ทฤษฎีบังคับรักที่ 2 : เพื่อนสนิทของเต๋าเต้ย

1083 Words
นิ่ง.... “สัญญาณส่งไปไม่ถึงละเก๋า เดินตามดิ” คำพูดของเต๋าเต้ยดึงสติของตัวเองให้กลับมาได้แล้วหันไปมองตามรถบังคับที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ เนื่องจากสัญญาณส่งไปไม่ถึง เท้าเล็กก้าวเดินเข้าไปหาโดยมีแฝดของตัวเองเดินตามหลังมาด้วยเช่นกัน เมื่อเข้ามาใกล้มากพอตัวรถก็เริ่มขยับเคลื่อนที่อีกรอบ ตอนนี้เหมือนกำลังพาเต๋าเดินจงกรมยามเช้าเลย “นี่...เคยคิดปะว่าคนอื่นเขาจะมองแกกับมาร์ตินเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อน” หลังจากที่เดินมาได้สักพักก็เปิดปากพูดถึงความสัมพันธ์เพื่อนสนิทกับมาร์ติน “ไม่มีใครคิดหรอกนอกจากทิศเหนือ ไปดีกว่าเมื่อย” เดินยังไม่ทันรอบบ้านเต๋าเต้ยก็ทำทีจะทิ้งกันไปซะนี่ หมับ! มือเล็กยื่นไปคว้าชายเสื้อไว้ได้ทัน ออกแรงดึงจนเสื้อยืดตามแรงจนเต๋าต้องพาตัวเองกลับมาอยู่จุดเดิม “จะไปไหนอยู่ด้วยกันก่อน!” “ไม่ดึงให้ขาดไปเลยล่ะ” พูดจบก็จับมือฉันออกจากเสื้อตัวเอง “แล้วจะรีบไปไหนหนักหนา ทีกับมาร์ตินนี่ตัวติดกันตลอดเลยนะ...หรือมากกว่าเพื่อน” “....” เต๋าเต้ยจ้องหน้าโดยไม่พูดอะไร แววตาเรียบเฉยไม่แสดงออกทางอารมณ์ “แก ~” ฉันจะพูดอะไรได้บ้างเนี่ย ความอึดอัดในใจที่อยากจะถามมันออกไปตรง ๆ ให้รู้แล้วรู้รอดกับเรื่องวันนั้น แต่ถ้าเต๋าเต้ยรู้ละก็...ตายโหงตายห่า ดุยิ่งกว่าพ่ออีก! “จะมาแกอะไร โดนทิศเหนือพูดกรอกหูเรื่องตีท้ายครัวมันหรือไง” เต๋าเต้ยจะรู้ที่ทิศเหนือชอบคิดอะไรแบบนั้นก็ไม่แปลก เพราะมันพูดอยู่บ่อยครั้งว่าเต๋าเต้ยตีท้ายครัวมันกับมาร์ติน ซึ่งฉันยังไม่เห็นว่ามาร์ตินจะรับรักมันสักที “จริงจัง มองหน้า จ้องตา” ดวงตากลมโตจ้องเขม็งเงยหน้าขึ้นสบตากับฝาแฝดตัวเอง “เป็นบ้า” ช่างเป็นการต่อคำที่เหมือนถูกมันด่ายังไงก็ไม่รู้...หรือว่าด่า? “จริงจังนะเว้ย! เผื่อมีใครมาถามจะได้แก้ข่าวให้ไง” “แก้ทำไมใครเขาใส่ใจ” “เวลาอยู่ด้วยสองต่อสองมีเรื่องแปลก ๆ ปะ” ทีตอนฉันอยู่กับเขาสองคนยังมีเรื่องแปลกจนแทบช็อกตายเกิดขึ้นเลย แล้วกับเต๋าเต้ยล่ะ... “....” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน สีหน้ากำลังแสดงออกถึงความรำคาญนิด ๆ “แบบว่า...ทำอะไรกันแปลก ๆ แบบว่า เอ่อ แบบ...” พูดยังไงดีล่ะ สมัยนี้ผู้ชายเขาก็เกิดการปิ๊งปะกันได้มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย บางทีการที่มาร์ตินจูบฉันก็อาจจะนึกถึงหน้าคนที่เขาชอบอย่างเช่น... จริงด้วย...หน้าฉันก็เหมือนเต๋าเต้ยผมยาว “ผีเจ้าที่เจ้าทางเข้าเหรอ” ช่างเป็นคำพูดที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ซะเหลือเกิน ยกมือขึ้นแตะหน้าผากและข้างแก้ม “จริงจัง” ไม่มีใครเชื่อเวลาฉันจริงจังเลยหรือไง “คนจริงจังเขาไม่ถามอะไรปัญญาอ่อนนะเก๋า” สายตาที่มองมาช่างเป็นการยืนยันคำด่าของตัวเองได้อย่างดี “ไอ้เต๋า!” “หิวข้าว! รีบแก้บนเร็ว ๆ แล้ววนมากี่รอบแล้วเนี่ย” “เออว่ะ...กี่รอบแล้ววะ” มัวแต่พูดเรื่องในใจจนเรื่องในหัวหายไปจนหมด ลืมสิ้นว่าวนไปกี่รอบแล้ว! “จะได้กินมั้ยข้าว” “แป๊บดิ...นึกอยู่” ฉันมองค้อนใส่เต๋าเต้ยแล้วพยายามนึกจำนวนรอบก่อนหน้านี้ “แล้วถวายช้างทำไมเปิดเพลงรถแห่ ต้องเปิดเพลงเจ้าตากหรือเปล่า” เกี่ยวอะไรกับช้าง? ทำยุทธหัตถีเหรอ? “กี่รอบวะ...สิบสอง สิบแปด” นิ้วมือถูกยกขึ้นนับในขณะเดียวกันเต๋าเต้ยก็พูดไม่หยุดปาก “ยุทธศาสตร์ยิ่งใหญ่ ความตั้งใจ เด็ดเดี่ยว...ไปเปลี่ยนเพลงดิเก๋าเดี๋ยวเจ้าที่ไม่ชอบ” “ยี่สิบห้า...เออน่าจะ” “ยุทธศาสตร์ยิ่งใหญ่ ความตั้งใจ เด็ดเดี่ยว ~” เต๋าเต้ยร้องเพลงอยู่ข้างหู พูดอะไรไปเรื่อยรบกวนสมาธิกวนประสาทสุด ๆ “ไอ้เต๋า! รำคาญเดี๋ยวก็ทุบให้หรอก!” ด้วยความหงุดหงิดจึงหันไปแผดเสียงใส่ฝาแฝดตัวเอง ไม่ใช่แค่มันหิวแต่ฉันก็หิวเหมือนกัน! “สูงเลยหัวเข่ามาหน่อยเดียวทำเก่ง ตัวเท่าลูกหมา เร็ว ๆ ไปนอนรอในบ้าน” พูดจบเต๋าเต้ยก็เดินกลับเข้าบ้านไปปล่อยฉันให้อยู่ข้างนอกจัดการเรื่องของตัวเองคนเดียว อะไรก็ไม่รู้แต่ละคนรอบตัวฉัน เฮ้อ... วันเดียวกัน เวลา 13.15 น. ครืด! เสียงประตูรั้วเลื่อนเปิดออกทำให้ฉันที่กำลังวุ่นวายกับการปลูกต้นไม้เงยหน้าหันไปมองตามเสียง ร่างเล็กลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงใช้หลังมือดันหมวดที่เอียงตกปิดหน้าเชิดขึ้น จ้องมองไปยังรถ Porsche 911 สีขาวที่กำลังเข้ามาจอดภายในบ้านของตัวเอง รถของมาร์ตินไม่เคยซ้ำ สมกับเป็นทายาทบริษัทนำเข้ารถยนต์หนึ่งเดียวในไทยจริง ๆ ดวงตากลมโตมองผู้ชายที่กำลังก้าวเท้าลงจากรถมาพร้อมถือกล่องอะไรบางอย่างในมือ ร่างสูงเดินตรงไปหาเต๋าเต้ยที่เป็นคนกดเปิดประตูให้ยืนรอต้อนรับอยู่แล้ว การที่เขามาบ้านฉันมันคือเรื่องปกติ มาร์ตินเข้าออกหมู่บ้านได้โดยที่คนดูแลไม่ต้องขอให้แลกบัตรด้วยซ้ำ “เก๋ามาร์ตินซื้อขนมมาฝาก!” เสียงตะโกนของเต๋าเต้ยดังขึ้นพร้อมโชว์กล่องที่มาร์ตินซื้อมาในตอนแรกให้ได้เห็น “ขอบคุณค่ะ” ไม่ได้พูดเปล่าแต่ยกมือขึ้นไหว้ ไขว้เท้าไปด้านหลังย่อตัวลงถอนสายบัวสั้น ๆ ให้เขาไปหนึ่งที คนถูกขอบคุณทำเพียงส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะเดินเข้าไปในบ้าน ความเป็นปกติของเขานั่นแหละทำให้ฉันมีปัญหากับตัวเอง... ซึบ! ซึบ! ซึบ! ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ หาทางไขข้อข้องใจก็ไม่ได้เลยมาระบายกับดินกับหญ้าแทน ช้อนพรวนดินปักกระหน่ำลงบนดินซ้ำ ๆ อย่าไปคิดเยอะปลาเก๋า มันไม่ใช่เรื่องจริง มันอาจจะความฝันซ้อนฝันซ้อนฝันอีกที ถึงจะพยายามบอกกับตัวเองอย่างนั้นแต่ความจริงแล้ว... “มันไม่ใช่ความฝันไง!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD