ปราบค่าย - 7 หลอกล่อ

1894 Words
อาทิตย์ต่อมา โชคดีที่ช่วงนี้ค่ายต้องบินไปดูงานที่ฝรั่งเศสแทนน้องชาย ซึ่งกำลังยุ่งกับการเตรียมงานหมั้น ทำให้ตอนหมวยลี่เข้าไปทำความสะอาดเพนท์เฮาส์ ไม่ต้องรู้สึกกังวลว่าจะเผชิญหน้ากับเขา แถมยังไม่ต้องเข้ามาทุกวัน เพราะห้องไม่ได้รกหรือมีฝุ่น เนื่องจากไม่มีใครอยู่ อาทิตย์นี้เธอจึงทำความสะอาดเพียงแค่สองวัน ห้างสรรพสินค้า หมวยลี่กำลังเดินห้างกับเพื่อนๆ ความจริงเธอไม่ชอบมาที่ห้างเท่าไร ชอบเดินร้านสะดวกซื้อมากกว่า แต่เพราะโมมายด์และฝันหวานเอ่ยชวนให้มาดูของเป็นเพื่อน จึงยอม “ลี่ระวัง!” ฝังหวานรีบดึงเพื่อนออกห่างจากเสาต้นใหญ่ ถ้าเธอไม่ช่วยเมื่อครู่คงชนเข้าอย่างจัง “แกเหม่ออีกแล้วนะลี่ ระวังหน่อยสิ ถ้าเดินชนขึ้นมาจะเจ็บตัวเอานะ” “อื้อ คงนอนน้อยน่ะเลยเบลอ” “แกเป็นแบบนี้เกือบเดือนแล้วลี่ มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาสิ ฉันเป็นที่พึ่งให้แกไม่ได้เลยหรอ” “หวานอย่าพูดแบบนี้ได้ไหม ลี่โอเคจริงๆ” “ทุกทีก็พูดแบบนี้” ฝันหวานถอนหายใจเบาๆ แม้ในใจจะอยากคาดคั้นให้ได้คำตอบ แต่สุดท้ายเธอก็เลือกจะเงียบ เพราะแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่า หมวยลี่กำลังคิดบางอย่างวนเวียนอยู่ในหัวแทบตลอดเวลา ทั้งที่ไม่อยากคิดถึง แต่คำพูดของค่ายยังคงวนเวียนในความคิดของหมวยลี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเธอเหม่อลอยอยู่บ่อยๆ อย่างเมื่อครู่ก็เกือบเผลอเดินชนเสา เธอไม่ต้องการรับหน้าที่นั้น เพราะสักวันก็คงถูกทิ้งขว้างเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถสลัดเรื่องราวพวกนั้นออกจากหัวได้เลย เหมือนกำลังพยายามต่อต้าน แต่ก็ลังเลแทบทุกครั้งที่นึกถึง “ผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้นจัง” ฝันหวานชี้นิ้วไปทางผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ในร้านแบรนด์ดัง โมมายด์หันตามสายตาไปดู ก่อนจะรีบตอบกลับ “ไม่คุ้นได้ยังไง นั่นน่ะชื่อโบว์ แฟนเก่าเฮียค่ายของยัยลี่” “มายด์ พูดแบบนี้ถ้ามีใครมาได้ยินจะทำยังไง” ร่างเล็กมองเพื่อนตาดุ เพราะเรื่องที่เธอแอบชอบค่ายมีโมมายด์เพียงคนเดียวที่รับรู้ ระหว่างทั้งสามคนกำลังยืนคุยกันอยู่ ผู้หญิงที่เลือกซื้อชุดในช็อปแบรนด์ดังก็เดินออกมาพอดี และทันทีที่สายตาเธอเหลือบมาเห็นหมวยลี่ ก็รีบตรงเข้ามาหาด้วยท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไร “นี่ ยัยลูกคนใช้” เสียงทักทายของหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาดังขึ้น อย่างจงใจกดให้คนอื่นอยู่ต่ำกว่าตัวเอง “นั่นปากหรอคะ” โมมายด์รีบสวนกลับทันควัน เธอจ้องอย่างเอาเรื่องโดยไม่เกรงกลัว หมวยลี่รับรู้สถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีจึงรีบแทรกขึ้นด้วยการตั้งคำถาม “มีอะไรหรือเปล่าคะ” “รู้ไหมว่าค่ายหายไปไหน” น้ำเสียงที่เอ่ยถามเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร สีหน้าแสดงออกชัดเจนว่าอารมณ์ไม่ดี “ไปฝรั่งเศสค่ะ” “มีคีการ์ดเพนท์เฮ้าส์หรือเปล่า” “ลี่ไม่มีของส่วนตัวของเจ้านายหรอกค่ะ” “สามหมื่น แกจะทำยังไงก็ได้ ต้องเอาคีการ์ดมาให้ฉัน” แววตาและน้ำเสียงของเธอคล้ายจะเหวี่ยงใส่ตลอดเวลา แต่ถึงจะรู้แบบนั้นหมวยลี่ก็ยังเลือกตอบกลับอย่างถ่อมตัว “ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องปฏิเสธ” “นี่! ครั้งเดียวได้สามหมื่นเชียวนะ อย่างแกทำงานทั้งเดือนยังหาไม่ได้ด้วยซ้ำ” “เก็บเงินของคุณโบว์เอาไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นดีกว่านะคะ” “ปากดี!! เป็นแค่ลูกคนใช้อย่ามาสอนฉัน” หมวยลี่ได้แต่เก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ เธอนิ่งไม่โต้ตอบ รอให้อีกฝ่ายเดินจากไป ให้หลังจากที่โบว์เดินไปแล้ว โมมายด์กับฝันหวานก็เริ่มจุดประเด็นขึ้นมาทันที เธอทั้งสองพูดอย่าเหลืออด หากเมื่อครู่ไม่ถูกห้ามเอาไว้คงได้ตอบกลับและคงมีปากเสียงอย่างแน่นอน “ถามจริงๆ นะลี่ เฮียค่ายรักยัยนี่ลงได้ยังไง” โมมายด์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายที่ดูมีพร้อมทุกอย่างแบบค่าย จะชอบผู้หญิงนิสัยแย่คนนี้ เพราะมันช่างไม่เข้ากัน “ฉันถึงกับส่ายหน้าเลยนะ ไม่ไหวจริงๆ มายเซ็ตท็อกซิกสุดๆ อยู่กับคนแบบนี้ได้เป็นบ้าแน่!” ฝันหวานที่ปกติชอบผู้หญิงสวยๆ ยังอดรู้สึกเอือมระอากับคนเมื่อครู่ไม่ได้ “ตอนอยู่กับเฮียเธอเป็นอีกแบบน่ะ” หมวยลี่ตอบ เธอเห็นมาตลอดว่าเวลาผู้หญิงคนนั้นอยู่กับค่ายมักจะทำตัวออดอ้อน พูดจานาฟัง แต่ลับหลังจะเป็นอีกแบบ “อ๋อ มารยาเก่งนี่เอง” “ดีแล้วที่เลิก ขืนแต่งงานกันไปคงเหมือนตกนรกทั้งเป็น” ถึงจะเดินเข้ามาเลือกดูเสื้อผ้าในช็อปแล้ว แต่ทั้งฝันหวานและโมมายด์ก็ยังคงเอ่ยถึงผู้หญิงในอดีตของค่ายไม่เลิก ซึ่งหมวยลี่เองก็ได้แต่เงียบไม่แสดงความคิดเห็น ระหว่างกำลังรอเพื่อนเดินเลือกชุด โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็สั่นแจ้งเตือน ร่างเล็กเกี่ยวปลดตัวล็อกกระเป๋าใบเล็ก แล้วล้วงมือหยิบโทรศัพท์ออกมา แชต: ค่าย ค่าย: เก็บกล่องยาไว้ที่ไหน ฉันหาไม่เจอ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะกดแป้นพิมพ์ ตอบกลับไปด้วยคำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัย หมวยลี่: กลับไทยแล้วหรอคะ ค่าย: ถามก็แค่ตอบ เอาไปเก็บไว้ที่ไหน หมวยลี่: เฮียไม่สบายหรอคะ ค่าย: ตอบคำถาม ขอบตาร้อนผ่าว เมื่อร่างเล็กเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอยุ่มย่ามมากจนเกินไป ความเป็นห่วงที่ตีขึ้นมาในใจทำให้เธอเผลอตัว พอมีสติก็รีบพิมพ์ตอบกลับทันที หมวยลี่: อยู่ในตู้ที่ห้องทำงานค่ะ ค่าย: เข้ามาทำความสะอาด ฉันไม่ชอบให้ห้องมีฝุ่น เพราะค่ายกลับมาไม่ยอมบอก เธอจึงต้องรีบขอแยกกับเพื่อนไปที่เพนท์เฮ้าเพื่อทำความสะอาด ครั้งล่าสุดที่ทำก็เมื่อสี่วันก่อน หากรู้ล่วงหน้าว่าเขาจะกลับมา เธอคงไปทำเอาไว้รอจะได้ไม่ต้องเจอหน้ากัน @เพนท์เฮ้า เท้าเล็กเดินเข้ามาภายในห้องขนาดกว้าง กวาดสายตามองหาเจ้าของเพนท์เฮ้าส์ เมื่อไม่เจอใครจึงเดินเลี้ยวไปหยิบเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดมา จากนั้นก็เริ่มปัดกวาดเช็ดถูตามหน้าที่ แต่ในหัวกลับเอาแต่คิดว่า…ตอนนี้ค่ายกินยาหรือยังนะ เขาป่วยหนักแค่ไหน ตัวจะร้อนมากหรือเปล่า เธอห้ามความคิดแบบนั้นไม่ได้เลย แกร็ก! มือที่กำลังจับไม้ปัดขนไก่ชะงักเติ่ง ใบหน้าสวยรีบหันมองประตูห้อง ก่อนจะเห็นค่ายเดินออกมา สีหน้าของเขาซีดเซียวจนน่าตกใจ ทำเอาร่างเล็กเป็นห่วงมากกว่าเดิม เธอพยายามแข็งใจแล้ว แต่เพราะเขาคือค่าย ถึงได้ยากเย็นอย่างนี้ หมวยลี่ถือวิสาสะเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเขาอย่างลืมตัว ทว่าอีกฝ่ายกลับรีบเอนหลบ พร้อมจ้องเธอกลับด้วยแววตาเย็นชา เหมือนค่ายเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นเดียวกัน “ตัวร้อนจี๋เลยค่ะ เดี๋ยวลี่โทรไปถามเบอร์ลุงหมอกับแม่ก่อนนะคะ” “ไม่ต้อง” “ตัวร้อนเป็นไฟขนาดนี้ จะไม่ต้องได้ยังไงคะ” “แค่นี้ไม่ตาย” ค่ายปฏิเสธความหวังดีของเธอ ก่อนตั้งท่าจะเดินหนีไป แต่กลับถูกมือเล็กคว้ารั้งแขนไว้ซะก่อน ทำให้เขาต้องหันกลับมา สายตาคมหลุบลงมองคนที่ตัวเล็กกว่า พร้อมยกคิ้วขึ้นเป็นคำถาม หมวยลี่กำลังสับสน เพราะที่ผ่านมาค่ายแสดงออกชัดเจนว่าใส่ใจเธอแทบทุกครั้งที่อยู่ใกล้ แต่จู่ๆ เขากลับกลายเป็นเฉยชา ราวกับไม่เคยสนใจเธอมาก่อนเลย “ทั้งที่บอกว่าจะเลิกรู้สึก” แววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงจนค่ายสัมผัสได้ มันมากพอที่จะทำให้เขายิ้มออกมา แค่ได้เห็นอาการของเธอแบบนั้น “ทำไมเป็นห่วงฉันมากขนาดนี้กันนะ” อารมณ์ของเขาผันผวนมากเกินไปจนร่างเล็กไล่ตามไม่ทัน ทั้งที่ไม่กี่วินาทีก่อนหน้ายังจ้องอย่างเย็นชา แต่ตอนนี้เขากลับดูร้ายกาจ “ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าลี่รู้จักก็ต้องห่วงทุกคนอยู่แล้วค่ะ” “อ่า อย่างนี้นี่เอง” ดวงตาคู่สวยร้อนวูบเมื่อประโยคโต้ตอบของเธอทำให้ร่างสูงก้าวเดินมาใกล้ เขาหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าด้วยระยะห่างเพียงน้อยนิด “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ช่วยสิ…แบ่งความร้อนออกไปจากตัวฉัน” ใบหน้าหล่อค่อยๆ โน้มลงมา พร้อมตั้งคำถาม “อยากช่วยหรือเปล่า?” กระต่ายตัวน้อย ช่างน่าเอ็นดูซะจริงเชียว “คะ…อื้อ~” ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกอีกฝ่ายโน้มเข้ามาแย่งชิงจูบอย่างรวดเร็ว ไอร้อนของริมฝีปากจากพิษไข้แผ่ซ่านไปทั่ว ลมหายใจที่เป่ากระทบร้อนระอุ อุณหภูมิในร่างกายพุ่งขึ้นสูงอย่างห้ามไม่อยู่ ขาแกร่งก้าวไปตรงหน้าอย่างเชื่องช้า บีบให้ร่างเล็กถอยหลังทีละนิดจนแผ่นหลังชิดติดมุม เขาช้อนแขนอุ้มเธอขึ้นอย่างง่ายดาย ก่อนจะวางลงบนพื้นโต๊ะ ริมฝีปากทั้งสองยังคงดูดดึงกันแนบแน่น สมองของหมวยลี่ขาวโพลนไปชั่วขณะ เธอไม่สามารถมีสติได้ เพราะถูกจูบที่อีกฝ่ายกำลังป้อนให้อย่างบ้าคลั่ง เมื่อใกล้ขาดอากาศ กำปั้นเล็กก็ทุบรัวบนแผงอกแกร่ง ขณะที่ค่อยๆ ถอดถอนจูบออกช้าๆ นัยน์ตาคมกริบจ้องมองริมฝีปากอวบอิ่มสีอ่อนอย่างห้ามใจ ไม่ให้ตัวเองจูบทับลงไปอีกครั้ง “แฮ่กๆ ลี่บอกเฮียแล้วนะ ว่าอย่าทำแบบนี้” มือเล็กยกขึ้นเช็ดปากของตัวเอง พร้อมหายใจเข้าเพื่อกอบโกยอากาศ “ชอบไม่ใช่หรือไง ถ้าไม่ชอบคงผลักออกไปแล้ว” “…….” หมวยลี่กำลังกลัวหัวใจที่สั่นไหวของตัวเอง เธอกลัวเหลือเกินว่า สักวันหนึ่งเธออาจจะยอมเดินเข้าไปในกองไฟที่ค่ายจุดประกายมันขึ้นมา “คล้องคอฉันซะแน่น เพราะอะไรกัน?” ค่ายเค้นหัวเราะเบาๆ เขาดูอารมณ์ดีทั้งที่หน้าตายังซีดไร้เลือดฝาดจากอาการป่วย “วันนี้คุณโบว์ถามหาเฮียกับลี่” จบเพียงแค่นั้น ปลายนิ้วแกร่งก็กดทับลงบนกลีบปากนุ่มทันที แทนคำสั่งให้หยุดพูด “ถ้ามันทำให้เธอเจ็บ ก็อย่าพูดชื่อนั้น” ค่ายโน้มลงมาใกล้อีกครั้ง เสียงแผ่วเบาคล้ายกระซิบดังขึ้นใกล้หู ชวนให้หัวใจคนฟังสั่นไหว “เพราะฉันก็ไม่อยากได้ยิน” เขาทำเหมือนกำลังปลอบใจ แต่ความจริงอาจเป็นแค่การหลอกล่อ ให้ตายใจ ในสายตาของค่าย เธออาจจะเป็นเพียงแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งที่เขาอยากใช้เยียวยาความเจ็บปวด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD