ทว่าหลี่ไป๋อวิ๋นไหวตัวทัน นางปักปิ่นเข้าที่ดวงตาของโจรป่าผู้นั้นจนมันร้องเสียงหลง
ใช้จังหวะนั้นวิ่งหนีออกไป ร่างกายของตนเองนางย่อมรู้ตัวดีว่าในยามนี้ใกล้จะถึงขีดจำกัดเต็มทน
“อึก!” กระอักเลือดออกมาพร้อมกับร่างทรุดลงพื้นอย่างน่าเวทนา เสียงฝีเท้าของโจรป่าที่เหลือวิ่งตามมาติดๆ ทว่าหากใช้พลังปราณอีกครามีหวังจุดดันเถียนในร่างคงแตกสลายเป็นแน่ แต่ว่าจะให้นางยอมจำนนต่อโจรป่าพวกนี้ นางมิอาจทำใจยอมรับได้!
หลี่ไป๋อวิ๋นกำปิ่นปักผมในมือแน่น ก่อนจะยกมันขึ้นจ่อที่ลำคอของตนเอง แม้จะน่าเสียหากต้องจบชีวิตลงอีกครา ทั้งที่นางยังมิได้แก้ไขสิ่งใดเลย ยังไม่รู้แน่ชัดด้วยซ้ำว่านางหวนย้อนกลับคืนมาจริงหรือไม่ หรือว่านี่เป็นเพียงห้วงแห่งความฝันที่ถูกสร้างขึ้น
ปิดเปลือกตาลงก่อนจะออกแรงปักปลายแหลมของปิ่นลงบนลำคอของตนเอง หากแต่ก่อนที่นางจะได้กระทำเช่นนั้น ปิ่นก็ถูกปัดออกจากมือของนาง ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นแย่งเอาไป พร้อมกับการปรากฏตัวของอาชาสูงสง่าและพลธนูนับสิบ กระหน่ำยิงผ่านนาง แรงลมนั่นปะทะร่างกายทว่ามิได้สร้างบาดแผลเลยแม้แต่น้อย มันปักเข้าที่จุดตายของเหล่าโจรป่า
ดวงตาคู่งามช้อนขึ้นมองใบหน้าของคนผู้นั้น ท่ามกลางความมืดมิดอย่างอ่อนแรง และนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่หลี่ไป๋อวิ๋นรับรู้
ดวงตากลมค่อยๆ เปิดออกอย่างเชื่องช้า เมื่อสายตาปรับชินกับภาพตรงหน้า สตรีตัวน้อยก็กวาดสายตามองไปรอบด้าน
…ที่นี่ ห้องของข้า…
หลี่ไป๋อวิ๋นหยัดกายลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะมองสำรวจรอบด้านด้วยความคิดถึง นี่เป็นห้องที่นางเคยอยู่ก่อนจะเดินทางเข้าวัง ทุกสิ่งอย่างยังคงเหมือนเดิมราวกับย้อนเวลากลับมา ไม่สิ… หลี่ไป๋อวิ๋นมั่นใจว่าตนเองหวนย้อนกลับมาเป็นแน่ ทว่ามันเป็นไปได้อย่างไร
สตรีตัวน้อยเรียบเรียงความทรงจำในหัว ลำดับเหตุการณ์ก่อนหลังอย่างชัดเจน นางเป็นคนความจำดีจึงจำได้ทุกเหตุการณ์สำคัญ แม้จะผ่านมานานแล้วก็ตาม
อย่างแรกนางจะถูกดุและถูกกักบริเวณ อย่างที่สองหลี่ฮุ่ยหลินจะกลับมาหลังจากทำคดีใหญ่ และเหตุการณ์ที่สามเป็นสิ่งที่นางต้องการหยุดยั้งมันมากที่สุด! การได้รับปิ่นปักผมในคล้ายวันเกิดของนางจากตงจิ่นติ้ง!
…ก่อนอื่น ข้าต้องไปขอขมาท่านพ่อเสียก่อน ที่ขัดคำสั่งแล้วหนีออกไปเช่นนั้น แม้ว่าจุดประสงค์ก็เพื่อตามหาหยดน้ำค้างเพื่อรักษาท่านแม่ก็ตาม ทว่าขัดคำสั่งก็คือจัดคำสั่งไม่ว่าจะเป็นเจตนาใดก็ตาม ว่าแต่นี่ข้ากลับมาได้เช่นไรกัน?...
แล้วภาพจำก็ผุดขึ้นมา ก่อนที่นางคิดจะปลิดชีพตนเอง คล้ายกับมีใครคนหนึ่งมาหยุดนางเอาไว้ คนผู้นั้นเป็นใครกัน?
ได้แต่เก็บความฉงนใจเอาไว้ เนื่องจากสิ่งแรกที่นางต้องกระทำ คือการไปขอขมาลาโทษจากบิดา
“มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง?”
“หานมี่เจ้าค่ะ คุณหนู” เสียงใสอันคุ้นเคยพร้อมกับการปรากฏกายของสาวใช้คนสนิท
…หานมี่? ใช่สิ ข้าหวนคืนมา นั่นหมายความว่าทุกคนที่ตายไปย่อมกลับมาเช่นกัน…
หลี่ไป๋อวิ๋นมองหานมี่ด้วยความเอ็นดูระคนยินดี ที่เห็นสาวใช้ผู้นี้ยังคงมีชีวิตอยู่ ผู้ที่เคียงข้างนางจวบจนวาระสุดท้าย
“ช่วยข้าเตรียมตัวที ข้าจะไปหาท่านพ่อ”
“เอ่อ… ท่านผู้นำโกรธมาก จึงสั่งกักบริเวณคุณหนูเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
“เอ่อ…”
“มิเช่นนั้นข้าเตรียมตัวเอง”
“หามิได้ ข้าน้อยจะช่วยเจ้าค่ะ” หานมี่รีบเข้ามาช่วยหลี่ไป๋อวิ๋นเตรียมตัว
สตรีตัวน้อยเดินมาจนถึงเรือนใหญ่ เมื่อบริวารเข้าไปบอกกับบิดาว่านางมาหา ประตูก็เปิดออกให้นางเข้าไปทันที หลี่ไป๋อวิ๋นรับรู้ได้ถึงความรักและความห่วงใยของบิดา แม้ว่าจะอยู่ในอารมณ์เกรี้ยวโกรธนางก็ตาม
“คำนับ ท่านพ่อเจ้าค่ะ” นางยอบกายคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนจะคุกเข่าลงแล้วก้มหัว เพื่อขอขมาในสิ่งที่ตนเองได้กระทำผิดไป “อวิ๋นเอ๋อร์ขออภัยที่ดื้อดึง ไม่ฟังคำสั่งของท่านพ่อจนเกิดเรื่องไม่งามขึ้น สมแล้วที่ท่านพ่อจะโกรธอวิ๋นเอ๋อร์”
เมื่อเห็นบุตรสาวผู้ดื้อรั้นมีท่าทางเช่นนี้ ก็อดใจอ่อนมิได้
“เจ้าน่ะดื้อรั้นจนเป็นเรื่อง! หากมิได้จินอ๋อง ป่านนี้ข้าคงต้องตามหาศพของเจ้าแทนกระมัง!”
…จินอ๋องหรือ? จินอ๋องเป็นผู้ช่วยข้าหรือ?...
สตรีตัวน้อยนึกคิดอย่างฉงนใจ จินอ๋องนั้นมีเพียงผู้เดียวในแคว้นแห่งนี้ ในอดีตนั้นนางและตงหยางจินไม่เคยมาบรรจบกันเลย หลังจากงานแต่งงานของนาง ตงหยางจินก็กลับอาณาเขตของตนเอง แทบมิได้ข่าวคราว
ทว่าก่อนตายนางกลับได้รับจดหมายให้หลบหนีไปยังแดนเหนือ หากนางตอบรับเขาจะส่งคนมารับนาง นั่นถือเป็นการหยิบยื่นความมีน้ำใจที่หลี่ไป๋อวิ๋นซาบซึ้งเหลือเกิน ทว่าท้ายที่สุดนางก็มิได้ตอบรับ และตายก่อนที่จะได้รู้ว่าตงหยางจินจะปราบปรามหลานของตนเองซึ่งขึ้นเป็นทรราชเช่นไร
“ขออภัย อวิ๋นเอ๋อร์สำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ”
“กลับเรือนของเจ้าไปเสีย อย่าได้ออกมาจนกว่าจะครบสิบห้าวัน”
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ” สตรีตัวน้อยตอบรับอย่างว่าง่าย นางหยัดกายขึ้น ก่อนจะช้อนดวงตาเมียงมองบิดาซึ่งแอบมองนางอยู่ก่อนแล้ว หลี่ไป๋อวิ๋นก้าวเดินไปข้างหน้าเล็กน้อยจนเกือบจะถึงตัวของบิดา ก่อนจะเอ่ยว่า… “อวิ๋นเอ๋อร์ขอกอดท่านพ่อได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“…?”
“อ่า ถ้าหากท่านพ่อลำบากใจ…” หลี่ไป๋อวิ๋นเพียงแค่อยากโอบกอดบิดา ครอบครัวที่ไม่เคยหันหลังให้นาง แม้ในช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ยังคงแก้ต่างให้นาง
แม้ท้ายที่สุดจุดจบคือการถูกสังหารล้างสกุลเจ็ดชั่วโคตรก็ตาม ในอนาคตที่นางอยู่ก่อนหน้านี้ไร้นามของสกุลหลี่ มีเพียงนางที่แซ่หลี่เพียงผู้เดียว หลังนางจากมาในแผ่นดินก็คงไม่เหลือสกุลหลี่อีกแล้ว เผลอๆ อาจจะถูกลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์ ความดีความชอบทั้งหมดถูกเลือนหายไป
เมื่อได้มาเจอครอบครัวที่เคยสละชีพเพื่อความบริสุทธิ์ของนาง หัวใจดวงน้อยโหยหาความอบอุ่นนั้นเหลือเกิน
สตรีตัวน้อยหมุนกายเตรียมเดินออกไป แต่กลับถูกบิดารั้งเอาไว้เสียก่อน มิอาจทำใจได้เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของบุตรสาวที่รักยิ่ง ทะนุถนอมนางตั้งแต่ยังเยาว์วัยนัก
แม้ช่วงนี้จะปีกกล้าขาแข็ง ดื้อดึงไปบ้าง แต่ความรักความเอ็นดูที่ตนมีให้บุตรสาว ก็มิได้ลดน้อยลงเลย ที่ลงโทษก็เพื่อให้สำนึกผิด มิได้มีเจตนาจะทรมานยุตรสาวแต่อย่างใด
“เอาเถิด อยากกอดก็กอด ตามใจเจ้า” ได้ยินเช่นนั้นสตรีตัวน้อยก็หันกลับไปสวมกอดบิดาเต็มรัก จากนั้นนางก็ร้องไห้งอแงราวกับเด็กน้อย
…ขอบคุณนะเจ้าคะ ที่ไม่เคยทอดทิ้งลูก…