“ไอ้พี่เวย์!”
เสียงตะโกนตังออกมาจากห้องน้ำทำให้คนที่นั่งเล่นมือถืออย่างอารมณ์ดีบนโซฟาคลี่ยิ้มออกมาอย่างขำขัน แล้วรีบลุกเดินไปหาต้นทางเสียงที่ตอนนี้คงกลายร่างเป็นนางมารตัวน้อยไปแล้ว
“อะไรคะ” เขาถามด้วยใบหน้าใสซื่อ มองคนที่โผล่แค่หัวออกมาจากประตูห้องน้ำ
“ไม่ต้องมาอะไรคะ นี่มันชุดบ้าอะไร”
ก้อนผ้าบางๆลอยลิ่วมา เวธัสใช้มือรับแล้วคลี่ก้อนกลมๆนั้นออก
“ก็เสื้อมุกไงคะ” เขาตอบหน้าซื่อตาใส
“เศษผ้านี้เรียกว่าเสื้อเหรอ!” คนตัวเล็กแยกเขี้ยว เสื้อที่เขาว่าคือชุดสายเดี่ยวตัวบางที่แทบจะปิดอะไรไม่ได้
“ก็มุกเป็นคนซื้อมาเองนะคะ ยังมีแบบนี้อีกตั้งหลายตัว นี่พี่เลือกชุดที่เรียบร้อยที่สุดมาให้แล้วนะ”
เรียบร้อยกะผีนะสิ!
มุกดาจำได้ว่าเธอเป็นคนซื้อชุดพวกนั้นมาก็จริง ตอนนั้นเทรนชุดนอนไม่ได้นอนกำลังมาแรงเธอเลยสั่งมาเล่นๆไม่เคยใส่จริงๆเลยสักครั้ง
“เอาเสื้อผ้าตัวเดิมมุกคืนมา มุกไม่ใส่เศษผ้าบ้าๆนี้”
เธอยื่นมือออกมาแล้วแบมือออก จำได้ว่าถอดมันวางไว้บนชั้นหน้าประตูห้องน้ำ
“พี่ให้แม่บ้านเอาไปซักแล้วค่ะ”
“ไอ้พี่เวย์!”
“พี่หวังดีนะคะ เห็นชุดมันเลอะพี่ก็เอาไปซักให้”
หวังดีหรือหวังผลกันแน่ มุกดาอยากกระโจนออกไปข่วนหน้าหล่อๆที่ทำตาใสใส่เธอให้รู้แล้วรู้รอด
“ถ้าไม่ใส่ชุดนี้มุกจะใส่แค่ผ้าเช็ดตัวมาคุยงานกับพี่ก็ได้นะคะ พี่ไม่ถือ”
“แต่มุกถือ”
“ถือทำไมคะ พี่เห็นมาหมดแล้ว แต่ถ้ามุกอายมากเดี๋ยวพี่ถอดเป็นเพื่อน”
“หยุดเลย!”
มุกดารีบร้องห้ามแฟนเก่าทันทีเมื่อเขาทำท่าจะถอดเสื้อจริงๆ
“ไม่อายแล้วหรือคะ”
มุกดาเม้มริมฝีปากรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดมหันที่หลงเข้ามาในถ้ำเสือเจ้าเล่ห์ เขาใช้ลูกหมาตัวอ้วนที่นอนนิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวเป็นเหยื่อล่อให้เธอตกเข้ามาในหลุม
ร้ายกาจนักนะไอ้แฟนเก่าคนเปรต!
“เสื้อผ้ามุกจะเสร็จตอนไหน” น้ำเสียงกระเง้ากระงอดเอ่ยถาม
ใบหน้างามง้ำงอ มือขาวกระชับเสื้อเชิ๊ดตัวโคร่งสีดำตัวใหญ่เข้าหากัน มองแฟนเก่าที่นั่งอารมณ์ดีอยู่บนโซฟาตรงข้าม
มุกดาไม่ได้บ้าจี้พอที่จะใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา ไม่ใช่ว่าเขินอายอะไรหรอกเมื่อก่อนก็เคยแก้ผ้าต่อหน้าเขาอยู่บ่อยๆแต่สถานะตอนนี้มันทำประเจิดประเจ้อแบบนั้นไม่ได้
ก็คนตรงหน้าเป็นแค่แฟนเก่า…
สุดท้ายแล้วก็ต้องขอยืมเสื้อของเขามาใส่แก้ขัดไปก่อน ที่น่าโมโหมากกว่านั้นคือเขาเอาชุดชั้นในของเธอติดไปซักด้วยเนี้ยสิ
ตอนนี้มุกดาจึงมีเพียงเสื้อเชิ๊ดตัวเดียวคลุมกายยังดีที่มันตัวใหญ่มากพอที่ปกปิดทั้งส่วนบนและส่วนล่าง
“สักสองสามชั่วโมงมั้งคะ”
มุกดาได้แต่ถอนหายใจจะคาดคั้นเขาไปก็ยิ่งจะทำให้เสียอารมณ์ไปเปล่าๆ สู้เธอใช้เวลาระหว่างรอให้เป็นประโยชน์คุยงานให้จบจะได้ไม่ต้องมาเจอหน้าเขาอีก
“ช่างเถอะค่ะ เราเริ่มคุยงานกันได้หรือยังคะ”
“เอาสิคะ ถ้ามุกพร้อมแล้วก็เริ่มได้เลย”
ร่างเล็กหยิบคอมพิวเตอร์ออกจากกระเป๋ามาเปิดเครื่องและยื่นเอกสารประกอบคำอธิบายส่งให้ชายหนุ่ม แต่เขากลับไม่รับแล้วลุกขึ้นเดินมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเธอ
“พี่จะมานั่งเบียดมุกทำไม”
“ให้พี่ดูแค่กระดาษพี่ไม่เข้าใจหรอกค่ะ มานั่งกับมุกตรงนี้ดีกว่า”
นั่งเบียดไม่พอยังเอียงหน้าเข้ามาใกล้จนมุกดาต้องขยับตัวถอยห่างระยะอันตราย
“งั้นมุกยืมมอนิเตอร์ของพี่จอหนึ่งค่ะ จะได้ไม่มานั่งเบียดมุก”
มุกดาเห็นในห้องทำงานของเขามีจอมอนิเตอร์ตั้งสามเครื่อง
“ไม่ให้ค่ะพี่ขี้เกียจต่อใหม่ อีกอย่างกลัวมุกแอบปล่อยไวรัสใส่เครื่องพี่ด้วย”
“ไวรัสที่ไหนจะเข้าหน้าจอแสดงผลค่ะ พี่จบซอฟต์แวร์จากเมืองนอกมาจริงๆหรือเปล่า”
“แอบสืบเรื่องพี่หรือคะ”
“เหอะ! หลงตัวเองมุกแค่ได้ยินผ่านๆ”
“เหรอคะ”
มุกดาเลิกต่อล้อต่อเถียงกับคนหน้ามึน เธอเปิดวิดีโอพรีเซนต์ของตัวเองขึ้นมา แล้วเริ่มอธิบายถึงโครงสร้างและข้อดีในการทำงานของแอปพิลเคชันและเว็บไซน์แบบไม่เป็นทางการนัก
“เราสามารถโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆได้ค่ะ และถ้าบริษัทพี่สนใจเราสามารถต่อยอดเป็นแบบเกมออนไลน์ได้ด้วย”
มุกดาบอกเมื่อถึงบทสรุปของการพรีเซนต์ทั้งหมด
“บอกตรงๆนะโปรเจคที่เสนอมาทางบริษัทเรามีหมดแล้ว พี่ว่ามันยังไม่โดดเด่นเท่าไหร่ พี่ไม่ได้หมายตัวโปรแกรมนะแต่พี่หมายถึงไอเดีย”
น้ำเสียงของเวธัสค่อนข้างจริงจัง ไม่มีร่องรอยของการหยอกล้อเล่นเหมือนสิบนาทีที่แล้ว แม้จะอยู่ในชุดสบายๆแต่บรรยากาศและความรู้สึกเวลาเขาคอมเมนต์เรื่องงานค่อนข้างซีเรียส
ร่างเล็กพยักหน้าจดข้อแนะนำติชมลงในสมุดจดบันทึกอย่างตั้งใจเช่นกัน
“ตัวโปรแกรมค่อนข้างดีมาก คงเป็นแพรใช่ไหมที่เขียนชุดคำสั่ง”
“ใช่ค่ะ”
“อืมแทบไม่มีติ การตัดต่อวิดีโอการทำกราฟิกค่อนข้างดีแต่อย่างที่บอกว่าติดแค่ไอเดียเท่านั้น” เขาทำท่าคิด
“ลองรวบรวมข้อมูลบริษัทพี่แบบเจาะจงดีกว่า”
“ยังไงคะ”
“ใส่ข้อมูลแบบเจาะจงเลยว่าทำแอปพลิเคชันเพื่อมาเสนอให้กับบริษัทพี่จริงๆ ขอโทษที่ต้องใช้คำนี้อันที่ทำมามันดาษดื่นเหมือนว่าทำขึ้นเพื่อเสนอขายหลายที่ พี่ว่ามันดูไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่”
มุกดาพยักหน้าไม่ลืมจดข้อมูล
“ลองเอากลับไปปรึกษากับเพื่อนๆดูค่ะ พี่ว่ามันไม่แย่สำหรับเด็กจบใหม่ถือว่าเก่งมากกับการทำธุรกิจสตาร์อัพ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
มุกดายกมือไหว้ บรรยากาศมันคล้ายๆกับเมื่อตอนที่เขาติววิชาแคลคูลัสตอนเรียนปีสองให้ แม้จะเรียนกันคนละสาขาแต่มีบางรายวิชาที่เรียนพื้นฐานเหมือนกัน ตอนนั้นเขาก็จริงจังแบบนี้ สอนเด็กอ่อนวิชาเลขอย่างเธอจนสามารถสอบผ่านได้
“มองหน้าพี่ทำไมคะ”
“ปะ…เปล่า”
มุกดารีบเบือนหน้าหนีเมื่อเขาขยับใบหน้าหล่อร้ายเข้ามาประชิดใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
กริ๊ง กริ๊ง
เวธัสมองผ่านร่างเล็กไปยังประตูห้องที่ส่งเสียงเตือน
“สงสัยอาหารมาส่ง”
เขาค่อยๆถอยตัวออกห่างแล้วเดินไปเปิดประตู เป็นไรท์เดอร์ส่งอาหารจริงอย่างที่เขาว่า พอรับถุงอาหารก็ปิดประตูแล้วเดินกลับมาที่เดิม
“พี่สั่งสเต๊กเนื้อร้านที่มุกชอบมา ทานก่อนนะคะ”
เขาชูกล่องอาหารที่มีโลโก้ร้านโปรดของมุกดาขึ้นมาโชว์
“คือมุกไม่ค่อยหิวนะคะ” โกหก เธอหิวจนไส้กิ่วเพราะห่างจากมื้อค่ำมาหลายชั่วโมง
“ไม่หิวก็ต้องกินค่ะ”
คนตัวโตมัดมือชกแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวไม่นานก็กลับมาพร้อมจานสเต๊กที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย เขาวางสเต๊กสองจานวางบนโต๊ะทานข้าว
“งั้นมุกไปเอาน้ำให้แล้วกันคะ”
เมื่อปฏิเสธไม่ได้มุกดาก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ เธอไม่ชอบเอาเปรียบใครจึงเดินเข้าไปในห้องครัวหยิบแก้วน้ำออกมาสองใบ
พลันสายตาของคนตัวเล็กก็ปะทะกับกระปุกเครื่องปรุงที่ตั้งเรียงรายเป็นระเบียบอยู่บนเคาน์เตอร์ มุมปากสวยยกยิ้มอย่างมีแผนร้าย