ธามธารากลับมาที่บ้านหลังใหญ่ในเช้าของอีกวัน ทั้งพ่อและแม่รวมถึงเขมิกาที่กำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกันอยู่ ถึงกับต้องรีบหันกลับไปมองร่างสูงที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน
"กลับมาซะเช้าเชียวนะ กินอะไรมาหรือยัง มานั่งกินข้าวร่วมกันก่อนสิธาม"
คุณกฤษณะถามไถ่ลูกชายคนเดียว แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจที่ธามธาราทำตัวเหลวไหลแบบนี้ แต่จะให้เขาทำอย่างไรได้เพราะตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยจะต้องบังคับขู่เข็ญลูกให้ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบเลยสักครั้ง แต่ถึงจะบังคับธามธาราก็เป็นคนหัวดื้อรั้นไม่เคยจะยอมฟังพ่อกับแม่เลย
ชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดยืนที่โต๊ะรับประทานอาหาร ดวงตาคมจับจ้องมองหญิงสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาไม่มองหน้าสบตาเขาอยู่ในตอนนี้ เธอกำลังทำเหมือนว่าอาหารที่มีอยู่ตรงหน้าเอร็ดอร่อยมากจนไม่อาจที่จะหยุดกินได้แม้แต่วินาทีเดียว ชายหนุ่มขยับเก้าอี้นั่งลงเคียงข้างกับมารดาด้วยอีกคน
"ผมเรียบร้อยมาจากคอนโดมะลิแล้วครับพ่อ"
"จะอยู่บ้านกี่วัน?"
"ผมได้วันลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์ พ่อถามทำไมเหรอครับ?"
"อีกไม่นานลูกแกก็จะคลอดแล้วนะ แกจะได้อยู่เห็นหน้าลูกในวันคลอดหรือเปล่า?"
ดวงตาคมปรายสายตาหันไปจ้องมองแม่ของลูกที่เธอยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมพูดคุยหรือแม้แต่มองหน้าเขาเลยสักนิด ซึ่งปกติหญิงสาวจะทำที่ท่าแบบนี้ให้ได้เห็นจนคุ้นชินก็ตาม
"คลอดวันไหนล่ะครับ ถ้ามีวันคลอดที่ตายตัวผมอาจจะแลกตารางบินกับเพื่อนไว้ได้"
"ฉันว่าแกเลิกเป็นนักบินเถอะ ชีวิตแกควรจะมีเวลาให้ลูกให้เมียมากกว่านี้นะ ฉันรู้ว่าระหว่างแกกับยายเข็มมันไม่ได้เริ่มต้นมาจากความรัก แต่ในตอนนี้เราสองคนก็กำลังจะมีโซ่ทองคล้องใจด้วยกันแล้วนะธาม แกจะทำอะไรสักอย่างเพื่อลูกไม่ได้จริงเหรอ"
"เขมิกาไม่ได้บอกพ่อเหรอครับ เรื่องที่ผมกับเขาตกลงกันเอาไว้
ทำไมเธอไม่บอกให้พ่อกับแม่ฉันรับรู้ล่วงหน้าล่ะเขมิกา?" ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวที่กำลังจับจ้องมองหน้าเขาอยู่ในตอนนี้
"เข็มยังไม่มีโอกาสได้เล่าค่ะ มีแต่เรื่องวุ่นวายจิตใจเกิดขึ้นทั้งนั้น ไหนจะตอนนี้อีก เข็มว่าจะบอกหลังจากที่จบงานศพคุณย่าแล้ว"
"แก 2 คนตกลงอะไรกันไหนพูดให้ฉันฟังหน่อย มันเป็นเรื่องที่ดีหรือเรื่องที่ไม่ดี?"
หนุ่มสาวทั้งสองคนจับจ้องมองสบตากันอีกครั้ง แววตาที่ยังดูเศร้าเผยให้เห็นชัดจนปกปิดไม่มิดเลย ธามธาราเข้าใจว่าหญิงสาวยังคงเศร้าโศกเสียใจเรื่องที่สูญเสียคุณย่าพิสมัยไปอย่างไม่มีวันกลับ
"ผมจะทำตามความประสงค์ของคุณย่า ยังไงเด็กในท้องของเขมิกาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขโดยชอบธรรมของผม ผมรับผิดชอบลูกแต่ไม่ได้หมายถึงผมจะเอาแม่ของลูกเข้ามายุ่งเกี่ยวในชีวิตนะครับ พ่อก็เห็นว่าผมกับมะลิกำลังคบหาดูใจกันอยู่ ผมแฮปปี้กับชีวิตในตอนนี้ดี ส่วนเขมิกาคลอดลูกเสร็จเธอก็เป็นอิสระกับชีวิตแล้วครับ"
"หมายความว่ายังไง ฉันสองคนไม่เข้าใจกับที่แกพูด" คุณมลฤดีถามขึ้น พร้อมกับคิ้วโก่งที่ขมวดเข้าหากัน จับจ้องมองใบหน้าของลูกชายรอคอยกับคำตอบที่นางอยากจะได้ยินมากที่สุด
"คงเกี่ยวข้องกันในสถานะพ่อกับแม่ของลูกก็พอ เพราะถึงยังไงผมกับเขมิกาก็ไม่ได้มีอะไรผูกพันไปมากกว่านี้อยู่แล้ว เราแต่งงานแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสนะครับแม่"
"อะไรนะ ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก็ไหนแกบอกกับคุณย่าของแกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพายายเข็มไปจดทะเบียนสมรสแล้ว" นางถึงกับหันกลับไปมองหน้าสามี ทำไมนางไม่เคยรับรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยนะ คุณกฤษณะได้แต่พยักหน้าให้เบา ๆ เพราะตัวเองก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้มาได้ไม่นานเหมือนกัน
"ผมก็แค่พูดให้คุณย่าสบายใจ ผมจะหาบ่วงมาผูกคอตัวเองทำไมครับแม่ แค่เรื่องต้องเข้าพิธีวิวาห์บ้าบอกับเขมิกา เรื่องที่ต้องทำเหลนให้มันก็มากพอสำหรับชีวิตของผมแล้ว ผมไม่ได้รักเขมิกานะแม่ ต่างคนต่างให้อิสระแก่กันมันก็ถูกแล้วไง พ่อกับแม่ก็เลี้ยงหลานไป ส่วนเขมิกาจะไปใช้ชีวิตที่ไหนก็เรื่องของเขาเลย จะอยู่ที่นี่ต่อหรือจะไปอยู่ที่อื่นก็เอาที่เขาสะดวกใจเลยครับ"
เขมิกาไม่ได้พูดตอบโต้แต่อย่างใด เธอยังคงนั่งฟังเขาพูดกับพ่อและแม่อยู่เงียบ ๆ แม้ทุกคำพูดที่ได้ยินจากปากเขาเธอจะรู้สึกเจ็บและเสียใจอยู่มากก็ตาม หน้าที่ของเธอคงมีเพียงแค่อุ้มท้องให้กับเขาเท่านั้นสินะ ถ้าคลอดลูกให้เขาเสร็จเธอคงจะหมดผลประโยชน์สำหรับเขาจริง ๆ แล้ว ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่นี่ต่อหรือว่าเธอจะไป เขาก็คงจะไม่อาลัยอาวรณ์เหมือนอย่างที่เธอกำลังรู้สึกกับเขามากมายอยู่ตอนนี้สิใช่ไหม
"พูดจาอะไรไม่ถนอมน้ำใจแม่ของลูกเลย ฉันรู้ว่าแกไม่ได้รักชอบพอยายเข็ม แต่สิ่งที่แกทำเมื่อวานแกก็ไม่ควรพาแม่นั่นมาหักหน้าพวกฉัน หักหน้าเมียแต่งที่ทุกคนต่างก็รับรู้ว่าเขมิกาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านเรานะธาม"
"มะลิเขาก็แค่มาแสดงความเสียใจ มันเป็นมารยาท ใครจะสนใจล่ะว่าคนจะมองมายังไง เพราะทั้งผมและมะลิก็ต่างรู้ความจริงด้วยกันทั้งนั้น รวมถึงพ่อและแม่ด้วยก็รู้ว่าผมกับเขมิกาไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งต่อกัน ก็เหมือนแต่งงานหลอก ๆ ไงครับ แล้วทำไมผมต้องแคร์?"
ใช่สินะเขาไม่ต้องแคร์ความรู้สึก ไม่ต้องแคร์อะไรเธอทั้งนั้น เพราะเธอก็ไม่ใช่เจ้าของชีวิตเขา ไม่ใช่เมียแต่งที่เขาอยากจะมีตั้งแต่วันแรก ถ้าทุกอย่างไม่ใช่เพียงเพราะผู้เป็นย่าต้องการให้มันเกิดคงไม่มีวันนี้สำหรับเขาและเธอเลย
"มันจะมีสักครั้งไหมธามที่แกจะพูดดี ๆ กับยายเข็มบ้าง อย่างน้อยแกก็ควรให้เกียรติเขาในฐานะแม่ของลูก ไม่ว่าจะเกิดจากความต้องการของใคร สุดท้ายมันก็เป็นลูกแกกับเขาอยู่วันยังค่ำ"
"ก็คนที่ต้องการเรื่องนี้ตายไปแล้วนี่ครับ ปัญหามันก็เลยต้องตกมาอยู่ที่พวกเราแทน ผมก็พูดอย่างที่ผมอยากจะพูด ผมไม่ชอบเสแสร้งแกล้งทำ อะไรที่มันฝืนต่อความรู้สึก ผมยิ่งไม่อาจกักเก็บเอาไว้ให้อึดอัดใจหรอกนะครับแม่"
"สรุปแกจะเอาแค่ลูกไม่เอาแม่ของลูกใช่ไหม แกจะให้แม่ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นแม่ของหลานฉันหรือยังไง?"
"มันเป็นเรื่องของอนาคตครับแม่ ผมยังตอบอะไรไม่ได้หรอก ถ้าผมกับมะลิต้องลงเอยกันจริง ลูกผมก็ต้องมีเขาเป็นแม่เลี้ยงไม่ใช่เหรอครับ?"
"แล้วแกคุยกับผู้หญิงคนนั้นเรื่องนี้หรือยัง ถ้าแกจะจริงจังกันฉันไม่ว่า ขอแค่อย่าให้ปัญหามันกระทบไปถึงหลานฉันก็พอ แม่นั่นชอบเด็กหรือเปล่า จิตใจดีมากน้อยแค่ไหนสาธยายมาให้ฉันฟังสิ ฉันจะได้ช่วยแกตัดสินใจถูก ถึงยังไงฉันก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ถ้าให้ฉันมองด้วยตาเปล่าในวันนี้ ฉันว่าแกกับแม่นั้นไม่มีทางลงเอยกันได้หรอก"
"ผมโฟกัสแค่ปัจจุบันครับแม่ เรื่องของอนาคตผมปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคต ผมไม่ได้เอามาคิดให้ปวดหัวอยู่แล้ว ผมกับมะลิเราเข้ากันได้ดีมาก เขาก็นิสัยดีนะครับ รักเด็กดีออก"
ธามธาราและผู้เป็นแม่ก็มักจะทะเลาะเบาะแว้งกันแบบนี้เป็นเรื่องปกติ แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังไม่เคยจะพูดกันด้วยดีเลยสักครั้ง จะแปลกอะไรถ้าธามธาราจะเถียงคำไม่ตกฟากอย่างตอนนี้ที่กำลังทำให้คุณมลฤดีอารมณ์เสีย
"ชีวิตของแกฉันจะปล่อยให้แกเป็นคนตัดสินใจเองก็แล้วกันนะ เพราะฉันกับพ่อแกเราไม่ใช่คุณแม่ที่จะต้องบังคับเอาแต่ใจตัวเองให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแบบนั้น
วันนี้ยายเข็มต้องไปหาหมอแกพาน้องไปหน่อยสิ ลูกใกล้จะคลอดแล้วแกยังไม่เคยได้เห็นหน้าลูกเลยนะ ไม่อยากรู้เหรอว่ายายหนูจะหน้าเหมือนใคร"
ธามธาราหันกลับไปจ้องมองหน้าเขมิกาอีกครั้ง ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความอึดอัดใจไม่ต่างจากเขาเลย
"จะไปกี่โมงล่ะ ฉันต้องขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดอีก ถ้าเธอไม่รีบเดี๋ยววันนี้ฉันจะพาไปเอง"
"หมอนัด 10:20 น. ค่ะ ยังพอมีเวลาอีกเยอะเชิญพี่ธามตามสบายเถอะค่ะ ที่จริงเข็มไปคนเดียวก็ได้นะ เพราะยังไงเข็มก็ไปคนเดียวจนชินชาแล้ว"
เป็นคำตอบกลับที่แสนธรรมดา แต่ทำให้ดวงตาคมถึงกับจับจ้องมองด้วยความไม่พอใจ เขมิกาตั้งใจพูดประชดเขาอยู่ ก็ทุกครั้งเขาไม่ได้ว่างอย่างวันนี้เลยไม่มีโอกาสที่จะได้ไปเห็นในตอนที่เธอต้องไปตรวจหรือฝากครรภ์ นานทีเพิ่งจะได้กลับบ้านจะให้เขาเอาเวลาที่ไหนมาพาเธอไปนั่นไปนี่ได้ตามอำเภอใจกันนะ
ทั้งคุณกฤษณะและคุณมลฤดีต่างจับจ้องมองใบหน้าของกันและกัน สีหน้าเคร่งเครียดกับบรรยากาศที่อึมครึมในเช้าวันนี้
"ก็มันเป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้วนี่ เธอเป็นคนอุ้มท้องเด็ก หน้าที่ไปหาหมอ หน้าที่ไปตรวจครรภ์ แล้วก็ต้องรับผิดชอบสิ แล้วจะมามองฉันด้วยสายตาแบบนี้ทำไมไม่ทราบ"
"เอาล่ะ ๆ ถ้าพูดดี ๆ ด้วยกันไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าแกว่างแกก็พายายเข็มไปหาหมอก็แล้วกัน ฉันจะไม่บังคับอะไรทั้งนั้น แล้วแต่สามัญสำนึกของความเป็นพ่อที่แกควรจะมีก็แล้วกันนะธาม"
คุณกฤษณะบอกกับลูกชาย ก่อนที่จะลุกออกจากโต๊ะอาหารไปด้วยความหงุดหงิด เขาเองก็ไม่เคยจะพูดคุยกับลูกชายรู้เรื่องสักครั้งเช่นกัน เพราะธามธาราเอาแต่ใจตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าพ่อกับแม่พูดจะไม่เคยฟังหรือเออออตามไปด้วยสักอย่าง.....