บทที่ 4
บุรุษสูงศักดิ์
ทว่าดูเหมือนสายเลือดของผู้ผดุงความยุติธรรมจะฝังรากหยั่งลึกอยู่ในตัวของหลี่ไป๋อวิ๋นด้วยเช่นกัน ในขณะที่พี่ชายกำลังจัดการกับความวุ่นวายที่อีกฝั่งหนึ่งของตลาด
ภายในตรอกไม่ห่างไปจากที่ที่หลี่ไป๋อวิ๋นอยู่เท่าใดนัก มีเสียงร้องไห้ของสตรีดังขึ้น หลี่ไป๋อวิ๋นรีบเดินไปดูด้วยความฉงนใจ และสิ่งที่นางเห็นก็คือบุรุษรูปร่างสูงกำยำฉุดกระชากสตรีตัวน้อยสองคนอย่างรุนแรง ภาพจำวันวานผุดขึ้นมา ในค่ำคืนที่นางเกือบเสียพรหมจรรย์ นางมิอาจอยู่เฉยได้จึงหยิบก้อนหินที่อยู่แถวนั้นขว้างออกไปโดยมิรู้ตัว
“ไอ้พวกเลว กลางวันแสกๆ ยังกล้าฉุดสตรีอีกหรือ!”
หนึ่งในพวกมันโดนก้อนหินที่หลี่ไป๋อวิ๋นขว้างออกไปเต็มๆ พวกมันหันมามองนางด้วยแววตาโหดเหี้ยม ทว่ามีหรือที่หลี่ไป๋อวิ๋นจะหวาดกลัว ความตายนางก็เคยผ่านมาแล้ว กับแค่นักเลงกระจอกเช่นนี้นางย่อมจัดการได้
สตรีตัวน้อยคว้าท่อนไม้ที่อยู่แถวๆ นั้นขึ้นมาถือเอาไว้ หากเทียบเรี่ยวแรงแค่เพียงอย่างเดียว นางมิอาจต่อกรได้ ทว่าใครว่านางจะใช้เรี่ยวแรงสู้กัน นางจะแอบใส่พลังปราณเข้าช่วยต่างหาก!
บุรุษป่าเถื่อนย่างกรายเข้ามาหานางอย่างประมาท ในตอนที่มันใกล้จะถึงตัวนางนั้น หลี่ไป๋อวิ๋นก็ยกท่อนไม้นั้นขึ้นหมายเหวี่ยงใส่บุรุษผู้นั้น ทว่าข้อมือของนางกลับถูกคว้าเอาไว้อย่างนุ่มนวล ร่างของคนป่าเถื่อนเองก็ถูกตรึงให้อยู่กับที่ ราวกับถูกบางอย่างสะกดเอาไว้
หลี่ไป๋อวิ๋นรับรู้ได้ถึงพลังบางอย่างจากตัวของบุรุษผู้นี้ ไอเย็นๆ ราวกับหิมะในเหมันต์ฤดู ท่อนไม้ถูกมือหนาคว้าไป พร้อมกับที่ดวงหน้าหวานช้อนขึ้นมองบุรุษผู้นั้นด้วยความฉงนใจ
“จินอ๋อง!?” เสียงหวานอุทานนามของบุรุษออกมาด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากในอดีตเจอกันแทบนับได้ นางจึงไม่คาดคิดว่าจะได้เจอบุรุษผู้นี้อีก โดยเฉพาะในสถานที่ที่คนพลุกพล่านเช่นนี้
“เหตุใดพวกบุรุษจึงชอบเข้าหาเจ้ากัน หรือเพราะความงดงามของเจ้า?” อยู่ดีๆ ก็ได้รับคำชมจากบุคคลที่ไม่คาดคิด พวงแก้มทั้งสองข้างจึงขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
จริงอยู่ว่านางเป็นผู้ที่ลือกันว่าโฉมสะคราญที่สุดในใต้หล้า ทว่านั่นก็เพียงคำยกยอเนื่องจากนางเป็นบุตรสาวของไท่ฝู คนสนิทของฮ่องเต้ อีกทั้งในยามนั้นยังมีตำแหน่งเป็นถึงไท่จื่อเฟยอีกต่างหาก ไม่ชื่นชมยกยอนางแล้วจะให้ไปชื่นชมยกยอผู้ใด้กัน?
ทว่าตงหยางจินผู้นี้ดูสุขุม ไม่ค่อยพูด แต่กลับเอ่ยชมนางเช่นนี้ สตรีตัวน้อยก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างกับคำชมบ้าง
ตงหยางจินส่งสัญญาณให้คนของตนจัดการกับนักเลงป่าเถื่อนพวกนี้ แล้วช่วยสตรีตัวน้อยได้ถึงสองคน สตรีทั้งสองคุกเข่าเอาหัวโขกพื้นอยู่หลายหนเพื่อแสดงถึงความซาบซึ้งใจ หลี่ไป๋อวิ๋นเข้าไปเอามือรองหน้าผากของพวกนางเอาไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ข้าแค่เพียงผ่านมาเห็น หากเป็นผู้อื่นที่เห็น ไหนเลยจะไม่ช่วยเจ้า”
“ตัวข้าน้อยและน้องถูกขายให้กับหอนางโลม เนื่องจากท่านพ่อติดพนันเจ้าค่ะ ไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งข้าน้อยเข้าใจดี เช่นนั้นจึงต้องดิ้นรนด้วยตนเอง ทว่าไม่คิดเลยว่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์จะยื่นมือเข้ามาช่วยเช่นนี้ ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”
หลี่ไป๋อวิ๋นเวทนาสองพี่น้องสุดหัวใจ ในขณะที่ผู้มีอำนาจเสวยสุข แย่งชิงอำนาจ ห้ำหั่นกันและกัน ประชาชนกลับมีความเป็นอยู่อันน่าเวทนาเช่นนี้ จริงอยู่ว่าหลี่ไป๋อวิ๋นมิอาจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้ทุกคน แต่อย่างน้อยหลี่ไป๋อวิ๋นก็มิอาจเพิกเฉยต่อผู้เดือดร้อนที่อยู่ตรงหน้าได้
แต่การจะรับผู้ใดเข้าจวนได้นั้น มิอาจกระทำตามอำเภอใจได้ สตรีตัวน้อยคว้าถุงเงินของนางออกมา ก่อนจะยื่นให้กับสองพี่น้อง
“คะ คุณหนู ข้าน้อยรับมิได้ รับมิได้เจ้าค่ะ!”
“ข้ามิได้ให้เฉยๆ หรอก อย่าได้เกรงใจไป วันหน้าวันไหนหากข้าต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้า เมื่อนั้นเจ้าจงอย่าได้ปฏิเสธข้า เข้าใจหรือไม่?” แม้นางจะเอ่ยเช่นนั้น พร้อมกับยัดถุงเงินใส่มือของสองพี่น้อง แต่ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นต่างรับรู้ถึงความจริงใจของหลี่ไป๋อวิ๋น
ตงหยางจินซึ่งถูกสตรีตัวน้อยเพิกเฉยชั่วคราว มิได้คิดตำหนินางแต่อย่างใดที่ถูกสองพี่น้องสามัญชน ได้รับความสนใจไปมากกว่าชินอ๋องเช่นตน หากแต่ดวงตาเรียวคมจดจ้องมองหลี่ไป๋อวิ๋นอย่างเหม่อลอย ทุกอิริยาบถของนางอยู่ในสายตาของบุรุษทั้งสิ้น
เมื่อสองพี่น้องจากไปหลี่ไป๋อวิ๋นก็เผยรอยยิ้มอย่างสุขใจ ทว่าเมื่อหันกลับมาเจอกับร่างสูงกำยำของตงหยางจิน นางก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเผลอเมินเฉยต่อราชวงศ์เข้าให้แล้ว
...ตายแน่ๆ อวิ๋นเอ๋อร์เอ้ย!...
“ขออภัยจินอ๋อง หม่อมฉันมิได้...” ทว่าก่อนที่นางจะได้เอ่ยสิ่งใดไปมากกว่านี้ ปลายนิ้วแกร่งก็ยื่นออกไปจรดลงที่ริมฝีปากของสตรีตัวน้อยเป็นเชิงห้ามปราม หลี่ไป๋อวิ๋นจึงชะงักไปเล็กน้อย
“ชู่ว!” ตงหยางจินกวาดสายตามองรอบด้าน ก่อนจะหันกลับมาสบตากับหลี่ไป๋อวิ๋น “อย่าได้เอ็ดไป”
เพียงเท่านั้นหลี่ไป๋อวิ๋นรับรู้ได้ในทันทีว่าตงหยางจินคงจะมาลาดตระเวน หรือมากระทำการใดก็ตามที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน สตรีตัวน้อยพยักหน้าเข้าใจ บุรุษจึงดึงปลายนิ้วออก
“หม่อมฉันยังมิได้กล่าวขอบคุณจินอ๋อง... ขอบพระทัยมากนะเพคะที่ให้ความช่วยเหลือหม่อมฉัน”
“ข้าแค่เพียงผ่านมาเห็น หากเป็นผู้อื่นที่เห็น ไหนเลยจะไม่ช่วยเจ้า” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาคู่งามกะพริบปริบๆ ก่อนที่ริมฝีปากอวบจะเผยรอยยิ้มกว้าง นี่เป็นประโยคที่นางเอ่ยกับสองพี่น้องเมื่อครู่นี้
นั่นหมายความว่าตงหยางจินผู้นี้ให้การช่วยเหลือนางอย่างจริงใจ เฉกเช่นเดียวกับที่นางให้การช่วยเหลือสองพี่น้องสามัญชนเมื่อครู่
“เช่นนั้น...” ตงหยางจินเตรียมตัวจากลา มีผู้รับรู้น้อยที่สุดย่อมดีกว่า ทว่ายังไม่ทันที่ตงหยางจินจะเอ่ยสิ่งใดไปมากกว่านั้น เกิดควันขึ้นรอบกายพวกเขา
ร่างของหลี่ไป๋อวิ๋นถูกท่อนแขนแกร่งของตงหยางจินโอบรัดเข้าสู้อ้อมกอด ก่อนจะออกแรงยกจนเท้าของนางลอยพื้น หมุนตัวหลบหลีกจากการโจมตีของบุรุษผู้หนึ่ง สองแขนของหลี่ไป๋อวิ๋นโอบกอดรอบลำคอบุรุษเพื่อเป็นหลักมิให้ตนเองพลาดท่าตกลงไป ทว่าผู้ร้ายมิได้มีแค่คนเดียว ด้านหลังของตงหยางจินนั้นยังมีบุรุษในชุดดำอีกหนึ่งคน มันพุ่งเข้ามาหาตงหยางจิน
หลี่ไป๋อวิ๋นดึงปิ่นปักผมของตนเองแล้วขว้างไปด้านหน้า เฉียดใบหน้าของผู้ร้ายจนมันเสียหลักไป ทว่าเมื่อตั้งหลักได้ก็พุ่งเข้ามาอีกครา ริมฝีปากอวบจึงพึมพำคาถาอาคมบทง่าย เกิดลำแสงโอบล้อมรอบกายของทั้งสอง ทว่าอีกฝ่ายกลับทะลวงเข้ามาโดยง่าย ในช่วงที่ดาบสั้นของมือลอบสังหารพุ่งเข้ามา ตงหยางจินก็ตวัดดาบเล่มยาวของตนเองกระทบกับวิถีของดาบเล่มนั้นจนมันตกพื้นไป
ทุกสิ่งเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วพริบตา ร่างของหลี่ไป๋อวิ๋นยังคงถูกโอบกอดอยู่เช่นนั้น เพื่อปกป้องมิให้นางรับอันตราย พลันควันสีขาวรอบกายก็ค่อยๆ จางลง มือลอบสังหารล่าถอยไปไม่ต่างจากควันพวกนั้น
บุรุษส่งสัญญาณให้กับทหารเงาของตนเอง ให้ตามมือลอบสังหารไป ตงหยางจินวางร่างของนางลงพื้นอย่างแผ่วเบา สายตาสำรวจสตรีตัวน้อยตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง
“ขอโทษเจ้าด้วย ที่ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย”
“หาใช่ความผิดของจินอ๋องไม่” นางส่ายหน้าพลางยิ้มบางเบา เนื่องจากนี่มิใช่ความผิดของบุรุษ ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
“มิได้ เจ้าตกอยู่ในอันตรายก็เพราะข้า” บุรุษส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยต่อว่า “หากมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการ ขอให้บอกมา ข้าพร้อมชดเชยให้เจ้า”
คราแรกหลี่ไป๋อวิ๋นเตรียมที่จะปฏิเสธ ทว่าความคิดหนึ่งกลับผุดขึ้นมา ถ้าหากเป็นตงหยางจินไม่แน่ว่าอาจจะช่วยนางก็เป็นได้ ถึงแม้ว่านั่นจะไม่ต่างสิ่งใดจากการหลอกใช้ตงหยางจินก็ตาม ทว่านางไม่ต้องการเดินตามเส้นทางเดิม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าปลายทางมันคือความตาย!
“ความจริงแล้ว มีสิ่งหนึ่งที่หม่อมฉันต้องการเพคะ”
“เจ้าว่ามาได้เลย”
“ในวันเกิดของหม่อมฉันอีกสองฤดูต่อจากนี้ จินอ๋องให้เกียรติมาร่วมได้หรือไม่เพคะ”