วันต่อมา @มหาวิทยาลัย
หมวยลี่กำลังเดินไปโรงอาหารพร้อมกับเพื่อนสนิทอีกสองคน ระหว่างนั้น จู่ๆ น้องรหัสก็โผล่พรวดเข้ามาทักทาย
“พี่ลี่พรุ่งนี้จะไปดูผมแข่งบาสไหมครับ”
“อ๋อ จริงสิ พี่ลืมเลย” ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อเพิ่งนึกออกว่า รุ่นน้องเคยบอกไว้ให้ไปดูเขาแข่งบาส
“โหย! น้อยใจนะเนี่ย”
“เดี๋ยวพี่ไปดูนะ แข่งบ่ายใช่ไหม”
“ใช่ครับผม พี่หวานกับพี่มายด์มาดูผมด้วยนะๆ”
“จ้า เดี๋ยวจะไปเชียร์หนุ่มหล่อ”
“ไม่เขินครับ ต้องพี่ลี่พูดผมถึงจะเขิน”
พีท หรือพีระพัท ด้วยความที่เป็นหนุ่มช่างพูด ทำให้สนิทกับหมวยลี่และเพื่อนในระดับหนึ่ง แถมยังชอบพูดไปเรื่อยจนบางครั้งก็ไม่มีใครเดาออกว่าถ้อยคำนั้นจริงจังแค่ไหน
หลังแยกย้ายกับเด็กรุ่นน้องแล้ว ร่างเล็กรับหน้าที่นั่งจองโต๊ะในโรงอาหาร ส่วนโมมายด์ไปซื้อข้าวให้และฝันหวานแยกตัวไปซื้อน้ำ
หมวยลี่นั่งเล่นโทรศัพท์เพื่อรอเวลา ก่อนจะผุดความคิด จู่ๆ เธอก็รู้สึกเป็นห่วง คนที่ชอบเล่นกับความรู้สึกอย่างค่ายขึ้นมาดื้อๆ
ยิ่งเขาพยายามเข้ามาพัวพันมากเท่าไร หัวใจก็ไม่รักดีเอาซะเลย
‘ถ้าเจ็บก็ไม่ต้องพูดถึง’
‘เพราะฉันก็ไม่อยากได้ยิน’
ประโยคเหล่านั้นคอยตามหลอกหลอน เธอได้ยินมันซ้ำๆ เหมือนกับว่าค่ายกระซิบพูดข้างหูตลอดเวลา หัวใจสั่นไหวต่อให้ปรามยังไงก็ไม่ยอมเชื่อฟัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอชอบ แม้จะพยายามต่อต้านแล้วก็ตาม
ดวงตากลมมองช่องแชตของคนที่เข้ามาปั่นป่วนความรู้สึกในเวลานี้ เกิดความลังเลว่าควรจะถามไถ่หรือละเลย แต่เธอเป็นห่วงเขามากเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้
แชต: ค่าย
หมวยลี่: กินยาหรือยังคะ
Read
ขอความขึ้นอ่านแทบจะทันทีที่กดส่งไป แต่ไร้การตอบกลับจากเจ้าของช่องแชต ทำให้หมวยลี่เริ่มเตือนตัวเองอีกครั้ง ขณะกำลังจะพิมพ์ข้อความใหม่
เธอกำลังเตือนตัวเองว่าที่เขาเงียบ แปลว่าไม่อยากคุย คิดได้แบบนั้นจึงเลือกปิดหน้าจอ แล้วเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าอย่างเดิม เป็นจังหวะเดียวกันที่เพื่อนเดินกลับมาพอดี
หลังจากกินข้าวแล้วทั้งสามคนก็เดินมานั่งรอเวลาเข้าเรียนภาคบ่ายที่ใต้ตึกคณะ หมวยลี่ก้มหน้ามองมือถือบ่อยครั้ง เธอมักจะเผลอกดเข้าไปในแชตที่อ่านข้อความแต่ไม่ยอม แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
ปฏิเสธเขาแทบตาย แต่คนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวดันเป็นตัวเธอเอง
“ถ้าคนที่เราชอบมากๆ ทำเหมือนสนใจเรา หวานกับมายด์จะทำยังไงหรอ” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ จู่ๆ หมวยลี่ก็หลุดคำถามออกมาดื้อๆ ทำเอาเพื่อนอีกสองคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“หือ ก็ดีน่ะสิ มีแววสมหวัง” โมมายด์ตอบ และกำลังรู้สึกสงสัยในคำถามของเพื่อนสนิท สังเกตจากใบหน้าที่ฉายแววความกังวลออกมา
“แล้วถ้าความสนใจของเขา….คือต้องการแค่ร่างกายล่ะ”
“แย่มาก” ทันทีที่โมมายด์เอ่ยคำนั้นพร้อมส่ายหน้า ฝันหวานรีบเอ่ยแทรกทันควัน
“วินวินไปเลยสิ เขาต้องการร่างกายแกก็สนอง การมีอะไรกับคนที่แอบชอบมันคือจุดสูงสุดเลยนะ”
“ยัยหวาน!! คนที่มีเมียอย่างแกไม่ควรแนะนำแบบนี้นะ ผู้ชายกับผู้หญิงเสียหายมากกว่า”
“ไม่ต่างหรอกน่า ถือคติไม่ได้ใจแต่ได้ตัวก็ยังดี”
“ให้ตาย!! ถ้าแกแนะนำลี่แบบนี้อีกฉันจะหยิก อย่ามายุลูกสาวฉันแบบนั้น” โมมายด์ยกแขนขึ้นกอดอกจ้องเพื่อนด้วยแววตาจริงจัง
“วิญญาณแม่เข้าสิงตลอด”
“เจ็บแผลคลอดสุดๆ หวงลูกสาวมากด้วย”
“นี่ ไม่ต้องจริงจังกันก็ได้ ลี่แค่ถามเฉยๆ เอง” ร่างเล็กรีบห้าม ก่อนที่เพื่อนจะถกเถียงกันเป็นประเด็นไปมากกว่านี้
“ดีแล้วที่ถามเฉยๆ อย่าไปฟังยัยหวานมันนะลี่ ไม่อย่างนั้นฉันจะฟาดด้วยก้านมะยม”
“แค่เพื่อนไม่ใช่แม่ อย่าอินบทขนาดนั้นมายด์”
ตั้งแต่รู้จักกันมา หมวยลี่เห็นสองคนนี้ชอบทะเลาะกันบ่อยๆ ถึงจะไม่ใช่เรื่องจริงจังก็ตาม แต่พอถึงเวลาหากใครคนใดคนหนึ่งมีปัญหาหรือช้ำรัก อีกคนก็มักจะเป็นห่วงคอยเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ไม่เคยห่าง จนตอนที่รู้จักกันแรกๆ หมวยลี่ก็เคยแอบคิดว่าทั้งสองคนชอบกัน แต่ตอนนี้เธอเลิกคิดไปแล้ว
“ว่าแต่เฮียค่ายสนใจแกหรอลี่” ฝันหวานถามโพล่งขึ้นมา ทำเอาร่างเล็กรีบยกไม้ยกมือปฏิเสธ
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่นะ ไม่ใช่จริงๆ”
“เอ่อ….ความจริงแกมีพิรุธมากเลย”
หมวยลี่ค่อยๆ เม้มริมฝีปากพร้อมบีบมือแน่น เธอไม่ได้ตั้งใจปฏิเสธขนาดนั้น แต่มันพลั้งปากไปเอง มือไม้ก็ยกขึ้นโบกไปมาด้วยความลนลาน อีกความตกใจคือเธอไม่รู้เลยว่าทำไมฝันหวานถึงถามแบบนั้น ทั้งที่ไม่เคยเล่าให้ฟัง
“ทำไมคิดว่าเป็นเฮียค่ายล่ะหวาน” โมมายด์เป็นคนเอ่ยถามแทน เพราะร่างเล็กเอาแต่นั่งนิ่งเงียบ
“ดูออกยากมากมั้ง สายตาฟ้องขนาดนั้น”
“…มันชัดมากเลยหรอหวาน” หมวยลี่บีบมือเบาๆ แทบกลั้นใจตอนที่รอฟังคำตอบ
“เพราะแกไม่เคยมองใครแบบที่มองเฮียไงลี่ สำหรับฉันที่สนิทมานานทำไมจะดูไม่ออก”
“……..”
“แต่ฉันขอเตือนนะ ถึงจะไม่ได้สนิทกับเฮีย แต่จากที่เห็นผ่านๆ ดูท่าจะร้ายพอสมควรเคย” โมมายด์เตือน เธอเห็นอาการของเพื่อนตอนนี้แล้วรู้ทันทีว่ากำลังนึกลังเลภายในใจ
“ร้ายที่ไหน ก็เห็นมียัยผู้หญิงคนนั้นแค่คนเดียวมาตลอด แกอย่ามองคนแค่ภายนอกสิมายด์”
“ก็เพราะรักยัยนั่นมากไง ถึงไม่คิดจะจริงจังกับคนอื่น”
“แกอคติ”
“ฝันหวาน” โมมายด์เอ่ยเพียงแค่ชื่อสั้นๆ เท่านั้นคนที่ถูกเรียกก็ปิดปากเงียบไปไม่เถียงอะไรต่อ
หมวยลี่ยังคงบีบมือตัวเองแน่น เธอพอจะเดาได้ว่าค่ายร้ายแค่ไหน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็เอาแต่หยอกล้อกับหัวใจของเธอ ตั้งใจทำให้รู้สึกมากขึ้น ทั้งที่ยังมีอีกคนอยู่ในใจ
ถึงเวลาที่ต้องไปเรียน บทสนทนาจึงจบลงเพียงเท่านั้นหมวยลี่เป็นเด็กเรียนเก่งและตั้งใจฟังเวลาอาจารย์พูด หลายคนชอบเหน็บเธอว่าเป็นลูกรักอาจารย์ เพราะเวลามีกิจกรรมเธอมักจะได้เข้าร่วม โชคดีที่มีโมมายด์และฝันหวานอยู่ข้างๆ เลยไม่มีใครกล้าเข้ามากลั่นแกล้ง
“ไอ้ซานชวนไปคลับอีกแล้ว” โมมายด์พูดขึ้น พลางเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์
“พ่อมันเป็นหุ่นส่วนหรือไง ไปบ่อยขนาดนี้” ฝันหวานตอบพร้อมถอนหายใจพรืดใหญ่
“ก็ใช่น่ะสิ แกก็รู้ดีว่าอาณาจักรทรัพย์หิรัญสกุลใหญ่แค่ไหน ครอบครองธุรกิจไปตั้งกี่อย่าง ให้นับวันนี้คงพูดไม่หมด”
“ลี่ไม่ไปนะ ต้องช่วยแม่ดูแลงานบ้านน่ะ” ร่างเล็กเอ่ยแทรก เธอต้องรีบกลับบ้านไปช่วยแม่หยิบจับอะไรหลายๆ อย่าง ด้วยอายุของแม่ที่มากขึ้นอะไรพอช่วยได้เธอก็อยากช่วย
“พูดเหมือนปกติแกไปงั้นแหละ ถ้าไม่ใช่งานเลี้ยงสายรหัสหรือวันเกิดเพื่อน ไม่เคยเห็นจะเข้าคลับ”
“ลี่ไม่ชอบ เสียงมันดัง”
หลังจากแยกกับเพื่อน หมวยลี่มายืนรอรถที่ด้านหน้ามหาวิทยาลัยอย่างทุกวัน ความจริงไกรวิญช์เคยเสนอให้คนขับรถที่บ้านคอยรับส่ง หรืออยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัย แต่เธอปฏิเสธทุกความหวังดีที่ผู้มีพระคุณหยิบยื่นมาให้ เพราะมันมากเกินไป เพียงแค่ส่งเสียให้เรียนหนังสือเธอก็เกรงใจมากแล้ว อีกอย่างเธอเป็นแค่ลูกแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
“พี่ลี่ มาขึ้นรถเร็ว” พีทขับรถสปอร์ตคันหรูมาจอดเทียบข้างทาง ก่อนจะกดกระจกลงแล้วเอ่ยกับรุ่นพี่คนสวยที่ยืนอยู่ริมฟุตบาท
“ไม่เป็นไร พี่กลับเอง”
“ฝนจะตกแล้วนะ อีกนานกว่ารถจะมา”
“พี่กลับเองได้จริงๆ”
“พี่ปฏิเสธผมตลอดเลยอะ”
คำตัดพ้อด้วยแววตาแบบนั้นของพีระพัททำให้หมวยลี่เริ่มลังเลที่จะเอ่ยปฏิเสธอีกครั้ง คนที่ติดเล่นตลอดพอทำท่าทางจริงจังเธอเองก็ไปไม่เป็นเช่นเดียวกัน
“ไปก็ได้ แค่ครั้งหน้าไม่เอาแบบนี้แล้วนะ”
พีทยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินคำตอบตกลง เขาพยักหน้ารัวๆ อย่างว่าง่าย ขณะมองหมวยลี่เดินมาเปิดประตูแล้วแทรกตัวขึ้นมานั่งข้างๆ
“คิดยังไงถึงไปส่งพี่เนี่ย”
“ผมออกรถมาใหม่เลยนะ อยากให้พี่นั่งเป็นคนแรก” เด็กหนุ่มรู้ดีว่าหมวยลี่เป็นเพียงลูกสาวแม่บ้าน แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจ
ระหว่างทางพีทชวนคุยตามนิสัยช่างพูด ไม่เปิดโอกาสให้ภายในรถเงียบเลย กระทั่งมาถึงคฤหาสน์ทรัพย์หิรัญสกุล รถหรูหักเลี้ยวเข้าไปภายในลานจอด
ทว่าในจังหวะนั้น เสียงท่อรถกระหึ่มที่ดังแว่วมาแต่ไกลก็เรียกสายตาของหมวยลี่ให้หันไปมอง ก่อนจะเห็นว่า นั่นคือรถลูกชายคนโตของไกรวิญช์
“ขอบคุณที่มาส่งนะพีท ขับรถกลับดีดีนะ”
“ครับผม ^_^”
หมวยลี่เปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินตรงไปยังประตูบานใหญ่ของตัวคฤหาสน์ เธอเดินกึ่งวิ่ง บ่งบอกว่ากำลังหนีใครบางคน ความเป็นห่วงก่อนหน้าลดน้อยลง เมื่อเห็นว่าเขาก็ยังสามารถขับรถได้
“คุณท่านสวัสดีค่ะ”
ขณะเดินผ่านประตูบ้าน บังเอิญสวนทางกับเจ้าของคฤหาสน์พอดี ร่างเล็กจึงหยุดนิ่งและเอ่ยอย่างนอบน้อม แต่ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำของคนที่เธอตั้งใจเดินหนีจากลานจอดรถก็ดังขึ้นมาตามหลัง
“แฟนรวยดีนะ ขับสปอร์ตเชียว”
“แกหมายถึงใคร” ผู้เป็นพ่อรีบถามลูกชาย ค่ายไม่เอ่ยชื่อแต่สายตาที่จับจ้องเพียงร่างเล็กนั้นแทนคำตอบที่เขากำลังจะพูดต่อไปนี้
“ผมเห็นว่าแฟนเธอมาส่งถึงที่บ้าน”
จบประโยคนั้น ใบหน้าหวานของคนที่ถูกกล่าวหาส่ายไปมาอย่างรวดเร็วเป็นเชิงปฏิเสธ ก่อนจะรีบพูดแก้ต่างทันที “พีทไม่ใช่แฟนนะคะ เป็นน้องรหัส”
“ยังไงถ้าจะมีแฟนก็เก็บตาคลื่นไปพิจารณาดูนะหนู”
เจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วเอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำให้ลูกชายคนโตถึงกับขมวดคิ้วเข้ม ค่ายสวนกลับด้วยคำถามทันควัน
“เกี่ยวอะไรกับมันครับ?”
“ฉันกำลังคิดว่าอยากให้หนูลี่กับตาคลื่นลงเอยกัน”
หมวยลี่อยากจะปฏิเสธ แต่เธอรู้ดีว่าไม่ควรแทรกกลางสนทนาของสองพ่อลูกในตอนนี้ และรู้สึกได้ถึงสายตาของค่ายที่กำลังจับจ้องมา หัวคิ้วหนาของเขาขมวดแน่นขึ้น ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่สวนทางกับความคิดของพ่ออย่างไม่รอช้า
“ผมว่าคงไม่เหมาะสมเท่าไร”
“แล้วแกคิดว่าใครล่ะ ที่เหมาะสม”
ร่างสูงไม่แม้แต่จะตอบคำถาม สายตาของเขาหยุดนิ่งอยู่ที่ลูกสาวของแม่บ้าน อย่างไม่สนเลยว่าผู้เป็นพ่อกำลังมองเขาด้วยความแปลกใจ
กลางดึก ร่างเล็กนอนไม่หลับจึงออกมาเดินเล่นรับลมยามดึก เธอเดินไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือก็สั่นแจ้งเตือนเบาๆ
แชต: ค่าย
ค่าย: ยุงไม่กัดหรือไง
หมวยลี่: เห็นได้ยังไงคะ
ค่าย: นั่นสิ เห็นได้ยังไง
หมวยลี่มองไปรอบๆ ไม่เจอใคร จึงตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองไปยังระเบียงห้องหนึ่ง ก่อนจะเห็นเจ้าของร่างสูงยกยิ้มทักทาย ทำให้ต้องก้มหน้าหลบ เธอรีบเดินดุ่มๆ กลับไปยังห้องนอนของตัวเองในทันที
หลังจากประตูห้องปิดสนิท โทรศัพท์ในมือก็มีแจ้งเตือนเข้ามาอีกครั้ง
ค่าย: ไม่เห็นต้องรีบร้อนกลับเข้าห้องขนาดนั้น
เธอได้แต่กำโทรศัพท์แน่น และจ้องมองแชตอยู่อย่างนั้น ยังไม่ได้ตอบกลับไป
ค่าย: เด็กน้อย หรือเด็กดี
ค่าย: อยากเป็นอะไร ?
เหมือนความอดทนลดน้อยลง หลังได้อ่านประโยคที่อีกฝ่ายตั้งใจส่งมา ก่อนจะตอบกลับไปด้วยความรู้สึกแย่ที่ถูกเล่นกับใจมาตลอด
หมวยลี่: เด็กเฮีย
Read
เธอจงใจเล่นกับเขา เหมือนที่เขาเล่นกับหัวใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม เธอไม่มีทางสู้เขาได้เลย เกมนี้แค่คิดจะเริ่ม ก็เท่ากับแพ้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว
ค่าย: ถ้าไม่กล้า ก็อย่าปากเก่ง
หมวยลี่ถอนหายใจออกมาแรงๆ เธอวางโทรศัพท์เอาไว้แล้วทิ้งตัวนอนราบลงไปบนเตียงนุ่ม ทอดสายตามองเพดานห้องอยู่นานหลายนาที
เปลือกตาสีสวยปิดลง แต่หัวใจยังเต้นโครมครามไม่ยอมสงบราวกับถูกเขย่า เหมือนกับว่า เธอพยายามวิ่งหนี แต่ดันเจอเขายืนรออยู่ตรงหน้าทุกครั้ง
ไม่ว่าจะหลบไปทางซ้ายหรือขวา แม้กระทั่งเดินย้อนกลับ ก็ยังเจอกับเขา