ปราบค่าย - 6 หากได้ครอบครอง

1735 Words
@คฤหาสน์ทรัพย์หิรัญสกุล เมื่อมาถึงหมวยลี่ก็ตรงไปยังห้องนอนที่อยู่ทางด้านหลังของตัวคฤหาสน์ บริเวณนี้จะมีบ้านพักของเหล่าแม่บ้านเรียงรายอยู่ติดกันคล้ายห้องแถว หลังทิ้งตัวลงบนเตียง ดวงตากลมก็จ้องมองเพดานสีขาวอย่างเลื่อนลอย ในหัวพยายามสลัดเรื่องราวที่ได้พูดคุยกับค่ายในวันนี้ออกไปให้พ้น ทั้งที่รู้ดีว่าไม่ง่าย เพราะคำที่เธอพูดออกไปในวันนี้ ก็แค่คำพูดหลอกลวง ที่ไม่มีทางทำได้จริงเลยสักนิด การเลิกรู้สึกหากมันง่ายขนาดนั้น คงทำไปได้ตั้งนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้ผ่านมาจนถึงตอนนี้ วันที่ทุกอย่างดูจะตัดใจยากยิ่งกว่าเดิม ติ้ง ติ้ง ติ้ง~ เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ช่วยฉุดดึงร่างเล็กให้หลุดออกจากวังวนความคิดที่กำลังบีบหัวใจจนเจ็บปวด แจ้งเตือนดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หมวยลี่อดไม่ได้ที่จะต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ แชนกลุ่ม ซาน: เมามาก เพิ่งฟื้น โมมายด์: นอนหรือตายคะ ไม่ตื่นพรุ่งนี้ไปเลย ซาน: แม่บ้านมาปลุกไปกินข้าวอะดิ ขัดจังหวะชิบ ฝันหวาน: เมื่อคืนลี่กลับไปตอนไหน แล้วกลับยังไง ฝันหวาน: @หมวยลี่ ประโยคที่ฝันหวานพิมพ์ถาม ทำให้คนอ่านเผลอกัดปากตัวเองเบาๆ ช่วงนี้ไม่ว่าจะทำอะไร ใจก็เอาแต่วนกลับไปคิดถึงเรื่องของค่ายอย่างห้ามไม่ได้ ลมหายใจถูกถอนออกมา ก่อนที่เรียวนิ้วเล็กจะกดแป้นพิมพ์ตอบกลับคำถามของเพื่อน หมวยลี่: กลับพร้อมเฮียค่าย ซาน: ทำไมเฮียยังอยู่ มันดึกแล้วนะ หมวยลี่: ลี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน คงคุยธุระสำคัญกับคุณอานน ซาน: พักนี้เฮียแปลกๆ อกหักแล้วเพี้ยนแน่ ฝันหวาน: แคปแล้วจ้า!! ฉันจะฟ้องเฮียค่าย ซาน: อย่า!! เดี๋ยวโดนดุ โมมายด์: ในบรรดาสุดหล่อทั้งสามคน นายกลัวเฮียค่ายที่สุดเลยหรอ ซาน: ความจริงตอนแรกก็กลัวเฮียล่านะ แต่พอมีเมียแล้วมุ้งมิ้ง ส่วนเฮียค่ายเขานิ่งๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ก็เลยไม่ค่อยกล้าเล่นด้วย หมวยลี่ได้แต่อ่านข้อความของเพื่อนที่กำลังพิมพ์คุยกันอยู่ในช่องแชต เธอไม่รู้ว่าจะออกความคิดเห็นอะไรเมื่อเห็นชื่อของคนที่เพิ่งเจอกัน แถมยังเป็นคนที่ทำให้เธอฟุ้งซ่านอยู่ในตอนนี้ โมมายด์: ขอพูดหน่อยนะ เคยเห็นแฟนพี่ล่าตอนไปหายัยลี่ คนอะไรสวยมาก หวานมองตาค้างน่ะคิดดูสิ ฝันหวาน: สวยจริง ถ้าไม่ใช่แฟนพี่ล่าฉันพุ่งไปจีบแล้ว ซาน: ระวังนะ เฮียล่าโคตรหวง ติ้ง~ ระหว่างอ่านแชตของเหล่าเพื่อนที่กำลังคุยกันอยู่ จู่ๆ ก็มีแชตของอีกคนแจ้งเตือนซ้อนขึ้นมา แชต: ค่าย ค่าย: วันนี้ฉันจะเข้าไปนอนบ้านใหญ่ ร่างเล็กอ่านข้อความพร้อมหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ แต่ถูกประโยคถัดไปที่เขาส่งมากลบความสงสัยทั้งหมด ค่าย: รู้ใช่ไหมว่าของโปรดที่ชอบกินคืออะไร หมวยลี่: ทำไมไม่บอกแม่ครัวคะ ค่าย: ทุกทีเธอเป็นคนทำของโปรดฉัน ไม่ใช่หรือไง เรียวนิ้วสวยค้างบนหน้าจอมือถือ หมวยลี่กำลังตั้งคำถาม ค่ายรู้ได้ยังไง ว่าเธอเป็นคนทำของโปรดเขาด้วยตัวเองทุกครั้ง ค่าย: ถ้าไม่ใช่ ก็ปฏิเสธมา ไม่สามารถเถียงได้เลย ทุกครั้งที่รู้ว่าค่ายจะกลับมานอนบ้านใหญ่ หมวยลี่จะขอเข้าครัวพร้อมกับแม่ และทำเมนูโปรดที่เขาชอบด้วยตัวเอง แต่เรื่องนี้เธอขอแม่เอาไว้แล้วว่าห้ามบอกใครเด็ดขาด เธอคิดมาตลอดว่าเขาไม่รู้อะไรเลย ทว่าภายใต้ความเงียบขรึม เขารับรู้ทุกอย่าง แค่ไม่พูดมันออกมาก็เท่านั้น “ลี่ว่างหรือเปล่า มาช่วยแม่ทำอาหารทีสิลูก” เสียงของแม่ที่ดังเล็ดลอดมาจากด้านหน้าประตู ทำให้ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยขึ้นจากจอมือถือ ก่อนจะรีบตอบกลับทันที แล้วรีบลุกขึ้นจากเตียงไปช่วยทำอาหาร ภายในห้องอาหาร ร่างเล็กทำหน้าที่ตักข้าวใส่จานให้กับทุกคน มื้ออาหารค่ำในคืนนี้ มีไกวิญช์พร้อมด้วยลูกชายทั้งคนโตและคนเล็กนั่งร่วมวงกัน “เรียนสนุกไหมลี่” คลื่นเป็นฝ่ายเริ่มตั้งคำถาม เขากับหมวยลี่พูดคุยกันบ่อยอยู่แล้ว เพราะในบรรดาพี่น้องทั้งหมด คลื่นเป็นคนเดียวที่มีอารมณ์สบายๆ เข้าถึงง่าย และทำให้เธอรู้สึกเป็นกันเองมากที่สุด “สนุกค่ะ” “มีหนุ่มๆ ขายขนมจีบบ้างหรือเปล่า” คลื่นไม่ได้เซ้าซี้อะไร เขาแค่หยอกล้อถามไปอย่างนั้น เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า ผู้หญิงหน้าตาสวยแบบเธอ คงมีคนเข้าหาไม่เว้นแต่ละวันอยู่แล้ว หมวยลี่ได้แต่ยิ้มบางๆ แทนคำตอบ จากนั้นก็เดินออกจากห้องอาหารไปอย่างเงียบๆ ปล่อยให้คนในครอบครัวได้ใช้เวลาส่วนตัวพูดคุยกัน “อีกไม่กี่วันก็จะออกเดินทาง เตรียมตัวหรือยัง” เจ้าของคฤหาสน์เอ่ยถามลูกชายคนโตเกี่ยวกับการเดินทางไปคุมงานที่ฝรั่งเศสแทนล่าซึ่งต้องเตรียมตัวสำหรับพิธีหมั้น แต่ระหว่างนั้น สายตาก็เผลอสะดุดเข้ากับรอยแผลบนฝ่ามือ “มือไปโดนอะไรมา” “……..” ค่ายเลือกนิ่งเฉย ไม่เอ่ยคำตอบกลับไป เพราะรู้ดีว่าพ่อคงเดาได้หมดแล้ว จึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะตอบ “เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นหรือยัง” ไกรวิญช์เหลือบสายตามองลูกชายคนโตที่ไม่ยอมพูดจา มือที่กำลังตักข้าวอยู่ชะงักกลางคัน ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบกลับคำถามของผู้เป็นพ่อ “ครับ ผมขอห่างแล้ว” “ได้ข่าวว่าเธอกำลังจะจับผู้ชายรวยคนใหม่” ความเงียบภายในห้องอาหารเริ่มทวีความอึดอัดขึ้นทีละน้อย จนบรรยากาศระหว่างสองพ่อลูกกลายเป็นความตึงเครียด “ก็แค่ผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่ง ทำไมต้องอาลัยอาวรณ์” “ในเมื่อยอมถอยให้ตามที่ขอแล้ว พ่อควรหยุดพูดเรื่องนี้กรอกหูผมสักที” “ความรักไม่มีค่ากับผู้หญิงเห็นแก่เงินหรอกนะ แกควรจำเอาไว้” เคร้ง! ร่างสูงวางช้อนในมือกระทบกับจานเสียงดัง เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ค่ายกล้าทำท่าทางอย่างนี้กับผู้เป็นพ่อ เพราะเขาทนไม่ไหวกับคำตอกย้ำต่างๆ ที่พ่อมักจะพูดแทบทุกครั้งที่เจอหน้า “นั่งลง แล้วกินข้าวซะ” เสียงทุ้มเข้มจากเจ้าของคฤหาสน์ตวาดดังลั่น เมื่อเห็นว่าลูกชายลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้ “ผมจะไปหากินข้างนอกครับ” “ฉันบอกให้แกนั่งลง!!” “ค่าย มึงนั่งก่อน” คลื่นเห็นสีหน้าเข้มขรึมของพ่อจึงรีบหันบอกพี่ชาย ทว่าตอนนี้ค่ายไม่ฟังใครทั้งนั้น เขาก้าวขาเดินหายออกไปจากห้องอาหาร โดยไม่สนใจคำพูดของพ่อที่ตวาดตามหลังเลยแม้แต่น้อย เท้าเล็กเดินย่ำอยู่บนหญ้านุ่ม ท่ามกลางแสงสว่างของดวงจันทร์ที่ตกกระทบลงมาพอมองเห็น หมวยลี่นั่งลงบนผืนหญ้า หลบมุมต้นไม้ใหญ่เพื่อไม่อยากให้ใครเห็น เธอกำลังปล่อยให้ความคิดไหลผ่านเข้ามาในหัวทีละเรื่องๆ และกำลังมองหาทางออก แต่กลับมีวูบหนึ่งที่เผลอคิดไปว่า หากระหว่างเธอกับค่ายถลำลึกขึ้นมาจริงๆ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป ตอนนั้นเธอจะเจ็บปวด….หรือมีความสุข เขาอันตรายเสมอทุกครั้งที่เข้าใกล้ เธอกลัวว่าสักวันจะไม่สามารถหักห้ามใจได้ เพราะแค่ในตอนนี้ ก็แทบไม่เหลือแรงจะฝืนอยู่แล้ว “มานั่งทำไมคนเดียวตรงนี้” เฮือก! เสียงทุ้มที่คุ้นหูดังสะท้อนเข้ามาในห้วงความคิด ใบหน้าหวานรีบเงยขึ้นมองข้างตัว ก่อนจะเห็นร่างสูงของค่ายยืนอยู่ใกล้ๆ เขากำลังหลุบสายตาลงมาจ้องเธอเช่นเดียวกัน หมวยลี่กำลังแปลกใจ ทั้งที่ตอนนี้ค่ายควรอยู่ในห้องอาหาร แล้วทำไมเขาถึงมายืนตรงนี้ “ฉันทำให้เธอคิดมากอยู่หรือเปล่า” “ไม่เกี่ยวอะไรกับเฮียหรอกค่ะ” เพราะไม่ชอบที่เขาตั้งคำถาม ราวกับรู้ทันไปหมดซะทุกอย่าง เธอจึงเลือกโกหกคำโต ไม่อยากยอมรับความจริงให้อีกฝ่ายได้ใจ “เป็นเด็กเป็นเล็ก โกหกผู้ใหญ่แบบนี้ไม่ดีเลยนะ” “ขอตัวนะคะ” หลังเอ่ยคำนั้น ร่างเล็กก็ใช้แขนค้ำยันพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน แต่ว่า ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยคำพูด “เด็กน้อย” “ลี่ไม่ใช่เด็ก” เสียงหวานตอบกลับทันควัน ทว่าสายตาของเขาที่กำลังจ้องมอง ทำให้ตัวเริ่มชา เป็นแบบนี้อีกแล้ว ร่างกายไม่สามารถขยับไปไหนได้ ในขณะที่เขายกมือมาสัมผัสใบหน้า “ทำไมต้องเป็นลี่” ริมฝีปากบางค่อยๆ ขยับ เอ่ยคำถามออกมาแผ่วเบา “เธอดึงดูดฉัน….มากเกินไป” ปลายนิ้วของเขาเกลี่ยแผ่วเบาบนพวงแก้มนุ่มอย่างเชื่องช้า เพียงแค่นั้นใบหน้าหวานก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ ค่ายยิ่งรู้สึกพึงพอใจ เพราะไม่ว่าเธอจะปฏิเสธเขาสักกี่ครั้ง แววตาและท่าทีที่เผยออกมาก็ไม่เคยโกหก ค่ายพยายามแทรกซึมเข้าไปทีละนิดๆ จนกว่าพื้นที่ตรงนั้นจะกลายเป็นของเขา คำพูดของร่างเล็กในวันนี้ ดูเหมือนจะไร้ความหมายสิ้นดี ราวกับเขาลืมไปแล้วว่าไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอเพิ่งบอกเรื่องการเลิกรู้สึกออกไปชัดเจน “ถ้าไม่ชอบเห็นฉันเจ็บปวด ก็ยอมรักษาแผลให้สิ” เขาย้ำความปรารถนาของตัวเองอีกครั้ง ไม่ยอมปล่อย ยังพยายามยัดเยียดตัวเองเข้ามาในชีวิต โดยไม่แยแสว่าหัวใจเธอจะเจ็บปวดแค่ไหน ที่ถูกมองเป็นเพียงแค่ของเล่นในกำมือ “รักษาแผลให้เฮีย….มันแลกกับการที่ลี่ต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดแทนหรือเปล่าคะ” ทั้งที่เธอเองก็รู้ทันเขาทุกอย่าง แต่ทำไมถึงยังจมปลักกับความรู้สึกแบบเดิมไม่เปลี่ยน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD