ทฤษฎีบังคับที่ 1 : ลูกรักสิ่งศักดิ์สิทธิ์

847 Words
วันต่อมา ศาลพระภูมิหน้าบ้าน เวลา 07.15 น. ปะเท่งปะเท่งปะเท่งปะ ~ ปะเท่งปะเท่งปะเท่งปะ ~ เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังจากลำโพงที่ตั้งอยู่ข้างศาลพระภูมิของบ้าน ถึงจะเปิดเพลงผ่านลำโพงแต่อยู่ในระดับความดังที่เหมาะสมไม่รบกวนเพื่อนบ้านแน่นอน แม้ว่าที่นี่จะเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่มีราคาสูงในระดับหนึ่งของกรุงเทพ แต่ก็ยังมีอะไรแปลก ๆ ให้ได้เห็นอยู่ในทุกวันพระและมันยังเกิดขึ้นที่บ้านหลังนี้แค่บ้านเดียวอีกด้วย นัยน์ตาคมจ้องมองไปยังเบื้องหน้ามีโต๊ะที่ตั้งเครื่องบูชาและรูปปั้นนางรำ ม้าลาย ไก่ชน วัว ควายและผลไม้อีกมากมาย แต่สิ่งที่เรียกสายตาให้คนพึ่งตื่นอย่างเต๋าเต้ยสนใจได้มากที่สุดก็คือ...นางรำที่กำลังโยกตัวไปมาด้วยการทำงานของแสงอาทิตย์หลายสิบตัว จำนวนเยอะขนาดนี้...คนไทยต้องตกเลข 99 แน่นอน ครืน! “อะไรวะเนี่ย” เต๋าเต้ยละสายตาจะศาลพระภูมิก้มมองรถบังคับที่วิ่งผ่านหน้าตัวเองไป “เกะกะอย่ายืนขวางทางรถ เดี๋ยวก็โดนชนตายหรอก” เสียงหวานดังขึ้นมาจากมุมบ้านทำให้เต๋าเต้ยหันมาสบตา คิ้วเข้มขมวดเข้ากันด้วยความสงสัย “ (ทำอะไร) ” สายตาที่มองมาเหมือนจะมีคำถามนี้ออกมาอีกครั้ง “แก้บนอยู่” สองเท้าก้าวเดินมาหยุดยืนที่หน้าร่างสูง ในมือกำลังบังคับรถที่วิ่งผ่านหน้าไปให้เลี้ยวหมุนกลับมาทางเดิม ครืน! “ไอ้นั่นน่ะเข้าใจได้ แต่นี่...” เต๋าเต้ยชี้นิ้วตามรถบังคับที่วิ่งผ่านหน้าไป “ส่งงานผ่านแล้วจะแก้บนขับรถรอบบ้านเก้าสิบเก้ารอบ” ปากก็อธิบายคลายความข้องใจ มือก็บังคับให้รถเลี้ยวไปทางมุมโดยที่ตัวเองก็เดินตามไปเพื่อให้สัญญาณบังคับส่งถึง โดยมีเต๋าเต้ยเดินตามมาด้วยกัน “แล้วผ่านมั้ย?” “กำลังเข้าสู่รอบที่ยี่สิบห้านี่ไง” ปากก็ตอบเท้าก็เดินตามรถ ไม่อยากเห็นหน้าไอ้เต๋าเลยพาให้นึกถึงหน้าเพื่อนมันอยู่เรื่อย “แล้วเพลงตรงศาลพระภูมิอะ” “ของแถม โปรโมชั่นพิเศษเพราะงานนี้หลังจากแก้มาสามรอบ” แข็งยิ่งกว่าหินผาก็อาจารย์นี่แหละ! “สมกับตำแหน่งเจ้าของฉายาลูกรักสิ่งศักดิ์สิทธิ์” ดวงตากลมชำเลืองมองไปยังผู้ชายที่เดินมาข้างกันแล้วกลับมาให้ความสนใจยังรถบังคับตรงหน้าตามเดิม ‘เต๋าเต้ย’ ฝาแฝดชายของฉันเอง เราสองคนพี่น้องเกิดห่างกันเพียง 5 นาทีเห็นจะได้และมันนี่แหละที่เป็นเพื่อนสนิทกับมาร์ติน... เราสองคนใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพตั้งแต่ช่วงเข้าเรียนมัธยมต้น จริง ๆ แล้วเราเกิดที่พิษณุโลก บ้านพ่อมีร้านอาหาร โรงแรมและรับจัดโต๊ะจีนที่ใหญ่ที่สุดในภาค บ้านแม่ทำสวนทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด สองสายที่ไม่น่ามาจีบกันและแต่งงานกันได้ แล้วก็มีแค่ฉันที่ชื่นชอบทุเรียนเป็นที่สุดส่วนเต๋าเต้ยแค่ได้กลิ่นก็ตายได้เลย บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นแฝดกันจริงหรือเปล่า? หรือว่าแม่ไปได้ไอ้เต๋าเป็นของแถมมากับปุ๋ยใส่ต้นทุเรียน? ส่วนบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อแม่ซื้อไว้ให้เราอยู่ช่วงเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย พร้อมของแถมเป็นแม่บ้านและศาลพระภูมิที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่ง จากนั้นพ่อแม่ก็พากันกลับพิษณุโลกไปสวีทกัน 2 คนตามประสาและจะมาหาบ้างถ้าว่าง แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคนรอบข้างชินชากับมันเต็มที ฉันถือคติที่ว่าทำอะไรแล้วสบายใจ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็จะทำ “นี่เต๋าถามไรหน่อยดิ” “ว่า” “เคยเมาแล้วทำอะไรไว้ พอตื่นมาจำไม่ได้มั้ย” เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันตัดสินใจถามอะไรแบบนี้กับเต๋าเต้ย “ไม่รู้ เพราะจำไม่ได้” “....” คำตอบที่ได้รับไม่ตรงกับสิ่งที่คาดหวัง ทำเอาเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่นั้นหยุดชะงักก่อนหันมาจ้องหน้าแฝดตัวเอง “ก็มันจำไม่ได้ ทำไม...มีอะไร” เต๋าเต้ยเองก็หยุดเดินตามแล้วหันมาจ้องหน้าอย่างรอคำตอบเช่นกัน “ไม่มีไร ไม่น่าคาดหวังคำตอบเลย” “เช้านี้กินไรกันดี” เต๋าเต้ยตื่นมาก็หิวเลย วันนี้เป็นวันหยุดของป้าแม่บ้านจึงมีแค่ฉันกับเต๋าที่อยู่ด้วยกัน “จะกินอะไรล่ะไปกินร้านนะ แต่รอแป๊บแก้บนก่อน” “อือกินที่ร้านแหละ เดี๋ยวบ่าย ๆ มาร์ตินจะมาหา” ชื่อที่ออกจากปากของเต๋าเต้ยทำเอาหัวใจเต้นแรงถี่ขึ้นมา ตั้งแต่ผ่านเรื่องที่ทะเลมาไม่ใช่ว่ามาร์ตินจะไม่เคยมาบ้านของเราอีก เขายังทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เพราะความปกติของเขานั่นแหละที่ทำให้ฉันอยู่ลำบาก!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD