ตอนที่4 สักวันฉันจะหายไป

1305 Words
"แล้วเธอก็ยอมง่าย ๆ ไม่คิดจะปฏิเสธเลยนะ หรืออยากจะเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้จนตัวสั่น เป็นแค่เด็กในอุปการะได้รับทรัพย์สมบัติไม่มากพอหรือยังไง เลยต้องถีบตัวทำให้สูงส่งยิ่งกว่าเดิมอีก ผู้หญิงอะไรโลภไม่รู้จักพอ!" "ตาธามแกจะพูดอะไรหัดเกรงใจฉันบ้างนะ ขนาดว่าฉันนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ก็ยังพูดถากถางน้องให้ฉันได้ยินอีก ฉันเป็นคนจัดการเรื่องนี้เองยายเข็มไม่เกี่ยวเลย" "คุณย่าเลี้ยงเขาให้มาเป็นบุญคุณเหรอครับ ถึงต้องเรียกร้องอะไรบ้า ๆ แบบนี้ให้กับเขาด้วย หรือกลัวว่าเขาจะไม่มีผัว กลัวว่าเขาจะไม่มีคนเอา จนต้องประเคนผู้ชายที่เพอร์เฟกต์อย่างผมไปให้ แล้วไม่คิดว่าผมจะอยากเลือกผู้หญิงที่จะต้องมาเป็นเมียและเป็นแม่ของลูกบ้างหรือไง หรือว่าผมไม่มีสิทธิ์ที่จะออกความคิดเห็นอะไรในชีวิตได้ ต้องเออออยอมให้คุณย่าประเคนผมให้เด็กกำพร้าคนนี้น่ะเหรอครับ!" "ตาธาม แกอยากให้ฉันหัวใจวายตายต่อหน้าแกเลยใช่ไหม ถึงได้ต้องเถียงฉันฉอด ๆ แบบนี้ ก่อนตายฉันขอให้แกทำให้แค่นี้แกจะไม่เห็นใจคนแก่ที่แกพร่ำบอกว่ารักนักรักหนาเลยหรือยังไงกัน!!!" ก่อนที่คุณย่าพิสมัยจะเป็นลมล้มพับลงตรงหน้า ทำเอาทั้งเธอและธามธาราถึงกับต้องรีบเข้าไปประคองด้วยความตกอกตกใจ และในวันนั้นคุณย่าพิสมัยถึงกับต้องได้ห้ามส่งโรงพยาบาลและนอนดูอาการนานนับหลายอาทิตย์ ด้วยอายุอานามที่ปาเข้าไป 85 ปีแล้ว แถมโรคประจำตัวก็รุมเร้า โรคชราคืบคลานเข้ามาหา ทำให้ทั้งเธอและเขาต้องปรึกษาหาทางออกของเรื่องนี้ด้วยกัน สุดท้ายก็จบที่งานแต่งงานเพื่อให้ผู้เป็นประมุขใหญ่ของบ้านสบายใจ งานแต่งที่ใหญ่โตในวันนั้นทำให้คุณย่าพิสมัยยิ้มกว้างและมีความสุขมากกว่าใคร เพราะนางรักและเป็นห่วงเขมิกามากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด แต่จนกระทั่งถึงวันนี้นางก็ยังไม่ได้รับรู้ความจริงอีกอย่างว่าวันนั้นทั้งเธอและธามธาราแต่งงานกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามความต้องการของนางเลย ทั้งเธอและเขาต่างช่วยกันโกหกว่าได้จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วยกันแล้ว นางก็ไม่ได้เซ้าซี้หาทะเบียนสมรสแต่อย่างไร ทำให้รู้สึกโล่งอกและเบาใจกับเรื่องนี้อยู่มาก แม้ว่าหลังจากที่แต่งงานกันได้ 2 อาทิตย์แรก คุณย่าพิสมัยจะเป็นคนจัดแจงให้ทั้งเธอและเขาอยู่ใกล้ชิดกัน เพื่อที่จะมีเหลนให้ท่านได้อุ้มสมใจอยาก แม้จะเป็น 2 อาทิตย์ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีทุกสิ่งอำนวยความสะดวกตลอดเวลา แต่ธามธาราก็ไม่ได้แตะต้องตัวเธอแม้แต่อย่างใด เธอได้แต่คิดว่าเขาคงรังเกียจเธอมากมาย ลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์เวลานี้ทั้งเธอและเขาเลือกที่จะพึ่งพาทางการแพทย์ เพื่อให้ได้มาซึ่งเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอและเขาอย่างที่คุณย่าพิสมัยปรารถนาที่จะได้เห็น ทั้งเขาและเธอก็ไม่ได้อยากจะโกหกผู้เป็นย่าซ้ำซากให้เป็นบาปติดตัว ยังจำได้ดีว่าวันที่ท่านรู้ว่ากำลังจะมีเหลนนางดูดีใจมากและรับขวัญเธอด้วยเช็คเงินสดหลักสิบล้าน แม้จะปฏิเสธที่จะไม่รับแต่สุดท้ายก็จำใจต้องยอมรับมาเพื่อให้นางสบายใจ แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้พ่อของลูกยิ่งดูถูกดูแคลนเธอมากขึ้นกว่าเดิม ธามธาราไม่เคยจะมองเธอในแง่ดีเลยสักครั้ง เพราะเขาคิดแค่ว่าเธอเหมือนปลิงที่คอยดูดเลือดดูดเนื้อคุณย่าพิสมัยมาตลอด ทุกอย่างที่เป็นของคุณย่าหญิงสาวได้รับมากกว่าหลานชายแท้ ๆ เช่นเขาเสียอีก ทั้งที่ไม่ไม่ใช่หลานสาวโดยสายเลือด ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของอมรฤทธากูลเลยสักนิดเดียว จึงไม่แปลกที่ธามธาราจะคิดแบบนั้นแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริงอย่างที่เขากำลังเข้าใจเลยก็ตาม หญิงสาวถึงกับแหงนใบหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมัว ชีวิตของเธอนับจากวันนี้มันก็คงจะมืดมัวไม่ต่างกันเลย ที่พึ่งหนึ่งเดียวของชีวิตเธอจะไม่ได้โอบกอดและคอยรับใช้เหมือนอย่างวันวานที่ผ่านมาอีก เธอจะมีหน้าอยู่ร่วมบ้านกับเขาอีกหรือเปล่ายังไม่รู้เลย แล้วจะอยู่ในฐานะอะไรแค่แม่ของลูกเขาเท่านั้นใช่หรือเปล่า ลูกสาวที่เขาไม่ได้ปรารถนาที่จะมีตั้งแต่แรก เขาจะยังรักลูกของเธออย่างพ่อคนหนึ่งที่ควรจะรักหรือเปล่านะ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ปวดหัว ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้อยากร้องไห้ออกมาดัง ๆ แต่เธอไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าโลงศพของคุณย่าพิสมัยแบบนี้เลย แม้จะรู้ดีว่าพ่อแม่ของธามธาราดีกับเธอไม่แพ้ผู้เป็นย่า แล้วเธอควรจะเอาอย่างไรกับวันพรุ่งนี้ที่เหลืออยู่ ยิ่งธามธาราเปิดตัวผู้หญิงคนนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าควรจะพาตัวเองออกไปให้ไกลจากชีวิตของเขาเสียที ธามธาราจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยที่ไม่ต้องนึกถึงหรือหนักใจกับเรื่องของเธอและลูกอีกต่อไป "อดทนอีกก่อนนะลูก ให้เสร็จงานคุณทวดก่อนแล้วแม่จะหาทางออกให้กับเราสองคนเอง" หญิงสาวเพียงแค่คิดในใจ อย่างน้อยข้างกายของเธอในเวลานี้ยังมีคุณมลฤดีที่ยังคงคอยลูบแขนเบา ๆ ปลอบประโลมหัวใจที่มันกำลังอ่อนแออยู่ในตอนนี้ "กลับกันได้แล้วมั้งคุณ ยายเข็มกับลูกจะได้ไปนอนพักผ่อน" คุณกฤษณะเข้ามายืนสมทบกับคนทั้งคู่ จับจ้องมองเด็กสาวที่เขาเองก็รู้จักมักคุ้น หนึ่งในสมาชิกของครอบครัวที่ไม่ได้รู้สึกว่าหญิงสาวเป็นคนอื่นคนไกลเลยแม้แต่น้อย ทั้งเขาและคุณมลฤดีก็ยังคงรักและเอ็นดูในตัวของสะใภ้และว่าที่แม่ของหลานคนนี้เสมอ ชายสูงวัยได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะโอบกอดปลอบประโลมร่างของคุณแม่ตั้งครรภ์ด้วยความเข้าอกเข้าใจเป็นที่สุด ก็ตั้งแต่ตั้งครรภ์มาแล้วพ่อของลูกไม่เคยจะสนใจหรือดูดำดูดีเลยแม้แต่นิด หลังจากที่รู้ว่าเขมิกาตั้งครรภ์แล้วก็แทบจะไม่ได้เห็นหน้าธามธาราเกินกว่า 10 ครั้งในรอบ 8 เดือน ด้วยหน้าที่การงานที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ทำให้เวลาที่จะใช้อยู่ร่วมกับครอบครัวแทบจะเป็นศูนย์ หรืออาจจะเป็นเพราะธามธาราเอาเวลาไปวุ่นวายกับใครคนอื่นอยู่ ดีที่ว่ามีคุณย่าพิสมัยคอยอยู่เคียงข้าง จึงทำให้วันเวลาที่ผ่านมาของเขมิกามีความสุขกับชีวิตขึ้นมาอยู่บ้าง แม้จะไม่สามารถรับรู้ความในใจของหญิงสาวได้ทั้งหมด แต่ทุกคนก็พอจะรับรู้ว่าเธอมีความทุกข์มากกว่าความสุขในชีวิตเสียอีก ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาแล้ว ทุกคนที่อยู่รายรอบคงได้แต่คอยส่งกำลังใจและพยายามทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD