บทที่ 1-2

1003 Words
“ฉันไม่ใช่คนแปลกหน้าเสียหน่อย นายดูสิเราเหมือนกันจะตาย” “เหมือนตรงไหนครับ” แม้จะถูกสอนให้ระมัดระวังการสนทนากับคนแปลกหน้า แต่เด็กก็คือเด็ก เมื่อถูกถามจึงโต้ตอบกลับอย่างไม่ทันได้ระวังตัว เอริคจึงสบโอกาสพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างนึกสนุก “นายดูสิ ดวงตาของฉันเป็นสีฟ้า ของนายก็เหมือนกัน” เอเดรียนขมวดคิ้วมุ่นราวกับกำลังคิดตาม และท่าทางแบบนั้นก็ทำให้เอริคเกิดความเอ็นดูเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากแล้วว่าต่อ “ผมของฉันเป็นสีน้ำตาลทอง ผมของนายก็เป็นสีน้ำตาลทอง ดูสิ แบบนี้เราก็ไม่ใช่คนแปลกหน้ากันแล้ว เราเหมือนกันจะตาย” เอริคปล่อยให้เจ้าหนูน้อยที่เขายังไม่ทราบชื่อได้แสดงสีหน้าครุ่นคิด เห็นจากคิ้วของเจ้าตัวที่ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้น ใบหน้ากลมๆ ทำให้เขาคิดถึงตัวเองในวัยเด็ก จะว่าไปแล้วเจ้าเด็กคนนี้ก็มีส่วนคล้ายคลึงกับเขาหลายอย่าง ทั้งสีผมและสีตา เว้นแค่ริมฝีปากที่ดูเหมือนริมฝีปากของผู้หญิงเท่านั้นเอง และพอคิดแบบนั้น ดวงหน้าหวานซึ้งของผู้หญิงที่เคยทำให้เขาต้องเจ็บช้ำก็แวบเข้ามาในหัว หากเขาจะมีลูกกับใครสักคนได้ ก็คงเป็นเธอเท่านั้น แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก หากเธอท้องก็ต้องบอกเขา ผู้หญิงที่มีฐานะร่ำรวยล้นฟ้า มีหน้ามีตาในสังคมแบบนั้น คงไม่ยอมอับอายอุ้มท้องโดยไร้พ่อของเด็กเคียงข้างเด็ดขาด เอริคหลุดออกจากความคิดของตัวเอง ก็ตอนที่เจ้าหนูน้อยพยักหน้าหงึกๆ คล้ายเห็นด้วยในสิ่งที่เขาบอก ชายหนุ่มจึงสบโอกาสแนะนำตัวเองเสียเลย “ฉันชื่อเอริค เอริค ฟรีเดล แล้วนายล่ะชื่ออะไร” “ผมชื่อ…” “เอเดรียน!” ฟลอเรนซาร้องเรียกบุตรชายอย่างตื่นตระหนก เมื่อเห็นผู้ชายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่พับแขนเสื้อจนเกือบถึงข้อศอกกับกางเกงยีนส์สีเข้มกำลังคุยกับเอเดรียน ด้วยความที่เห็นเพียงแค่แผ่นหลังของอีกฝ่าย หญิงสาวจึงคิดไปในทางร้ายมากกว่าดี เพราะเกรงว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นพวกแก๊งลักพาเด็กอะไรแบบนั้น เหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าว ฟลอเรนซาก็จะเข้าถึงตัวเอเดรียนที่กำลังส่งยิ้มไร้เดียงสามาให้เธอ แต่เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหันมามอง ลำคอของหญิงสาวก็แห้งผากขึ้นมาอย่างกะทันหัน นานหลายนาทีกว่าที่เธอจะหาเสียงของตัวเองเจอ “คุณเอริค” “ฟลอนซ์” เกิดความเงียบไปชั่วอึดใจระหว่างที่ทั้งคู่ประสานสายตากัน เป็นเอริคที่ยิ้มหยันแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเย็นชา ในขณะที่เขาไม่ได้ละสายตาไปจากหญิงสาวเลยแม้แต่วินาทีเดียว “ไม่ใช่สิ ผมไม่ควรเรียกคุณอย่างสนิทสนมแบบนั้นถูกไหมฟลอเรนซา” “...” “ฟลอเรนซา คาสซาโน่” เพราะจู่ๆ ไม่คิดว่าจะได้เจออีกฝ่าย และคำพูดจาที่ดูห่างเหินทำให้ขอบตาของฟลอเรนซาร้อนผ่าว ก้อนแข็งตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคออย่างที่หญิงสาวไม่อาจห้ามปรามได้ สิ่งที่หญิงสาวทำได้ในตอนนี้นั่นก็คือบังคับไม่ให้น้ำใสๆ ไหลออกจากดวงตาคู่สวย และโชคยังคงเข้าข้างเธออยู่บ้างเพราะหญิงสาวทำมันได้สำเร็จ “แล้วแต่คุณเอริคสะดวกเถอะค่ะ คุณอยากจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่คุณ หรือจะไม่เรียกก็คงไม่แปลกอะไร” คำโต้ตอบที่ออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้เอริคค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มหยัน แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้โต้ตอบออกไป เอเดรียนก็แหงนหน้าขึ้นถาม “คุณลุงรู้จักคุณแม่ของผมด้วยเหรอฮะ” คำถามของเอเดรียนทำให้กล้ามเนื้อในอกซ้ายของเอริคกระตุกวูบ ชายหนุ่มมองไปที่ฟลอเรนซา นัยน์ตาสีฟ้าวูบไหว ทว่าเพียงแวบเดียวก่อนจะเลือนหายไป ชายหนุ่มก้มลงมองเอเดรียนที่กำลังแหงนหน้ามองเขาอย่างต้องการคำตอบ “ใช่ ฉันรู้จักแม่ของนาย รู้จักดีเชียวละ” เอริคให้คำตอบ แต่คำตอบของเขายังไม่ช่วยคลายความสงสัยให้เจ้าหนูเอเดรียนได้ “คุณลุงบอกว่ารู้จักแม่ของผมดี แล้วคุณลุงเป็นอะไรกับคุณแม่เหรอฮะ” “เอเดรียน ลูกไม่ควรเสียมารยาท คุณเอริคเขาไม่สะดวกตอบ ลูกก็ไม่ควรไปคาดคั้นแบบนั้น มาหาแม่เร็ว” ฟลอเรนซาสบตากับลูกชาย เอเดรียนจึงเดินมาหามารดาอย่างว่าง่าย มือกลมป้อมเอื้อมไปจับมือมารดาพลางบอกเสียงอ่อน “ขอโทษครับ” “ไม่เป็นไรลูก เราไปกันเถอะ ได้เวลากินมื้อกลางวันแล้ว” ฟลอเรนซาพาเอเดรียนหมุนตัวโดยไม่สนใจเอริคที่จ้องตามหลังตาเขม็ง หากแต่ก่อนที่สองแม่ลูกจะทันได้ขยับเท้า เอริคก็เรียกเอเดรียนเอาไว้ ฟลอเรนซาจำต้องหยุดเท้าตามบุตรชายแล้วหันไปมองเขา “เดี๋ยวก่อนเอเดรียน นายอยากรู้ใช่ไหมว่าฉันกับแม่นายเราเป็นอะไรกัน” แม้จะพูดกับเอเดรียน หากแต่นัยน์ตาสีฟ้ากลับจับจ้องที่ดวงหน้าหวานซึ้งของฟลอเรนซา และนั่นเป็นเหตุให้หญิงสาวรู้สึกหายใจลำบากขึ้นมาฉับพลัน “ใช่ฮะ” “ฉันกับแม่นาย เราเป็นแค่คนรู้กัน ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น” ชายหนุ่มแค่นยิ้ม ดวงตาสีฟ้ายังคงจับจ้องที่ฟลอเรนซา ดวงตาคู่สวยหม่นแสงลงอย่างเด่นชัด ความรวดร้าวแล่นเข้าสู่กลางอกอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น แค่คนรู้จัก ใช่สิ เธอกับเขาเป็นแค่คนรู้จักกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD