เวลา 22.15 น.
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าย่ำเดินลงบันไดตรงไปยังห้องนั่งเล่นหลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย ฉันน่ะจัดการตัวเองเรียบร้อยแต่ไม่ใช่เต๋าเต้ย รายนั้นยังนั่งดูบอลกับมาร์ตินไม่ยอมลุกไปไหนจนดึกดื่นขนาดนี้ มิหนำซ้ำวันนี้ยังดื่มเบียร์ด้วยกันอีกต่างหาก อย่างว่าแหละเชียร์บอลก็ต้องมีเครื่องดื่มเป็นธรรมดา
“จะไปซื้อนม อยากได้อะไรเพิ่มกันมั้ย” เสียงหวานใสเอ่ยถามผู้ชายทั้งสองที่กำลังนั่งดูบอลกันอยู่ในห้อง ทั้งคู่หันมามองพร้อมกันนิ่งค้างไปชั่วขณะ และก็เป็นเต๋าเต้ยที่ดุยิ่งกว่าพ่อเป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้น
“ไปชุดนี้เหรอ” ทำตัวเป็นพี่ชายหวงน้องทั้งที่เกิดห่างกันไม่ถึง 5 นาที
“อือ...ทำไมก็ชุดนอน” ทำเหมือนไม่เคยเห็นสองคนนี้เจอฉันสภาพชุดนอนจนชินชาเต็มทีแล้ว ก็แค่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด สิ่งเดียวที่สะดุดสายตาน่าจะเพราะกางเกงที่มันสั้นจนหมุดเข้าอยู่ใต้ชายเสื้อละมั้ง
“โค้กหนึ่ง เบียร์สี่” เต๋าเต้ยชูนิ้วบอกจำนวนตามที่ตัวเองสั่ง
“โอนเงินมาด้วยหนึ่งพันถ้วนไม่มีถอน” นอกนั้นคือค่าเดินทางแม้จะใช้มอเตอร์ไซค์ที่เป็นส่วนกลางของบ้านก็ตาม
“เดี๋ยวไปด้วย...มึงเอาแค่นี้ใช่มั้ย” สิ้นเสียงผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเต๋าเต้ยก็ลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูง ฉันจ้องมองบุคคลที่เสนอตัวจะไปด้วยตาปริบ ๆ
“อือ แล้วมึงจะไปซื้ออะไร” เต๋าเต้ยไม่แสดงอาการหวงฉันกับมาร์ตินแม้แต่น้อย เพราะมันคือเรื่องปกติที่เกิดขึ้น เต๋าเต้ยกับมาร์ตินเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมชั้นปีที่ 1 ซึ่งเขาก็รู้จักกับฉันมาพร้อมกันนั่นแหละ
“บุหรี่” มาร์ตินตอบกลับคำถามของเพื่อนตัวเองเพียงเท่านั้น แล้วเดินตรงมาทางฉันแบมือมาตรงหน้า
กุญแจรถถูกวางลงบนมือเขาอย่างรู้หน้าที่ ความปกติของมาร์ตินสร้างปัญหาให้ฉันอยู่ตลอดไม่หายไปสักที แต่การที่เขามาด้วยแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันจะได้ถามกันไปตรง ๆ เลยว่าเรื่องในคืนนั้นจำอะไรได้บ้าง
ร่างสูงก้าวเดินนำหน้าไปก่อนโดยที่ฉันเดินตามไปติด ๆ ร้านสะดวกซื้ออยู่หน้าปากทางหมู่บ้านนี่เอง ขับมอเตอร์ไซค์ไปใช้เวลาแค่ 5 นาทีก็ถึงที่หมายแล้ว คนตัวสูงขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์ด้วยความคล่องแคล่ว จัดการถอยออกไปรอให้ฉันเปิดประตูรั้วออก
ครืด! บรื้น ~
มาร์ตินขับรถออกมารอข้างนอกทันทีที่ประตูรั้วเลื่อนเปิดออก และเมื่อเขาออกไปแล้วฉันก็จัดการดึงมันปิด จากนั้นก็เดินตรงไปยังรถที่จอดรอ เท้าเล็กเดินตรงเข้ามาหยุดข้างตัวรถ ยกขาคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วพาตัวเองขึ้นนั่งซ้อนเบาะหลัง
“จับ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยพูดเพียงสั้น ๆ เมื่อคนที่นั่งซ้อนไม่ยอมยื่นมือมาจับเสื้อเขาอย่างที่เคยนั่งมา
“จับแล้ว ว้าย!”
บรี้น!
แทนที่จะจับเสื้อฉันกลับยืนมือไปจับเบาะเอาไว้ แล้วก็ต้องตกใจหวีดร้องลั่นเมื่อจู่ ๆ มาร์ตินก็แกล้งบิดคันเร่งออกตัวแรง ๆ ทำฉันเกือบตกรถจนในที่สุดก็เปลี่ยนมาจับหลังเสื้อคนขับไว้แน่นอย่างอัตโนมัติ
“แค่นั้นมันไม่พอหรอก” เขาไม่ได้ดุด้วยซ้ำ มาร์ตินพูดด้วยระดับเสียงปกติ มือหนาบิดคันเร่งพาให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าออกตามทางเพื่อมุ่งตรงไปยังจุดหมายของเรา คือร้านสะดวกซื้อ
เหมือนวันนั้นไม่มีผิด...วันนั้นเขาก็เสนอตัวพาฉันไปร้านสะดวกซื้อแบบนี้แหละ
“มาร์ติน” เสียงเรียกชื่อพร้อมเอียงคอมองมุมข้างของคนขับ
“อือ” เจ้าของชื่อขานรับในลำคอแม้จะมีเสียงลมเข้าปะทะแต่เขาก็ยังได้ยิน ในขณะที่สายตายังคงให้ความสนใจยังการขับรถตรงหน้า
“มีเรื่องจะถาม...ถามได้มั้ย” เอาวะ! โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องเป็นบ้าขึ้นมาจริง สักวันอาจจะหลุดปากพูดให้ทิศเหนือหรือเต๋าเต้ยฟัง ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงปลาเก๋าตัวนี้โดนโยนลงกระทะแน่!
“อือ”
“มะ มาร์ติน...จำเรื่องที่ทะเลไม่ได้เหรอ” คำถามที่พูดออกไปมาพร้อมหัวใจที่เต้นแรงถี่ หัวใจฉันเต้นแรงมากจนเหมือนว่ามันจะทะลุออกมานอกอกอยู่แล้ว! พยายามยื่นหน้าเข้าไปใกล้หลังเขาเพื่อฟังเสียงคำตอบอย่างตั้งใจ เพราะเสียงลมและเสียงรถทำให้หูของฉันมันทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
“เรื่อง?” แทนที่จะได้คำตอบกลับได้คำถามกลับมาอีก
“ก็เรื่อง...เรื่องนั้นน่ะ” กรี๊ด! แล้วจะให้ฉันพูดออกไปเหรอ ใครมันจะไปพูดได้ฮะ!
“เรื่องอะไร” ซึ่งจังหวะเดียวกันนั้นเองที่มาร์ตินย้อนถามกลับ รถของเราก็จอดนิ่งลงหน้าร้านสะดวกซื้อพอดี ฉันรีบพาตัวเองก้าวเท้าลงจากท้ายรถมายืนเต็มเท้า ขยับตัวเดินไปยืนหน้ารถแล้วจ้องหน้าอีกฝ่าย
“ก็เรื่อง...”
“เรื่อง?” มาร์ตินวางแขนไขว้กันวางพาดไว้กับหน้ารถ โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยรอฟังสิ่งที่ฉันจะพูด เราจ้องหน้ากันและก็เป็นตัวเองหันหน้าหลบสายตา หมุนตัวเพื่อเดินเข้าไปในร้านก่อน
“ไม่มีอะไร ลืมไปหมดละจะพูดอะไร” พูดจบก็เดินเข้าไปในร้านทันที ปล่อยมาร์ตินให้เดินตามหลังมาอีกเช่นเดิม
เอาล่ะฉันได้คำตอบสำหรับเรื่องนี้แล้ว วันนั้นเขาเมา...ช่างมัน
ตื้อดึ่ง ~
เสียงสัญญาณบ่งบอกการเดินเข้าภายในร้านพร้อมประตูเลื่อนเปิดออก เวลาแบบนี้ผู้คนยังพลุกพล่านอยู่เลยอาจจะเพราะย่านนี้เป็นที่อยู่อาศัยด้วยเลยครึกครื้น แม้ว่าตอนนี้มันจะเริ่มดึกแล้วก็ตาม
“อ่าว พี่ปลาเก๋าดึกแล้วมาซื้ออะไร ~” เสียงทักทายคุ้นหูของพนักงานร้านสะดวกซื้อดังขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองตามเสียงก็พบกับ ‘ดิว’ พนักงานประจำของร้านที่ทำงานมาหลายปีแล้ว และฉันก็มักจะมาซื้อของอยู่เป็นประจำทำให้เรารู้จักกัน เวลาไม่เจออะไรถ้าดิวอยู่จะมาช่วยหาดูแลอย่างดีเสมอ
“อ่าว ดิววันนี้อยู่ผลัดดึก อะ...อะไรเหรอ” ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปทักทายคนรู้จัก จู่ ๆ ตะกร้าสีส้มก็ยื่นเข้ามาดักหน้าเอาไว้ทำให้ชะงักไป แล้วหันไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังและเป็นคนเอาตะกร้ามาขวางหน้า
“ตะกร้าเอาไว้ใส่ขนม...ไปเลือกขนม” มาร์ตินพูดด้วยน้ำเสียงปกติ สายตาจ้องแค่หน้าฉันทำให้ต้องยกมือขึ้นเพื่อรับตะกร้าที่เขายื่นมา แต่อีกฝ่ายกลับดึงมันออกห่าง แล้วยื่นมือมาอีกข้างมาจับมือฉันจูงพาเดินไปยังแถวโซนขนมโดยไม่พูดอะไรออกมา
“เดี๋ยวมาคุยนะดิว...มาร์ตินหิวเหรอทำไมดูรีบ ๆ” ฉันหันหน้าไปพูดกับดิวก่อนกลับมาเงยหน้าขึ้นมองคนข้าง ๆ ไหนว่ามาซื้อบุหรี่ไง? บุหรี่มันอยู่ตรงเคาน์เตอร์ไงแต่นี่รีบลากฉันออกห่างมาซะไกลเลย
“จะหมดเวลาซื้อเบียร์ให้เต๋า ดึกแล้วรีบซื้อรีบกลับ” เสียงทุ้มตอบกลับเพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่มาร์ตินพูดพอทำให้เข้าใจได้ มันก็จริงอย่างที่เขาว่าจริง ๆ นั่นแหละ
ถ้าไม่ได้เบียร์กลับไปไอ้เต๋าบ่นตายเลย!