หญิงสาวยังคงยืนมองไปยังผู้หญิงอีกมุมอย่างขุ่นเคืองใจ คล้ายกับว่าเคยมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นจนทำให้เธอมีอาการแบบนี้
แต่ถึงอย่างนั้นเกรซก็พยายามข่มอารมณ์ให้เย็นลง และเพื่อเห็นแก่หน้าพิชญ์ที่ไม่รู้เรื่อง เธอจึงยอมเดินออกมาจากบริเวณนั้นแต่โดยดี
"เกรซ" พิชญ์เรียกเธอในขณะเดินออกจากลิฟต์ เพื่อตามมาส่งเธอที่ชั้นล่างสุดของบริษัท "เกรซเป็นอะไร"
หญิงสาวพยายามเก็บสีหน้าหงุดหงิดใจและดูคล้ายกังวลบางอย่าง ก่อนจะหันกลับมาหาชายหนุ่ม
"เกรซไม่โอเคกับผู้หญิงคนนั้นค่ะ" เธอตอบตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อม และพิชญ์รู้ดีว่าเกรซเป็นคนแบบนี้
เธอเป็นคนที่ตรงไปตรงมาแต่ก็มีกาลเทศะ หากเรื่องไหนที่เธอรับไม่ได้ เธอก็จะพูดออกมาหรือหาทางแสดงออกมาจนได้
"ทำไมล่ะ มีปัญหาอะไรกัน" เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างสงสัย
"..."
"ถ้าไม่อยากพูดถึงก็ไม่เป็นไร"
"พี่ไม่ได้เป็นคนรับเธอเข้ามาใช่ไหมคะ" เกรซถามกลับเขาไปพร้อมจ้องเข้าไปในแววตาคนตรงหน้า
"เปล่านะ พี่ไม่รู้จักด้วยซ้ำ พี่คิดว่าน่าจะเป็นคุณลุงพี่มากกว่า"
"..." เกรซมองเขาอีกครั้งอย่างคาดคั้นแต่ก็พยายามเก็บอาการ เธอไม่อยากดูเป็นคนงี่เง่าในสายตาเขา "แน่ใจนะคะ"
"คิดว่าพี่โกหกเหรอ พี่ทำงานที่นี่ก็จริง แต่พี่ก็ไม่ได้ใหญ่สุดหรือเป็นเจ้าของบริษัทนะครับ" พิชญ์ยิ้มให้คนที่ตัวเล็กกว่าซึ่งกำลังทำหน้าตาบึ้งตึงเล็กน้อย
"บางเรื่องพี่ก็ไม่ได้เป็นคนอนุมัติ"
ที่เขาพูดก็มีเหตุผล พี่พิชญ์อาจจะไม่รู้จักกับทรายจริง ๆ ก็ได้ มันอาจจะเป็นความบังเอิญจริง ๆ
แต่ว่า...ต่อให้มันเป็นแค่ความบังเอิญ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอกังวลและรู้สึกร้อนใจแค่ไหน
"โอเคค่ะ เกรซจะเชื่อพี่ค่ะ" หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อนเล็กน้อย พยายามไม่ยื้อเขาไว้นานกว่านี้ เพราะกลัวเขาจะเสียเวลาจนไปประชุมเลท
"ครับ อย่าคิดมากนะ"
สุดท้ายเกรซก็พยักหน้าให้เขาเล็กน้อย รอยยิ้มค่อย ๆ เผยขึ้นทิ้งท้าย ก่อนที่ทั้งสองจะโบกมือลากัน
"งั้น...เกรซไปก่อนนะคะ"
"ครับ พี่ไปประชุมก่อนนะ กลับถึงบ้านแล้วจะโทรหา"
"ค่ะ พี่พิชญ์"
ชายหนุ่มยืนมองหญิงสาวจนเธอลับสายตาไป เขาจับขยับเนกไทเล็กน้อยให้มันคลายนิดหน่อย ถอนลมหายใจออกเฮือกหนึ่งก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบริษัท
"พ่อ" แววตาของพิชญ์เบิกกว้างเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานหลังจากจบประชุม แล้วเจอกับผู้เป็นพ่อของเขาซึ่งรออยู่ก่อนแล้ว
"มาตั้งแต่เมื่อไรครับเนี่ย ไม่เห็นบอกผม"
"แค่จะไปธุระแล้วนึกได้ว่าวันนี้แกทำงาน เลยแวะมา" ชายผู้มีผมสีขาวประปรายตามอายุกล่าวตอบ เขาเดินเข้ามาใกล้ผู้เป็นลูกชายและตบไหล่เบา ๆ
"เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ฉันเห็นแกกับหนูเกรซ"
พิชญ์พยักหน้าตอบรับ
"ครับ พอดีวันนี้เกรซแวะมาหาผมเหมือนกัน"
"อืม แล้วเป็นไง ราบรื่นดีไหม" เขาถามลูกชายพลางนั่งลงบนโซฟากลางห้อง จากนั้นพิชญ์ก็ตามลงมานั่งถัดไป
"ครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร"
"ก็ดี อย่าให้มีปัญหา อย่าลืมว่าหนูเกรซเป็นลูกสาวคนสุดท้ายที่ยังโสดของบ้านนั้น แถมหล่อนก็ยังชอบแกเป็นทุนเดิม ทุกอย่างเหมาะสมแล้ว เหลือแค่แกจะทำคะแนนได้แค่ไหน"
พิชญ์รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อถูกย้ำแบบนั้น แน่นอนว่าใจจริงเขาชอบน้องคนนี้เหมือนกัน แต่การถูกชี้ทางว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้โดยคนอื่นมันทำให้เขารู้สึกกดดันพอสมควร
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำได้แค่ตอบ...
"ครับ มันจะไม่มีปัญหาอะไร"
"ก็ดี" ผู้เป็นพ่อพยักหน้ายิ้มอย่างพอใจ
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น งานหมั้นของแกและหนูเกรซต้องเรียบร้อย อย่าทำให้ฉันผิดหวัง"
หลายวันต่อมา
@บ้านเกรซ
เสียงเพลงทำนองช้า ๆ ถูกเปิดคลอไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่งานเลี้ยงวันเกิดของเกรซดำเนินไปในช่วงเย็นใกล้ค่ำ
โดยงานถูกจัดที่สวนกว้างซึ่งติดกับบริเวณตัวบ้านหลัก พื้นที่จัดงานมีซุ้มที่ประดับสวยงาม มีทั้งโซนในร่มและกลางแจ้ง มีส่วนบริการเครื่องดื่มและอาหารครบถ้วน ซึ่งแขกในงานทั้งคนรู้จักและคนสนิทต่างก็ทยอยกันมาร่วมสังสรรค์
เจ้าของวันเกิดในค่ำคืนนี้ใส่ชุดมินิเดรสสีพีชสว่างเข้ากับผิวกายนวลเนียนเปล่งปลั่ง ใบหน้าเรียวสวยแต่งแต้มเครื่องสำอางค์เพิ่มมิติของใบหน้ายิ่งทำให้เธอดูโดดเด่นกว่าทุกวัน แววตากลมโตเป็นประกายมองบรรยากาศงานวันเกิดของตัวเองด้วยความสุขใจ
ปกติเกรซไม่ค่อยจัดงานสังสรรค์อะไรมากมาย แต่ปีนี้เธออยากลองจัดดูสักหน่อยเพราะเธอมีคนสำคัญแล้ว ถือเป็นโอกาสได้อยู่ด้วยกันโดยมีเพื่อน ๆ ร่วมสนุกด้วย
"เกรซ" เสียงเรียกหวานใสที่คุ้นเคยของใครคนหนึ่งเอ่ยเรียกเจ้าของงาน
หญิงสาวหันไปตามต้นเสียงก็เผยยิ้มออกมาสดใส เมื่อพบเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยที่แสนดีอย่างนับดาว
"ดาววว~ ไม่คิดว่าเธอจะมานะเนี่ย" เกรซยิ้มกว้างพร้อมโอบกอดเพื่อนอย่างคิดถึง เมื่อถอนอ้อมกอดออกก็ไม่ลืมทักทายอีกคนที่มากับเพื่อนด้วย
"สวัสดีค่ะคุณเอเดน"
"สวัสดีครับ สุขสันต์วันเกิดครับ" ชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนไม่ห่างจากเพื่อนของเธอเอ่ยตอบ เขาเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสามีของนับดาว ทั้งคู่ตัวติดกันตลอดเวลา
เกรซเห็นคู่นี้คบกันมานานจนล่าสุดแต่งงานมีลูกเรียบร้อย แอบอิจฉาไม่ได้จริง ๆ นะเนี่ย
"ขอบคุณทั้งคู่มากเลยนะ มา ๆ นั่งกินอะไรก่อน"
"จ้า ขอเบา ๆ นะเกรซ" นับดาวเอ่ย
"จ้า ๆ คุณเพื่อนสาว"
เกรซพานับดาวและสามีไปนั่งในโซนด้านใน ทั้งสามคนพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย นับดาวถือเป็นเพื่อนที่ดีของเกรซมาก ๆ อันที่จริงในชีวิตของเกรซแทบไม่ค่อยเชื่อใจใครเท่าไร ดังนั้นจะว่าเธอสนิทกับนับดาวมากที่สุดก็ได้ แม้จะรู้จักกันตอนปีสามแต่ก็ถือว่าผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ
เกรซพูดคุยกับเพื่อนรวมถึงคอยไปพบปะคนอื่น ๆ ในงานจนเวลาล่วงเลยไปพอสมควร เธอหันมองเวลาในหน้าจอมือถืออีกทีก็พบว่ามันสี่ทุ่มครึ่งแล้ว
จะหมดวันเกิดของเธออยู่แล้ว...แต่เขาก็ยังไม่มา
เกรซเริ่มทักหาพิชญ์เพราะคิดว่าเขาอาจจะงานยุ่ง
'เกรซ : พี่พิชญ์ติดงานเหรอคะ'
เวลาผ่านไปอีกสักพักแต่เขาก็ยังไม่ตอบ ความรู้สึกน้อยใจเริ่มเกิดขึ้นภายในใจเธอ ริมฝีปากอิ่มเริ่มเม้มเข้าหากัน
หากเขาติดธุระก็น่าจะบอกเธอหน่อยสิ แต่เขายืนยันแล้วว่าจำได้และจะมาวันเกิดเธอ แต่กลับปล่อยให้เธอรอแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร
ทักไปก็ไม่อ่าน ไม่มีการติดต่อมา
เวลายังคงดำเนินไปจนถึงการเป่าเค้กวันเกิด พิชญ์ก็ยังไม่ปรากฏกายในงานแม้แต่เงา ทำเอาเกรซเสียความรู้สึกไม่น้อยแต่เธอก็เก็บอาการได้อย่างดี อาจจะเพราะเธอมักทำตัวเข้มแข็งและดูเป็นสาวมั่นจนชิน แต่แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเธอรับรู้ได้และแอบกระซิบถาม
"เกรซ แล้วพี่พิชญ์ล่ะ ไม่ใช่ว่าเขาบอกจะมาเหรอ" นับดาวกระซิบเบา ๆ ตามประสาเพื่อนสาวที่รู้เรื่องส่วนตัวของเธอ
เกรซได้แต่ส่ายหน้าด้วยสีหน้าหงอเล็กน้อย
"เขาบอกจะมาแหละ แต่ไม่รู้ทำไมติดต่อไม่ได้เลย"
"อ่าว...ทำไมเป็นงั้น"
"ไม่เป็นไรหรอกช่างเถอะ แค่เธอมาฉันก็เอนจอยมากแล้วจ้า" เกรซฉีกยิ้มกว้าง พยายามไม่ให้เพื่อนเป็นห่วง
"แน่นะ" นับดาวถามย้ำ
"อื้มมม ฉันโอเคย่ะ"
เมื่อเห็นว่าเกรซยืนยันแบบนั้น นับดาวก็ยอมแพ้และไม่ถามอะไรอีก
ทุกอย่างดำเนินต่อไปจนงานใกล้เลิก หลายคนทยอยกันกลับรวมถึงนับดาวและเอเดนด้วย เพราะดึกมากแล้วและพวกเขาต้องกลับไปดูลูกอีก
เกรซร่ำลากับเพื่อนสาว และทยอยบอกลากับแขกในงานที่เริ่มกลับเช่นกัน คนในงานเริ่มเหลือน้อยเพราะงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
ร่างบางนั่งลงบนโซฟาในโซนที่เป็นส่วนตัว เธอยังคงรอพิชญ์ตอบกลับมาแม้เวลาจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ขณะนั้นเองจิตใจก็เริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง
มือเรียวกดเข้าโซเชียลฯ และตามดูแอคเคานต์ของเขา เลือดนักสืบของผู้หญิงเริ่มทำงาน!
แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เธอคิดในใจว่าเขาคงงานยุ่งจริง ๆ จนกระทั่งนึกถึงอีกคนขึ้นมาได้
เกรซเม้มปากแน่นเมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้นที่เธอแอบกังวล หลังจากเจอที่บริษัทเดียวกับพิชญ์ หญิงสาวกดเสิร์ชหาแอคเคานต์ของผู้หญิงคนนั้นหรือก็คือทราย เธอพอจะรู้ว่าหล่อนเล่นโซเชียลแอคไหน แต่ก็ไม่ได้กดตามหรือเพิ่มเพื่อนไว้หรอกนะ เพราะไม่อยากสุงสิง แต่เมื่อสงสัยก็ขอเข้าไปส่องหน่อย
เมื่อกดเข้าไปเจอแอคของทรายแล้ว เธอก็เลื่อนดูไปเรื่อย ๆ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ว่าสายตาก็สะดุดเข้ากับภาพล่าสุดที่หล่อนลงเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว
ภาพที่ผู้หญิงคนนั้นลงล่าสุด เป็นภาพห้องทำงานห้องหนึ่งที่ดูคุ้นตา และสิ่งที่คุ้นตาสุด ๆ จนเกรซเบิกตากว้างพร้อมหัวใจที่วูบไหวด้วยความกังวล คือในภาพนั้นถ่ายติดมือใครบางคน
มันคงปกติถ้าเป็นมือชาวบ้านคนอื่นทั่วไป แต่นี่ไม่ใช่ เพราะข้อมือนั้นดันใส่นาฬิการุ่นเดียวกับพี่พิชญ์ของเธอ
"พี่พิชญ์!" ด้วยเซ้นส์ของผู้หญิงมันกำลังบอกเธอว่าไม่ปกติ
โคตรไม่ปกติ!
เกรซไม่รอช้าเธอลุกขึ้นหยิบกระเป๋าถือไปด้วย หญิงสาวเดินออกจากงานไปด้วยรองเท้าส้นสูง ตรงไปที่รถและขับออกไปทันที
งานเลี้ยงเลิกแล้ว...แต่มีบางอย่างที่ต้องเคลียร์