ตอนที่11

1364 Words
“ไอ้พี่เวย์!” เสียงตะโกนตังออกมาจากห้องน้ำทำให้คนที่นั่งเล่นมือถืออย่างอารมณ์ดีบนโซฟาคลี่ยิ้มออกมาอย่างขำขัน แล้วรีบลุกเดินไปหาต้นทางเสียงที่ตอนนี้คงกลายร่างเป็นนางมารตัวน้อยไปแล้ว “อะไรคะ” เขาถามด้วยใบหน้าใสซื่อ มองคนที่โผล่แค่หัวออกมาจากประตูห้องน้ำ “ไม่ต้องมาอะไรคะ นี่มันชุดบ้าอะไร” ก้อนผ้าบางๆลอยลิ่วมา เวธัสใช้มือรับแล้วคลี่ก้อนกลมๆนั้นออก “ก็เสื้อมุกไงคะ” เขาตอบหน้าซื่อตาใส “เศษผ้านี้เรียกว่าเสื้อเหรอ!” คนตัวเล็กแยกเขี้ยว เสื้อที่เขาว่าคือชุดสายเดี่ยวตัวบางที่แทบจะปิดอะไรไม่ได้ “ก็มุกเป็นคนซื้อมาเองนะคะ ยังมีแบบนี้อีกตั้งหลายตัว นี่พี่เลือกชุดที่เรียบร้อยที่สุดมาให้แล้วนะ” เรียบร้อยกะผีนะสิ! มุกดาจำได้ว่าเธอเป็นคนซื้อชุดพวกนั้นมาก็จริง ตอนนั้นเทรนชุดนอนไม่ได้นอนกำลังมาแรงเธอเลยสั่งมาเล่นๆไม่เคยใส่จริงๆเลยสักครั้ง “เอาเสื้อผ้าตัวเดิมมุกคืนมา มุกไม่ใส่เศษผ้าบ้าๆนี้” เธอยื่นมือออกมาแล้วแบมือออก จำได้ว่าถอดมันวางไว้บนชั้นหน้าประตูห้องน้ำ “พี่ให้แม่บ้านเอาไปซักแล้วค่ะ” “ไอ้พี่เวย์!” “พี่หวังดีนะคะ เห็นชุดมันเลอะพี่ก็เอาไปซักให้” หวังดีหรือหวังผลกันแน่ มุกดาอยากกระโจนออกไปข่วนหน้าหล่อๆที่ทำตาใสใส่เธอให้รู้แล้วรู้รอด “ถ้าไม่ใส่ชุดนี้มุกจะใส่แค่ผ้าเช็ดตัวมาคุยงานกับพี่ก็ได้นะคะ พี่ไม่ถือ” “แต่มุกถือ” “ถือทำไมคะ พี่เห็นมาหมดแล้ว แต่ถ้ามุกอายมากเดี๋ยวพี่ถอดเป็นเพื่อน” “หยุดเลย!” มุกดารีบร้องห้ามแฟนเก่าทันทีเมื่อเขาทำท่าจะถอดเสื้อจริงๆ “ไม่อายแล้วหรือคะ” มุกดาเม้มริมฝีปากรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดมหันที่หลงเข้ามาในถ้ำเสือเจ้าเล่ห์ เขาใช้ลูกหมาตัวอ้วนที่นอนนิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวเป็นเหยื่อล่อให้เธอตกเข้ามาในหลุม ร้ายกาจนักนะไอ้แฟนเก่าคนเปรต! “เสื้อผ้ามุกจะเสร็จตอนไหน” น้ำเสียงกระเง้ากระงอดเอ่ยถาม ใบหน้างามง้ำงอ มือขาวกระชับเสื้อเชิ๊ดตัวโคร่งสีดำตัวใหญ่เข้าหากัน มองแฟนเก่าที่นั่งอารมณ์ดีอยู่บนโซฟาตรงข้าม มุกดาไม่ได้บ้าจี้พอที่จะใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา ไม่ใช่ว่าเขินอายอะไรหรอกเมื่อก่อนก็เคยแก้ผ้าต่อหน้าเขาอยู่บ่อยๆแต่สถานะตอนนี้มันทำประเจิดประเจ้อแบบนั้นไม่ได้ ก็คนตรงหน้าเป็นแค่แฟนเก่า… สุดท้ายแล้วก็ต้องขอยืมเสื้อของเขามาใส่แก้ขัดไปก่อน ที่น่าโมโหมากกว่านั้นคือเขาเอาชุดชั้นในของเธอติดไปซักด้วยเนี้ยสิ ตอนนี้มุกดาจึงมีเพียงเสื้อเชิ๊ดตัวเดียวคลุมกายยังดีที่มันตัวใหญ่มากพอที่ปกปิดทั้งส่วนบนและส่วนล่าง “สักสองสามชั่วโมงมั้งคะ” มุกดาได้แต่ถอนหายใจจะคาดคั้นเขาไปก็ยิ่งจะทำให้เสียอารมณ์ไปเปล่าๆ สู้เธอใช้เวลาระหว่างรอให้เป็นประโยชน์คุยงานให้จบจะได้ไม่ต้องมาเจอหน้าเขาอีก “ช่างเถอะค่ะ เราเริ่มคุยงานกันได้หรือยังคะ” “เอาสิคะ ถ้ามุกพร้อมแล้วก็เริ่มได้เลย” ร่างเล็กหยิบคอมพิวเตอร์ออกจากกระเป๋ามาเปิดเครื่องและยื่นเอกสารประกอบคำอธิบายส่งให้ชายหนุ่ม แต่เขากลับไม่รับแล้วลุกขึ้นเดินมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเธอ “พี่จะมานั่งเบียดมุกทำไม” “ให้พี่ดูแค่กระดาษพี่ไม่เข้าใจหรอกค่ะ มานั่งกับมุกตรงนี้ดีกว่า” นั่งเบียดไม่พอยังเอียงหน้าเข้ามาใกล้จนมุกดาต้องขยับตัวถอยห่างระยะอันตราย “งั้นมุกยืมมอนิเตอร์ของพี่จอหนึ่งค่ะ จะได้ไม่มานั่งเบียดมุก” มุกดาเห็นในห้องทำงานของเขามีจอมอนิเตอร์ตั้งสามเครื่อง “ไม่ให้ค่ะพี่ขี้เกียจต่อใหม่ อีกอย่างกลัวมุกแอบปล่อยไวรัสใส่เครื่องพี่ด้วย” “ไวรัสที่ไหนจะเข้าหน้าจอแสดงผลค่ะ พี่จบซอฟต์แวร์จากเมืองนอกมาจริงๆหรือเปล่า” “แอบสืบเรื่องพี่หรือคะ” “เหอะ! หลงตัวเองมุกแค่ได้ยินผ่านๆ” “เหรอคะ” มุกดาเลิกต่อล้อต่อเถียงกับคนหน้ามึน เธอเปิดวิดีโอพรีเซนต์ของตัวเองขึ้นมา แล้วเริ่มอธิบายถึงโครงสร้างและข้อดีในการทำงานของแอปพิลเคชันและเว็บไซน์แบบไม่เป็นทางการนัก “เราสามารถโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆได้ค่ะ และถ้าบริษัทพี่สนใจเราสามารถต่อยอดเป็นแบบเกมออนไลน์ได้ด้วย” มุกดาบอกเมื่อถึงบทสรุปของการพรีเซนต์ทั้งหมด “บอกตรงๆนะโปรเจคที่เสนอมาทางบริษัทเรามีหมดแล้ว พี่ว่ามันยังไม่โดดเด่นเท่าไหร่ พี่ไม่ได้หมายตัวโปรแกรมนะแต่พี่หมายถึงไอเดีย” น้ำเสียงของเวธัสค่อนข้างจริงจัง ไม่มีร่องรอยของการหยอกล้อเล่นเหมือนสิบนาทีที่แล้ว แม้จะอยู่ในชุดสบายๆแต่บรรยากาศและความรู้สึกเวลาเขาคอมเมนต์เรื่องงานค่อนข้างซีเรียส ร่างเล็กพยักหน้าจดข้อแนะนำติชมลงในสมุดจดบันทึกอย่างตั้งใจเช่นกัน “ตัวโปรแกรมค่อนข้างดีมาก คงเป็นแพรใช่ไหมที่เขียนชุดคำสั่ง” “ใช่ค่ะ” “อืมแทบไม่มีติ การตัดต่อวิดีโอการทำกราฟิกค่อนข้างดีแต่อย่างที่บอกว่าติดแค่ไอเดียเท่านั้น” เขาทำท่าคิด “ลองรวบรวมข้อมูลบริษัทพี่แบบเจาะจงดีกว่า” “ยังไงคะ” “ใส่ข้อมูลแบบเจาะจงเลยว่าทำแอปพลิเคชันเพื่อมาเสนอให้กับบริษัทพี่จริงๆ ขอโทษที่ต้องใช้คำนี้อันที่ทำมามันดาษดื่นเหมือนว่าทำขึ้นเพื่อเสนอขายหลายที่ พี่ว่ามันดูไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่” มุกดาพยักหน้าไม่ลืมจดข้อมูล “ลองเอากลับไปปรึกษากับเพื่อนๆดูค่ะ พี่ว่ามันไม่แย่สำหรับเด็กจบใหม่ถือว่าเก่งมากกับการทำธุรกิจสตาร์อัพ” “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” มุกดายกมือไหว้ บรรยากาศมันคล้ายๆกับเมื่อตอนที่เขาติววิชาแคลคูลัสตอนเรียนปีสองให้ แม้จะเรียนกันคนละสาขาแต่มีบางรายวิชาที่เรียนพื้นฐานเหมือนกัน ตอนนั้นเขาก็จริงจังแบบนี้ สอนเด็กอ่อนวิชาเลขอย่างเธอจนสามารถสอบผ่านได้ “มองหน้าพี่ทำไมคะ” “ปะ…เปล่า” มุกดารีบเบือนหน้าหนีเมื่อเขาขยับใบหน้าหล่อร้ายเข้ามาประชิดใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย กริ๊ง กริ๊ง เวธัสมองผ่านร่างเล็กไปยังประตูห้องที่ส่งเสียงเตือน “สงสัยอาหารมาส่ง” เขาค่อยๆถอยตัวออกห่างแล้วเดินไปเปิดประตู เป็นไรท์เดอร์ส่งอาหารจริงอย่างที่เขาว่า พอรับถุงอาหารก็ปิดประตูแล้วเดินกลับมาที่เดิม “พี่สั่งสเต๊กเนื้อร้านที่มุกชอบมา ทานก่อนนะคะ” เขาชูกล่องอาหารที่มีโลโก้ร้านโปรดของมุกดาขึ้นมาโชว์ “คือมุกไม่ค่อยหิวนะคะ” โกหก เธอหิวจนไส้กิ่วเพราะห่างจากมื้อค่ำมาหลายชั่วโมง “ไม่หิวก็ต้องกินค่ะ” คนตัวโตมัดมือชกแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวไม่นานก็กลับมาพร้อมจานสเต๊กที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย เขาวางสเต๊กสองจานวางบนโต๊ะทานข้าว “งั้นมุกไปเอาน้ำให้แล้วกันคะ” เมื่อปฏิเสธไม่ได้มุกดาก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ เธอไม่ชอบเอาเปรียบใครจึงเดินเข้าไปในห้องครัวหยิบแก้วน้ำออกมาสองใบ พลันสายตาของคนตัวเล็กก็ปะทะกับกระปุกเครื่องปรุงที่ตั้งเรียงรายเป็นระเบียบอยู่บนเคาน์เตอร์ มุมปากสวยยกยิ้มอย่างมีแผนร้าย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD