ประธานคนใหม่

1460 Words
ใช้เวลานั่งทำใจอยู่นาน ในที่สุดฉันก็ต้องขับรถมาที่ทำงานเพื่อเผชิญกับชะตากรรมที่เลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่เริ่มทำงานที่บริษัทแห่งนี้มา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกอึดอัดและกลัวการเหยียบย่างเข้ามาในพื้นที่นี้มากที่สุด ในหัวมันเอาแต่พะวงคิดว่าจะมีใครบ้างได้ฟังข่าวลือนั้นแล้ว “ลิสา!” เสียงเรียกที่ค่อนข้างสูงทำเอาฉันสะดุ้งโหยง รีบหันขวับมองหาต้นตอของเสียง และเจอเข้ากับ พี่ฟ้า พี่ที่สนิทกันมากที่สุดในที่ทำงาน “ทำไมมาเอาป่านนี้ฮะ คุณเหมันต์มาถึงตั้งนานแล้ว” “ขอโทษค่ะพี่ฟ้า พอดีว่าหนูตื่นสายไปหน่อย” ฉันเอ่ยบอกไปตามตรง เพราะคงไม่มีข้อแก้ตัวอะไรที่มันจะฟังขึ้นแล้ว “แล้วดูซิ หน้าซีดมาเชียว ไป ๆ ชงกาแฟแล้วเอาไปเสิร์ฟให้คุณเหมันต์เขาซะ” “ค่ะ” ฉันผงกหัวรับก่อนจะตรงไปที่มุมชงกาแฟ และเห็นว่ามีพี่พนักงานอีกคนกำลังยืนชงกาแฟอย่างเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ “อ้าว ลิสา มาพอดีเลย” เธอกวักมือเรียกฉันเข้าไปหา ก่อนจะยกกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จหมาด ๆ ยื่นให้ “พี่ชงให้แล้ว เอาไปให้คุณเหมันต์เร็ว เตรียมคำแก้ตัวดี ๆ นะ เขาถามหาเราตั้ง 2-3 รอบแน่ะ พอบอกยังไม่มาก็ทำหน้าหงุดหงิด ดูเป็นคนเจ้าระเบียบและค่อนข้างซีเรียสกับเวลาพอสมควรเลยละ” “ละ แล้วเขาเรียกหาหนูทำไมเหรอคะ” ประโยคหลังแทบไม่ไหลเข้าหัว เพราะมันเอาแต่พะวงคิดว่าอีกฝ่ายมีความจำเป็นอะไรที่จะเรียกหาฉันบ่อยขนาดนี้ “เอ้า ก็เรียกสิ เราเป็นเลขาเขานี่ มาถึงบริษัทไม่เห็นเลขา มันน่าวีนไหมล่ะ รีบไปเร็ว ก่อนระเบิดจะลง” “ค่ะ ๆ” ฉันผงกหัวรับอย่างลนลาน แล้วถือถ้วยกาแฟเดินออกมา แต่ยังไม่พ้นหัวมุมก็ต้องหยุดก้าวขา ก่อนจะเอียงหูฟังเมื่อได้ยินบทสนทนาของคนที่กำลังเดินสวนไปชงกาแฟ “แกได้ยินข่าวนี้ปะ” “ข่าวไหนอะ” ใจฉันเริ่มสั่นระรัว กลัวจะเป็นข่าวลือที่กำลังวิตกกังวล แต่พอได้ยินประโยคถัดไปก็หายใจโล่งขึ้นมา “ที่เขาบอกว่าคุณเฌอแตมวีนแตกกลางกองถ่าย แถมตีกันกับผู้กำกับสาว ละครเรื่องหลงลวงรักเลยถูกเลื่อนฉายออกไปไม่มีกำหนด ถ้าเป็นเรื่องจริงนี่เตรียมรับศึกเลยจ้า เพราะว่าเขาต้องมาเดินแบบชุดฟินาเล่ให้บริษัทเรา” ใจเย็น ๆ นะลิสา มันไม่มีใครรู้หรอก หายใจเข้าออกลึก ๆ เข้าไว้ สู้! เรียกพลังให้กับตัวเองจนมั่นใจ ฉันถึงได้ก้าวขาฉับ ๆ เข้ามาในลิฟต์แล้วกดขึ้นไปยังชั้นเกือบบนสุด จากนั้นก็ตรงดิ่งเข้าไปเคาะประตูที่คุ้นเคย แล้วผลักประตูกระจกสีหม่นเข้าไปเบา ๆ “ขออนุญาตค่ะ” เจ้าของห้องกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ตรงหน้ามีกองเอกสารที่วางเรียงอยู่ 4-5 แฟ้ม เขาอยู่ในชุดสูทสีดำอย่างสุภาพ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมจัดเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ ใบหน้าของเขาไม่ได้ต่างไปจากรูปภาพที่เคยดูในแฟ้มเอกสาร หรือหน้าจอทีวีมาก ต่างแค่เพียงตัวจริงดูดียิ่งกว่า แถมสายตาที่ดุดันยามเขาแหงนมองขึ้นมาจ้องสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้านั้นยังทำให้ขนหัวลุกซู่ไปทั้งตัว “กาแฟค่ะ” “อลิสาใช่ไหม?” “ค่ะ” ฉันผงกหัวรับอย่างประหม่า เพราะใบหน้าจริงจังของเขาบ่งบอกแน่ชัดว่าฉันกำลังจะถูกกล่าวตำหนิในอีกไม่ช้านี้ “ผมแจ้งคุณในไลน์แล้วนะ ว่าผมต้องกินกาแฟแค่ตอนแปดโมงเช้าเท่านั้น หรือถ้าวันไหนผมเข้าบริษัทเก้าโมง ก็ให้ชงมาเก้าโมง ห้ามเกินเก้าโมงห้านาที” “ขอโทษค่ะ” “มาซะสาย ไม่มีอะไรจะแก้ตัวหน่อยเหรอ?” ฉันก้มหน้าเม้มปากเล็กน้อย สองมือกุมกันไว้ด้านหน้าด้วยความอึดอัดใจ ฉันรู้ว่าการโกหกในตอนนี้จะเป็นทางออกที่ดี แต่ฉันเป็นประเภทโกหกไม่เก่ง เลยไม่อยากให้เขาจับได้ทีหลัง “ผมไล่คุณออก” “ฮะ!” เมื่อกี้เขาว่าไงนะ ไล่ออก! แค่เพราะฉันมาสายครั้งเดียวเนี่ยนะ “ถ้าเป็นคนอื่น ฉันจะพูดแบบนี้ แต่เธอเป็นคนโปรดของพ่อฉัน แถมเขายังยกยอสารพัดว่าเธอทำงานเก่ง จะให้โอกาสอีกสักครั้งแล้วกันนะ” ฟูววว เกือบไปแล้ว แต่เดี๋ยวนะ จะให้โอกาสกันอีกแค่ครั้งเดียวเองเหรอ จะโหดไปไหนเนี่ย ทั้งที่ฉันไม่เคยมีประวัติทำผิดกฎบริษัทเลยสักครั้ง มาสายก็แค่ครั้งเดียวเอง ใจร้ายชะมัด กล่าวตำหนิฉันเสร็จก็ยกกาแฟตรงหน้าขึ้นดื่ม แต่จิบไปได้เพียงนิดเดียวก็ปรายตาขึ้นมองฉันอีกครั้ง “เธอได้อ่านไลน์หรือยัง?” “ยะ ยังค่ะ” เมื่อเช้าเร่งรีบจนไม่ได้กดเข้าไลน์ ฉันนี่มันสะเพร่าจริง ๆ เลย นี่มันวันอะไรของฉันเนี่ย ถึงได้ทำอะไรก็ผิดพลาดไปเสียหมด “เฮ้ออ” เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนทำให้ฉันใจเสีย นี่นับเป็นความผิดครั้งที่สองหรือยัง แล้วฉันจะถูกไล่ออกเลยไหม? “สิ่งที่เธอต้องรู้คือ หนึ่ง ฉันกินกาแฟสด ไม่กินกาแฟซอง และสอง ฉันกินกาแฟไม่ใส่น้ำตาล แต่นี่เธอเล่นเทน้ำตาลใส่ซะเป็นโอวัลตินเลย มันกินได้ที่ไหน” ปกติฉันก็ชงตามที่เขาบอกให้ท่านประธานตลอด แต่รอบนี้ฉันดันไม่ได้เป็นคนชงน่ะสิ แต่ถ้าให้บอกออกไปตรง ๆ ก็จะหาเรื่องว่าฉันบกพร่องต่อหน้าที่อีก ขออยู่แบบจำนนต่อเหตุการณ์แบบนี้แล้วกัน จะด่าอะไรก็ด่ามาเถอะ ยังไงก็เกิดมาเป็นเจ้านายแล้ว เอาให้เต็มที่ “ถ้างั้นเดี๋ยวฉันลงไปชงให้ใหม่นะคะ” “ไม่ต้อง! เลยเวลาแล้ว ผมไม่กิน” “...” กรอกลงปากมันจะตายหรือไง เลยเวลายังไม่ถึงยี่สิบนาที เลย นี่เขาเป็นลูกคุณรายันต์จริงหรือเปล่าเนี่ย ทำไมนิสัยถึงได้ต่างกันลิบลับขนาดนี้ รายนั้นไม่เคยขึ้นเสียงใส่ฉันสักครั้ง เจอปัญหาก็มีแต่ยิ้มให้ ตัดภาพมาที่ลูกชาย ทั้งเจ้าอารมณ์ ทั้งบ้าอำนาจ! “เอาเอกสารพวกนี้ไปส่งให้หัวหน้าฝ่ายการตลาดด้วย ผมเพิ่งตรวจสอบเสร็จ” “ได้ค่ะ” ฉันขยับเข้าไปชิดโต๊ะแล้วหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาวางซ้อนไว้บนแขน เป็นจังหวะที่มีสายเรียกเข้ามาหาคนตรงหน้าพอดี “ว่าไง” เขากรอกเสียงลงอย่างสนิทสนม พลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ “เมียอะไรของมึง? กูไปมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่” ตุบ! ทันทีที่ได้รู้ว่าข่าวลือมาถึงหูท่านประธานแล้ว มือไม้มันก็อ่อนแรงจนฉันไม่สามารถที่จะแบกรับแฟ้มเอกสารกองโตได้ “ขะ ขอโทษค่ะ” ฉันรีบก้มลงเก็บกองแฟ้มที่กระจัดกระจาย และทันได้เห็นสายตาดุ ๆ ที่จ้องฉันเชิงตำหนิอยู่ซ้ำ ๆ “วงในมึงมั่วแล้วไอ้ราชันย์ งานกูยุ่งจะตายห่า ให้เอาเวลาไหนไปซุกเมียวะ หรือถ้าแหล่งข่าวมึงแน่จริงบอกมาเลย เมียกูคนไหน ชื่ออะไร” ตึก ตัก ตึก ตัก... ก้อนเนื้อที่หน้าอกเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับจะกระเด็นออกมานอกอกอยู่รอมร่อ นาทีนี้ฉันยืนเงียบฟังอย่างใจจดใจจ่อ รอดูว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาว่ายังไงบ้าง แต่คงตั้งใจฟังมากเกินไป ถึงได้ลืมนึกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังยืนจ้องหน้าคุณเหมันต์อยู่ และเขาเองก็กำลังนั่งสบตาฉันอยู่เหมือนกัน “คุณอลิสา คุณจะยืนฟังธุระส่วนตัวของผมอีกนานไหมครับ?” “...” ฉิบหายละ โอ๊ยย! ทำไมถึงได้เซ่อซ่าแบบนี้อลิสา แกกลายเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ “ขะ ขอโทษค่ะ” ฉันผงกหัวให้เขาอีกรอบแล้วรีบออกมาจากห้องโดยเร็วที่สุด แต่ในหัวยังเอาแต่นึกถึงเรื่องข่าวลือไม่เลิก ฉันควรทำยังไงดี ถ้าคุณเหมันต์รู้ เขาได้ไล่ฉันออกแหง ๆ ไม่พอนะ เขาอาจจะแจ้งความจับฉันข้อหาแอบอ้างหลอกลวงไปทำนองนั้น จะดับสิ้นอนาคตกันก็วันนี้แหละ อลิสา!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD