หญิงสาวเงียบไปพักใหญ่จนปลายสายอย่างเอริคต้องเอ่ยปากเรียก
“คุณฟลอนซ์ยังอยู่หรือเปล่าครับ”
“อยู่ค่ะ” ฟลอเรนซาตอบรับในทันที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้คนฟังเห็นใจ “คือฟลอนซ์ไม่อยากนอนโรงแรมคนเดียวน่ะค่ะ ฟลอนซ์ว่าฟลอนซ์บินกลับโรมก่อนดีกว่าค่ะ ไว้เพื่อนของฟลอนซ์ว่างแล้วค่อยนัดกันใหม่ก็ได้”
ฟลอเรนซาไม่ได้วางสายในทันที หญิงสาวตั้งใจฟังว่าปลายสายอย่างเอริคจะว่าอย่างไรบ้าง ด้วยสีหน้าที่ลุ้นระทึกไม่น้อย
เธอเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเกือบสิบชั่วโมง เธอจะไม่ยอมเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์แน่ ผ่านไปเกือบๆ นาที เอริคถึงได้ตอบกลับมา
“เอาอย่างนี้ดีไหมครับ คุณฟลอนซ์เพิ่งจะมาถึง กลับไปเฉยๆ คงเสียเที่ยวแย่ ถ้าไม่รังเกียจมาพักที่บ้านผมได้นะครับ ผมอยู่…”
“ขอบคุณนะคะ”
ฟลอเรนซาร้องบอกก่อนที่เอริคจะทันได้พูดจบประโยค ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มจางๆ ที่มุมปาก ก่อนที่ชายหนุ่มจะบอกกับเธอ
“งั้นรออยู่ที่สนามบินนะครับ เดี๋ยวผมไปรับ”
“โอเคค่ะ ฟลอนซ์จะรออยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหนเลยค่ะ”
เอริคกดวางสายไปแล้ว ฟลอเรนซาจึงขยับยิ้มกว้างมากกว่าครั้งไหนๆ นี่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี และเธอจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปเป็นอันขาด
รถสปอร์ตยุโรปคันหรูสีแดงเพลิงเคลื่อนไปตามเส้นทางถนนในย่านอินวูดของเกาะแมนฮัตตัน ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยังพื้นที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ รถเคลื่อนไปได้สักระยะก็เจอบ้านชั้นเดียวในพื้นที่ราวๆ หนึ่งจุดห้าเอเคอร์ ตัวบ้านทำด้วยไม้กระดานซีดาร์สีดำสลับกับกระจกใส หลังคาเป็นทรงแบน บริเวณหน้าบ้านมีสระว่ายน้ำและสนามหญ้าอยู่รอบๆ เอริคบังคับให้รถหยุดในโรงจอดรถ ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวลงมาจากรถก่อนแล้วเดินมาเปิดประตูฝั่งเบาะนั่งข้างคนขับ
“ถึงแล้วครับ”
ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มบางๆ ฟลอเรนซาเองก็เช่นกัน ร่างบอบบางก้าวลงมากจากรถ จากนั้นมือหนาจึงดันประตูปิด
“ขอบคุณค่ะ นี่บ้านของคุณเอริคเหรอคะ”
ฟลอเรนซากล่าวขอบคุณ ดวงตาคู่สวยมองบ้านชั้นเดียวที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบสไตล์ลอฟท์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างชื่นชม ก่อนจะดึงสายตามาที่เอริค
“ใช่ครับ บ้านผมเอง”
เอริคบอก ร่างสูงเดินมาที่ท้ายรถหยิบกระเป๋าสัมภาระแบบมีล้อลากของฟลอเรนซาออกมา ก่อนจะเดินมาหาหญิงสาวอีกครั้ง
“เข้าบ้านกันดีกว่าครับ คุณเดินมาทางมาหลายชั่วโมง ผมว่านอนพักสักหน่อย ตื่นแล้วอยากไปไหนก็บอก เดี๋ยวผมเป็นไกด์ให้เอง”
“จริงเหรอคะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ”
ฟลอเรนซาร้องบอกอย่างดีใจ ดวงหน้าหวานซึ้งเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างปิดเอาไว้ไม่มิด เอริคเองก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยปากบอกอีกครั้ง
“เข้าบ้านกันเถอะครับ”
เอริคเดินนำฟลอเรนซาเข้ามาในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ภายในส่วนใหญ่ทำจากไม้สีน้ำตาลหม่นและสีเทาหม่น จะมีก็ตรงเคาน์เตอร์ในห้องครัว บริเวณที่ใช้ปรุงอาหารทำจากหินอ่อนสีดำสนิท
ภายในบ้านมีห้องนอนอยู่เพียงสองห้อง เอริคเดินนำฟลอเรนซามาที่ห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องนอนของตนเอง มือหนาบิดลูกบิดประตูแล้วผลักไปด้านใน
“ห้องนี้สำหรับคุณ พออยู่ได้ไหมครับ”
เอริคถามตอนที่ฟลอเรนซาขยับเท้าเข้าไปสำรวจภายในห้อง ห้องนอนมีขนาดไม่ใหญ่มาก ทว่าการตกแต่งภายในดูเรียบหรูและให้ความรู้สึกผ่อนคลายไปในคราวเดียวกันและมีห้องน้ำในตัว
“ได้สิคะ น่าอยู่มากๆ เลยค่ะ”
ฟลอเรนซาหันไปบอก ก่อนดวงตาคู่สวยจะกวาดสายตามองรอบๆ อีกครั้ง เอริคจึงใช้จังหวะนั้นวางกระเป๋าสัมภาระของหญิงสาวไว้ที่มุมห้อง
“เชิญคุณฟลอนซ์พักผ่อนตามสบายนะครับ ผมจะเข้าไปดูโรงงานเจียระไนเพชรที่อยู่ด้านหลังซะหน่อย”
“ไกลไหมคะ”
พอเอริคบอกแบบนั้น ฟลอเรนซาจึงดึงสายตามาที่ชายหนุ่ม เอริคยกยิ้มมุมปากแล้วให้ตอบคำถามของเธอ
“อยู่ห่างจากที่นี่ไปประมาณหนึ่งไมล์ครับ แต่ถ้าคุณฟลอนซ์มีอะไรด่วนก็โทร.หาผมได้ ผมจะรีบมาทันที”
“ขอบคุณค่ะ”
พอฟลอเรนซารับคำแบบนั้น เอริคก็หมุนตัวเตรียมจะขยับเท้าออกไปจากห้อง ทว่าจู่ๆ ฟลอเรนซาก็รั้งชายหนุ่มเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณเอริค”
“มีอะไรครับ”
“ช่วยเรียกฟลอนซ์เฉยๆ ได้ไหมคะ”
“...” นัยน์ตาสีฟ้ามองเธออย่างกังขา นั่นทำให้ฟลอเรนซารีบอธิบายเพิ่มเติม
“ฟลอนซ์หมายความว่าอยากให้คุณเอริคเรียกฟลอนซ์ว่าฟลอนซ์เฉยๆ ไม่ต้องเรียกฟลอนซ์ว่าคุณฟลอนซ์ จะได้ดูสนิทกัน แล้วอีกอย่างคุณเอริคก็อายุมากกว่าฟลอนซ์ด้วย”
ฟลอเรนซายกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดปากที่กำลังอ้ากว้างเป็นรูปตัวโอ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง มองคนที่สูงกว่าอย่างขอลุแก่โทษ
“ขะ ขอโทษค่ะ ฟลอนซ์ไม่ได้หมายความแบบนั้น ฟลอนซ์แค่...แค่…”
ฟลอเรนซาไม่รู้ว่าจะอธิบายออกไปเช่นไร ในเมื่อเธอเผลอพูดในสิ่งที่ใจคิดออกไปเรียบร้อยแล้ว
‘เขาจะโกรธเราไหมนะ’
ฟลอเรนซาคิดแบบนั้น ดวงตาคู่สวยที่ไหวระริกยังคงจับจ้องที่ใบหน้าหล่อเหลา หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ อย่างขอความเห็นใจ ดูเหมือนว่าเอริคจะไม่ได้โกรธเธอในเรื่องนี้ ไม่นานใบหน้าหล่อเหลาก็คลี่ยิ้มกว้างออกมา
“ไม่เป็นไรฟลอนซ์ ผมโอเค”
พอเอริคบอกแบบนั้น มือบางทั้งสองข้างที่เคยยกขึ้นปิดปากก็ค่อยๆ ลดลง ฟลอเรนซาส่งยิ้มกว้างไปให้คนสูงกว่าอย่างเอาใจ
“ฟลอนซ์ไม่ได้จะว่าคุณเอริคแก่นะคะ”
ดูเหมือนว่าฟลอเรนซาจะทำพลาดอีกครั้ง เพราะตอนที่ประโยคดังกล่าวออกจากเรียวปากอวบอิ่ม รอยยิ้มที่เคยมีบนใบหน้าหล่อเหลาก็ค่อยๆ เลือนหายไป นัยน์ตาสีฟ้ามองมาที่เธออย่างที่ยากต่อการคาดเดา ขณะที่ร่างสูงขยับเท้าเข้ามาหาเธอด้วยท่าทีคุกคาม และไล่ต้อนจนแผ่นหลังบอบบางใกล้กับผนังห้องเข้าไปทุกที ก่อนที่คนสูงกว่าจะหยุดเท้าห่างจากเธอไปเพียงไม่ถึงคืบ ฟลอเรนซาแสดงสีหน้าตื่นตระหนก รีบละล่ำละลักขอโทษขอโพยเป็นการยกใหญ่
“ฟลอนซ์ขอโทษค่ะ ฟลอนซ์ไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณเอริคแก่เลยนะคะ ไม่เลยสักนิด”
ดูเหมือนว่าการแก้ตัวของหญิงสาวจะกลายเป็นการตอกย้ำเสียมากกว่า เอริคที่สีหน้าเรียบเฉยยังคงขยับเท้าเข้าหาคนตัวเล็กเรื่อยๆ จนกระทั่งแผ่นหลังบอบบางกระแทกเข้ากับผนังห้อง ฟลอเรนซาหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว เอริคยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้ววางทาบลงบนผนังกักร่างเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงต่ำจนลมหายใจร้อนผ่าวรินรดลงบนหน้าผากกลมมนของฟลอเรนซา ริมฝีปากได้รูปขยับถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ผมดูแก่มากขนาดนั้นเลยเหรอ”
เอริคที่แสร้งตีหน้าขรึมลอบยิ้มตอนที่เห็นคนตัวเล็กกว่าก้มหน้างุด ไม่กล้าแหงนเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน หญิงสาวสั่นหน้ารัวๆ พลางปฏิเสธโดยที่ยังคงก้มหน้ามองพื้นอยู่แบบนั้น
“เปล่านะคะ ฟลอนซ์แค่หมายความว่าคุณเอริคอายุมากกว่าฟลอนซ์เท่านั้นเองค่ะ”