ทำข่าวลือให้เป็นจริง

1277 Words
ฉันเพิ่งรู้ว่าแต่ละวันเวลามันผ่านไปช้าขนาดนี้ ทั้งที่ฉันทำงานแทบไม่ได้หยุดพักหายใจ นั่นเป็นเพราะประธานบริษัทคนใหม่ดันคึก สั่งงานจนฉันวิ่งวุ่นหัวฟูไปหมด ไม่รู้ว่าจะเห่อตำแหน่งอะไรนักหนา และที่ทำให้ฉันแทบจะประสาทกิน คงเป็นข่าวลือที่เดินทางมาถึงบริษัทของฉันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ตอนนี้มีเพียงข่าวลือแว่ว ๆ ว่าท่านประธานสุดหล่อทำสาว ๆ ทั้งบริษัทอกหักดังเป๊าะเพราะเขามีแฟน ยังไม่มีใครรู้สักคนว่าแฟนของเขาคือใคร และดูเหมือนว่าข่าวลือนี้จะไม่จบลงง่าย ๆ ด้วย เนื่องจากแต่ละคนเริ่มขุดหาและตามล่าชื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว “แต่งตัวอะไรของแกเนี่ย ทั้งหมวก ทั้งแว่นตา ทั้งแมสก์ แกจะไปก่อการร้ายที่ไหน?” ยัยไอรินที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองฉันอย่างตกตะลึง นี่ยังจำฉันได้อีกเหรอ งั้นก็แปลว่าแต่งตัวแบบนี้มันไม่เนียนน่ะสิ “แกจำได้เหรอ” ฉันพ่นลมหายใจออกปากหนัก ๆ พลางดึงหมวกออกจนผมสีดำสนิทที่เกล้าไว้สยายลงมาคลุมแผ่นหลัง จากนั้นก็ดึงแว่นตาและแมสก์ออกก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน ฉันเพียงแค่จำลองเท่านั้นว่าถ้าหากข่าวแพร่ออกไปไกลแล้วฉันถูกจับได้จริง ๆ ฉันจะใช้ชีวิตในสังคมได้ยังไง ไปไหนมาไหนคนถึงจะไม่มองฉันด้วยสายตาแปลก ๆ และขำเยาะเย้ย หลังจากนาฬิกาปัดเข้าเลขสี่ บ่งบอกว่าถึงเวลาเลิกงาน ฉันก็รีบโทรนัดยัยไอรินออกมาพบที่ร้านอาหารประจำเพราะระบายสิ่งที่คับแน่นในใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าท่านประธานคนใหม่จะยังนั่งทำงานต่อไม่ยอมลุกไปไหนเสียที ฉันเลยต้องนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้อง รอกระทั่งเวลาปาไปเกือบห้าโมง กว่าเขาจะยอมลุกเดินออกไปจากห้อง “ทำไมจะจำไม่ได้ สับใส่กล่องมาฉันยังจำได้เลย” เธอเอ่ยก่อนจะเอี้ยวตัวไปรับจานอาหารจากพนักงานเสิร์ฟมาวางลงบนโต๊ะ ที่ตอนนี้มีอาหารวางเรียงอยู่เกือบสิบเมนู สาบานเถอะว่าสั่งมากินกันแค่สองคนจริง ๆ “มากันสองคน แล้วทำไมสั่งเยอะขนาดนี้เนี่ย” “คำเดียวสั้น ๆ ฉันหิว! นัดออกมาตั้งแต่สี่โมง ดูซิตอนนี้ห้าโมงกว่าแล้ว” เธอบ่นอุบ มือก็ยกช้อนตักอาหารใส่จานด้วยท่าทางหิวโหย “โทษทีว่ะ เจ้านายฉันเขาเห่อตำแหน่งไปหน่อย” “เป็นแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรละ” ยัยไอรินดูชินชากับพฤติกรรมของอีกฝ่าย นั่นเป็นเพราะยัยนี่มีโอกาสได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน และทั้งแม่และยายของยัยไอรินยังทำงานเป็นแม่บ้านของคุณราชันย์ เพื่อนสนิทของคุณเหมันต์อีกด้วย “เอาน่า เลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้ว ไม่มีใครรู้หรอก” “ไม่มีใครรู้อะไรเล่า เขาลือกันทั้งบริษัท” “แคก ๆ ๆ” อีกฝ่ายถึงกับสำลักออกมายกใหญ่ จนฉันต้องรีบหยิบทิชชูยื่นให้ “นี่ข่าวมันไปไวขนาดนั้นเลยเหรอ” “เออดิ แต่ยังไม่มีใครรู้นะว่าผู้หญิงในข่าวลือนั้นคือฉัน แต่ลือกันว่าเป็นคนในบริษัท” ฉันผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียดอีกรอบ ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองเอาไว้แน่น คิดไม่ตกกับเรื่องนี้จริง ๆ ปวดหัวทั้งวันจนทำงานผิด ๆ ถูก ๆ ไอ้คุณเหมันต์นั่นก็จ้องแต่จะจับผิดฉันอยู่ท่าเดียว คงอยากไล่ฉันออกมากมั้ง “งั้นแกก็สร้างข่าวลือใหม่ไปสิ บอกว่าตอนนี้เลิกกันแล้ว” “ได้ไงล่ะ! ยัยป้านั่นได้หัวเราะเยาะฉันจนฟันปลอมร่วงแน่” “อืมม...” คนตรงหน้าเม้มปากเล็กน้อยพลางยกมือขึ้นมาเกาที่ปลายคางของตัวเองอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเสนอแนวทางที่ยากลำบากไม่ต่างกัน “งั้นแกก็ต้องทำข่าวลือให้มันเป็นจริง” “ฮะ แกหมายถึง...” ยัยไอรินพยักหน้าระรัวอย่างมุ่งมั่น พร้อมกันกับฉันที่ส่ายหน้าพัลวันจนผมปลิวกระจาย “ให้เป็นแฟนอีตานั่นนะ ให้ฉันตายยังดีกว่า” พูดเสร็จก็รีบหันซ้ายแลขวา เพราะกลัวว่าจะมีใครเผลอได้ยินเข้า โชคดีที่รอบข้างนี้ไม่มีใครนั่งอยู่ เพราะเป็นโต๊ะที่อยู่มุมด้านในสุดของร้าน “ทำไมล่ะ ทั้งหล่อ ทั้งรวย ทำงานก็เก่งด้วย” “แต่โคตรโหด! แกรู้ไหมว่าวันนี้ฉันเจออะไรบ้าง เขาชี้นิ้วสั่งฉันอย่างกับเป็นเทพทันใจ ขนาดแค่ฉันไปสายยังขู่จะไล่ออก คิดดูว่าบ้าอำนาจขนาดไหน” ทั้งที่ฉันกำลังพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ยัยนั่นกลับหลุดขำออกมาเสียได้ นี่ไม่เชื่อที่ฉันพูดหรือไงกัน ฉันไม่ได้พูดเกินจริง หรือเอ่ยใส่ร้ายเขาเลยนะ ทุกอย่างที่พูดออกมาล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น “คุณเหมันต์เขาแค่เป็นคนจริงจังน่ะ แต่จริง ๆ แล้วใจดีนะ ต่างกับ... เพื่อนของเขาลิบลับเลยละ รายนั้นไม่มีอะไรดีเลยนอกจากฐานะกับหน้าตา” พูดพร้อมกับย่นจมูกอย่างเหนื่อยหน่าย ทั้งที่ต้องอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันแท้ ๆ แต่ทั้งสองกลับเกลียดกันเข้าไส้ “แกลองเปิดใจให้เขาดีไหม เขาอาจจะเป็นผู้ชายในอุดมคติที่แกเฝ้าคัดเลือกมาตลอดทั้งชีวิตก็ได้นะ” “พูดง่าย แต่ทำน่ะมันยาก แกก็รู้นี่ว่าฉันกลัวผู้ชายแค่ไหน” “แกไม่ได้กลัวผู้ชายเว้ย แกแค่กลัวผู้ชายที่เหมือนพ่อแกต่างหาก” “...” ฉันนิ่งงันไปทันที เพราะอีกฝ่ายดันพูดถูกจุด และตำใจจนจุกขึ้นมาทั่วหน้าอก ก่อนจะทิ้งหน้าผากลงโต๊ะแล้วเคาะเบา ๆ อย่างคนเสียสติ ฉันจะเป็นประสาทตายอยู่แล้ว “ถ้าแกได้เป็นแฟนเขาจริง ๆ มันก็ดีนะ ยัยป้านั่นจะได้ไม่มีอะไรมาขิงแกอีก ไม่มาวุ่นวาย หรือพูดจาเหน็บแนม แถมชีวิตในที่ทำงานแกก็จะสบายขึ้น ไม่โดนชี้นิ้วสั่งจนหัวฟูแบบวันนี้อีกไง” ยัยไอรินพูดพร้อมกับเลื่อนชามอาหารออก เพราะตอนที่ฉันฟุบหน้าลง เส้นผมของฉันกระจายออกจนเกือบจะจุ่มลงน้ำแกง “แล้วแกคิดว่าคนหล่อ ๆ แบบนั้นจะมองมาที่ฉันหรือไงฮะ แกดูสภาพฉันตอนนี้สิ” ฉันดันตัวขึ้นอีกครั้ง ทั้งผมที่ปล่อยฟู ริมฝีปากสีซีด และใต้ตาดำคล้ำ หน้าอย่างนี้เหรอริอ่านจะปีนขึ้นโต๊ะผู้บริหาร โคตรฝันเฟื่องเลยละ “แล้วแกเชื่อมือฉันไหมล่ะ” คนตรงหน้ากระตุกยิ้มมุมปาก สายตาแบบนี้บ่งบอกถึงการเอาจริง และมักจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก มองดูแล้วชวนให้รู้สึกขนลุกชอบกล “ยังไง” “เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนโฉมให้แกใหม่ แล้วจะสอนให้ผู้ชายเย็นชาอย่างคุณเหมันต์ได้รู้เองว่าแกนี่แหละ เพชรเม็ดงามที่สุดของเดอะ ไดมอนด์...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD