บทที่ 3
คำขอของน้องสาว
หลังจากวันนั้นถึงแม้หลี่ไป๋อวิ๋นจะถูกกักบริเวณ แต่กลับถูกเรียกตัวไปเรือนใหญ่แทบทุกวัน ระหว่างทางเดินกลับเรือนของตนนั้นเองนางก็ได้พบกับหลี่ฮุ่ยหลิน
“ท่านพี่!!” สตรีตัวน้อยร้องเรียกเสียงหวาน หลี่ฮุ่ยหลินรู้สึกแปลกใจเหลือเกินที่วันนี้น้องสาวของตนมีท่าทีแปลกไป
“มีอันใดหรือ?”
“ท่านพี่ ท่านเพิ่งกลับมาจากการสืบคดีหยงจ้านใช่หรือไม่เจ้าคะ?” หลี่ฮุ่ยหลินไม่ตอบ คิ้วดกดำขมวดเข้าหากันแน่น ใบหน้าสุขุมนั้นแสดงสีหน้าเล็กน้อย
รู้สึกฉงนใจกับท่าทางของน้องสาวเหลือเกิน ทั้งสองค่อนข้างสนิทกัน เพิ่งมาห่างกันก็ช่วงที่หลี่ฮุ่ยหลินเริ่มเข้าทำงานในกรมอาญา รับตำแหน่งได้ไม่นานก็ได้รับมอบหมายงานเป็นการพิสูจน์ฝีมือ เนื่องจากกรมอาญาแห่งนี้มิอาจใช้เส้นสายเข้าได้ เป็นความภาคภูมิใจของสกุลหลี่โดยแท้ที่หลี่ฮุ่ยหลินเข้าทำงานที่กรมอาญาได้
คดีที่ตนไปทำนั้นเป็นความลับที่แม้แต่ครอบครัวก็มิอาจบอกได้ หลี่ฮุ่ยหลินเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจึงไม่ต้องรายงานว่าตนจะไปที่ใดต่างจากช่วงที่ยังมิได้เข้าพิธีสวมหมวก ทว่าหลี่ไป๋อวิ๋นรู้ได้เช่นไร ไม่มีทางที่เรื่องจะรั่วไหล เนื่องจากตนไปทำคดีเพียงผู้เดียว แถมนี่ก็เพิ่งกลับมาจากแคว้นฉู่ฉิง ยังมิได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ตามที่นางเอ่ย
“มิใช่เรื่องที่อิสตรีควรยุ่งย่าม เจ้าไม่รู้หรือ?”
บุรุษมิได้ปฏิเสธ แม้มิได้ตอบรับ แต่นางรู้ว่ามันคือเรื่องจริง!
“ท่านพี่ ท่านอาจไม่เชื่ออวิ๋นเอ๋อร์ ทว่าลองฟังสิ่งที่ข้าจะบอกสักหน่อยนะเจ้าคะ”
หลี่ฮุ่ยหลินพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนที่ทั้งสองจะพากันไปคุยที่เรือนของหลี่ฮุ่ยหลิน เนื่องจากนี่เป็นความลับ หากแพร่งพรายออกไปย่อมไม่เกิดผลดี อาจจะกลายเป็นว่าสกุลหลี่มีส่วนรู้เห็นการก่อกบฏ!
สิ่งที่หลี่ไป๋อวิ๋นสร้างความประหลาดใจให้กับหลี่ฮุ่ยหลิน ตนไม่รู้ว่าน้องสาวรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ทว่าหากเป็นเรื่องจริง ราชวงศ์ก็ตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว หลี่ฮุ่ยหมินมิได้เอ่ยถามสิ่งใด บุรุษรีบเดินทางไปสืบค้นทันที
ไม่ช้าไม่นานหลี่ฮุ่ยหลินก็ได้รับความดีความชอบจากการสืบหาต้นตอของกบฏ โดยร่วมมือกับตงหยางจินผู้เป็นน้องชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานมาก ในการปราบปรามกบฏครานี้ ช่างน่าเสียดายนักที่หลี่ไป๋อวิ๋นมิอาจได้รับความดีความชอบด้วย ทั้งที่นางเป็นผู้จุดประกายความสงสัยในตัวของผู้ต้องสงสัยในครานี้
และเรื่องราวในครานี้ก็ทำให้หลี่ไป๋อวิ๋นมั่นใจว่าตนเองได้ย้อนเวลากลับมาอย่างแน่นอน!
…นี่ข้าย้อนเวลากลับมาจริงๆ หรือ? มันช่างน่าประหลาดใจเหลือเกิน?...
นางไม่คิดว่าสิ่งที่เคยประสบพบเจอมานั้นคือความฝัน เนื่องจากความเจ็บปวดจากการถูกพิษสลายลมปราณ คมดาบที่แทงจะลุผ่านตัวนาง รวมถึงความคับแค้นจากการถูกทรยศหักหลังนั้นชัดเจนอยู่ในอกของนาง
“คุณหนูเจ้าคะ คุณชายฮุ่ยหลินมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ”
“ให้เข้ามา”
หลี่ฮุ่ยหลินเดินเข้ามาในห้องของน้องสาว พร้อมด้วยของขวัญมากมาย สตรีตัวน้อยฉีกยิ้มกว้างน้อมรับมันแต่โดยดี เนื่องจากรู้ดีว่าเหตุใดหลี่ฮุ่ยหลินจึงนำของขวัญมากมายมาให้นางเช่นนี้ หนีไม่พ้นเรื่องปราบปรามกบฏซึ่งนางมีส่วนชี้แนะ หากแต่มิอาจทูลต่อฮ่องเต้ได้ เนื่องจากอิสตรีที่เข้ายุ่งเรื่องบ้านเมืองนั้นไม่ดีไม่ควรยิ่งนัก
สตรีตัวน้อยผายมือเชื้อเชิญให้หลี่ฮุ่ยหลินนั่งดื่มชาและพูดคุย
“ข้ารู้สึกผิดยิ่งนัก ที่มิอาจเอ่ยนามของเจ้าออกไปได้”
“อวิ๋นเอ๋อร์มิได้คาดหวังอยู่แล้ว เนื่องจากสิ่งที่อวิ๋นเอ๋อร์ล่วงรู้ มิอาจบอกที่มาที่ไปให้ท่านพี่รับรู้ได้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยดักทางหลี่ฮุ่ยหลินเอาไว้ก่อน แม้จะเชื่อใจกันมากเพียงใด หากทว่ายามนี้หลี่ไป๋อวิ๋นต้องการเวลา จะให้บอกออกไปว่านางย้อนเวลากลับมาเห็นจะไม่ดี “หากถึงเวลา น้องย่อมไม่ปิดบังท่านพี่”
“เอาเถิดๆ พี่มาวันนี้มิได้จะมาเค้นความเจ้าหรอก หากแต่ถามถึงเรื่องอื่นได้หรือไม่?”
“หากอวิ๋นเอ๋อร์ตอบได้ ย่อมไม่ปิดบังท่านพี่เจ้าค่ะ”
“เจ้ารู้จักกับจินอ๋องหรือ?”
“มิได้เจ้าค่ะ” นางส่ายหน้าพลางขมวดคิ้ว
“เช่นนั้นเหตุใดจึงให้ข้าไปขอความช่วยเหลือจากจินอ๋อง?”
นี่เป็นคำถามที่หลี่ไป๋อวิ๋นเตรียมคำตอบไว้อยู่แล้ว นางจึงยิ้มแล้วเอ่ยตอบออกไป
“จินอ๋อง เป็นพระอนุชาที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมาก นอกจากนี้ยังชัดเจนถึงจุดยืนของตนเอง อีกทั้งความสามารถด้านการรบไม่เป็นสองรองผู้ใด เช่นนี้แล้วจะมีผู้ในใต้หล้านี้ที่เหมาะสมในการเป็นตัวตั้งตัวตี ในการปราบปรามกบฏกันหรือเจ้าคะ?”
“อ่า… จริงของเจ้า ทว่า… เจ้าดูไม่เหมือนเด็กอายุสิบหกเสียเลย ราวกับผ่านร้อนผ่านหนาวมานักต่อนัก” บุรุษมองน้องสาวของตนด้วยความฉงนใจคราแล้วคราเล่า มีคำถามมากมายทว่ามิอาจเอื้อนเอ่ยให้เกิดความไม่สบายใจต่อกันได้
“หากท่านพี่หมดคำถามแล้ว ข้าขอเอ่ยคำขอได้หรือไม่เจ้าคะ” สตรีตัวน้อยยิ้มหวานพลางจ้องมองพี่ชายอย่างออดอ้อน แน่นอนว่าหลี่ฮุ่ยหลินต้องพ่ายแพ้ให้กับความน่าเอ็นดูของนาง แต่ไหนแต่ไรมานางก็ช่างออดอ้อนอยู่แล้ว
ทว่านิสัยขี้อ้อนของนางหายไปตั้งแต่คราใดกันหนา
“ได้สิ แม้ผู้คนจะไม่รู้เห็นความดีความชอบของเจ้า แต่ข้าไม่ ข้าจะให้รางวัลเจ้าเอง”
“เช่นนั้นท่านพี่ช่วยล่มพิธีหมั้นหมายของข้าทีนะเจ้าคะ!”
“หา!?” หลี่ฮุ่ยหลินมิอาจเก็บอาการของตนเองได้ จริงอยู่ว่ายามนี้หลี่ไป๋อวิ๋นมีคู่หมั้นคู่หมายได้ อายุของนางก็เลยวัยปักปิ่นมาเพียงหนึ่งปี ทว่าสำหรับสกุลหลี่แล้ว พวกเขาหวงแหนนางมาก หากมีเงินทองมากองตรงหน้าแต่หลี่ไป๋อวิ๋นไม่ปรารถนา พวกเขาก็ไม่ยอมรับไว้เป็นแน่ “เจ้าจะหมั้นหมายกับผู้ใด?”
“ช้าก่อนท่านพี่ ฟังข้าพูดก่อนเจ้าค่ะ ข้าไปรู้มาว่าสกุลหลี่ได้ให้สัญญาไว้กับราชวงศ์เมื่อสมัยท่านปู่ยังอยู่ ว่าให้ลูกสาวสกุลหลี่แต่งงานกับลูกชายซึ่งมีเชื้อสายของราชวงศ์”
“เจ้าไปได้ยินเรื่องนี้จากที่ใดมา?”
“ข้าบังเอิญไปได้ยินวันที่ท่านพี่เพิ่งกลับมาจากแคว้นฉู่ฉิงเข้าเจ้าค่ะ วันนั้นอวิ๋นเอ๋อร์เพิ่งหายป่วย จึงอยากไปหาท่านพ่อท่านแม่ แต่ก็ได้ยินเรื่องนั้น…”
โกหก… นางรู้แน่ชัดว่าเนื้อความในสัญญานั้นคือสิ่งใด เนื่องจากบิดาเคยอ่านเนื้อความในสัญญานั้นให้ฟัง คราแรกด้วยความที่สกุลเอ็นดูนางจึงทำเพิกเฉย ทว่าในวันคล้ายวันเกิดของนาง ตงจิ่นติ้งก็มาปรากฏกาย พร้อมกับมอบปิ่นปักผมให้นาง
การมอบปิ่นปักผมนั่นหมายถึงการมีใจให้กัน แน่นอนว่านั่นคงจะเป็นคำสั่งของฮ่องเต้ ให้ตงจิ่นติ้งนำปิ่นปักผมมาให้นาง เพื่อแสดงให้เห็นว่ายังคงไม่ลืมสัญญาสมัยที่ท่านปู่ยังอยู่
ครานี้นางจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเป็นอันขาด! หวนกลับมาครานี้นางจะปกป้องสกุลของนาง และเหนือสิ่งอื่นใดนางต้องใด้สามีใหม่ มิใช่สามีขยะอย่างตงจิ่นติ้ง!
โชคดีเหลือเกินที่หลี่ฮุ่ยหลินยอมรับปากนาง ทว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ จะกระทำตามอำเภอใจมิได้ หากแต่สำหรับหลี่ไป๋อวิ๋นแล้ว เพียงแค่หลี่ฮุ่ยหลินรับปากนางก็สบายใจแล้ว นางเชื่อว่าหลี่ฮุ่ยหลินต้องกระทำทุกวิธีทางเพื่อนางเป็นแน่
หลายวันผ่านไปความสัมพันธ์ของสกุลหลี่นั้นแน้นแฟ้น หลี่ไป๋อวิ๋นทำขนมไปให้บิดาและมารดาไม่เว้นวัน พูดคุยกระชับความสัมพันธ์ต่างจากในอดีตที่นางไม่คิดจะทำ เพราะคิดว่าความรักนี้เป็นสิ่งที่นั่งยืน แม้ไม่พยายามขวนขวายนางก็ได้มันมา
ทว่าการได้รับความรักที่ยั่งยืนและการมอบความรักนั้นให้กลับไปมีความสุขเหนือสิ่งอื่นใด ช่างน่าเสียดายที่ชีวิตแรกนางมิอาจเข้าใจถึงสิ่งนั้นและปล่อยปะละเลย หากแต่ช่างปะไร ในเมื่อยามนี้ได้ชีวิตใหม่ นางจะใช้มันให้ดีกว่าเดิม!
ยามนี้หลี่ไป๋อวิ๋นพ้นโทษกักบริเวณแล้ว นางจึงออดอ้อนขอตามพี่ชายออกมาเที่ยวในเมือง ผู้คนยังคงพลุกพล่านเฉกเช่นเดิม สตรีตัวน้อยเดินจับจ่ายซื้อของ โดยที่ตนเองไม่เสียแม้แต่ตำลึงเดียว เพราะพี่ชายเป็นคนจ่าย ในตอนนั้นเองเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น หลี่ฮุ่ยหลินจึงต้องเข้าไปจัดการ เนื่องจากมิอาจทนเห็นความอยุติธรรมได้ โดยไม่ลืมกำชับให้นางอยู่กับที่ ห้ามเดินไปที่ใด