6
งานนี้เฮียเละแน่
ลูกชายคนโตของดิฐายังคงตามหลังแม่ของลูกต้อยๆ ปรายฟ้ากลับมาที่ห้องเดิมและได้ยินเสียงสนทนาเจื้อยแจ้วของลูก ตอนแรกก็นึกว่าคุยกันเองสองพี่น้อง ปรากฏว่าเป็นลูกคนรองของดิฐาที่นั่งอยู่บนเตียงกับเด็กๆ
“ไหนคุณบอกว่าคุณปลื้มกลับไปแล้ว?” ปรายฟ้าเหลียวไปเอาความคนโกหก ซึ่งก็มีเพียงการเกาเรียวคิ้วแก้เก้อไม่เอ่ยแก้ตัวแต่อย่างใด “คุณปลื้มจะกลับเลยไหมคะ ปรายหมายความว่าถ้าคุณปลื้มจะออกไปข้างนอกขอปรายกับลูกติดรถไปด้วยคน”
คนถูกถามเหล่สายตาไปทางพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังหญิงสาว เพียงศีรษะที่สั่นไหวเล็กน้อยของพี่ คนน้องก็เข้าใจฉับไว
“ไม่ครับ ดึกแล้วและฝนก็ตกหนักด้วย ดูท่าคงมีน้ำท่วมกันบ้างล่ะ”
“อันที่จริงปรายจะบังคับให้คุณไปส่งก็ทำได้ เพราะคุณมีความผิดที่ลักพาตัวลูกฉันมา ถึงแม้คุณยายของพวกเขาจะรู้เห็นเป็นใจก็ตาม” จริงสินะ ปรายฟ้าลืมรายงานปานเดือนเสียสนิทว่าได้มาถึงที่หมายและเจอเด็กๆ แล้ว
“ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณปราย ยอมรับว่าทำลงไปโดยไม่นึกถึงหัวจิตหัวใจคุณ แต่เฮียเขาควรได้รู้ความจริงนะครับ และที่ผ่านมาเฮียก็อยู่กับความรู้สึกผิดมาตลอด”
“ช่างเถอะค่ะ” ปรายฟ้าตัดบทไม่ประสงค์ฟังข้ออ้างล้างตัวให้ใสสะอาด อีกอย่างไม่ใช่เรื่องจะมาคุยต่อหน้าเด็กเจ็ดขวบที่จ้องผู้ใหญ่กันตาแป๋ว ลูกเธอไม่ใช่ไม่รู้เดียงสา แต่ละคนทั้งแสนรู้และช่างสังเกต
“ผมเอากระเป๋าของเด็กๆ มาให้น่ะครับ” เด่นภูมิชี้ไปทางกระเป๋าเป้สีเหลืองและสีชมพูอย่างละใบที่วางอยู่ข้างเตียง ปรายฟ้าจำได้ว่าเป็นเป้ที่ลูกสะพายไปโรงเรียนทุกวัน พอเปิดดูก็พบว่าด้านในบรรจุด้วยเสื้อผ้าหลายผืน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝีมือใคร แม่เธอตระเตรียมทุกอย่างพร้อมสรรพจริงๆ
ปิงปิงเห็นแม่ถอนหายใจสีหน้าดูฉุนเธอจึงรีบหลบดวงตาที่กำลังหันมามอง พลางมือก็ลูบพุงป้อยๆ
“หิวเหรอปิงปิง” แฝดน้องติดนิสัยลูบพุงยามหิว แต่การที่รีบก้มหน้าหลบตาเธอมันคืออะไร หรือกลัวโดนดุ
“หิวค่ะ”
“ยังไม่ได้กินอะไรกันเหรอคะ นี่ก็สองทุ่มแล้วด้วย” ปรายฟ้าเบือนหน้าดุไปทางเด่นภูมิที่หัวเราะแห้งๆ “คุณปลื้มพาลูกปรายมาก็ปล่อยให้อดอยากเหรอคะ”
“เปล่านะครับ ผมให้ข้าวให้น้ำพวกเขาแล้ว แต่เด็กๆ กินนิดเดียวเหมือนอาหารไม่อร่อย”
“เดี๋ยวให้แม่บ้านทำอาหารให้ใหม่” ปราบต์เสนออย่างนึกเอ็นดูเจ้าตัวเล็กที่ลูบพุงตัวเองไปมา ก่อนหน้านี้เขาก็ยืนมองลูกกินข้าวกันอย่างฝืนๆ คงเพราะเกร็งกับสายตาผู้ใหญ่แปลกหน้าจึงทานเพียงไม่กี่คำ
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่อยากรบกวนเกินไป ฉันทำเองก็ได้ค่ะ นี่คงเป็นเวลาพักผ่อนของพวกเขาแล้ว ขอแค่มีข้าวกับไข่ก็น่าจะพอแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันลงไปทำเอง”
“แม่จะไม่ให้เล่นบ้านต้นไม้จริงเหรอครับ” ปกป้องถามสิ่งที่ติดอยู่ใจตนมากที่สุด บ้านต้นไม้เป็นของขวัญวันเกิดครบหกขวบของเขากับปิงปิงที่ปรายฟ้าสร้างให้ เขาและน้องรักบ้านต้นไม้มากสามารถขลุกอยู่บนนั้นได้ทั้งวันโดยไม่ออกไปเล่นที่ไหนก็ยังได้
“จริงค่ะ แม่พูดคำไหนคำนั้น แอบแม่มาแบบนี้รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน ทีหลังไม่ทำแบบนี้อีกแล้วนะ”
“ลงโทษปิงคนเดียวได้ไหม พี่ปกไม่เกี่ยว พี่ปกมาด้วยเพราะปิงดื้อจะมาอะ พี่ปกไม่ได้อยากมาหรอก แม่ปรายขาไม่ลงโทษพี่ปกได้ไหม” มือเล็กเขย่าแขนแม่พลางช้อนมองด้วยดวงตาเอ่อคลอ แม้ดูน่าสงสารแค่ไหน แต่ปรายฟ้าต้องฮึบแข็งใจเข้าไว้ ตามใจมากไปก็กลัวจะมีหนหน้าอีก
“ผิดก็ว่าไปตามผิดนะคะ”
“งั้นขอลดเป็นหนึ่งเดือนแทนได้ไหมฮะ” ปกป้องต่อรอง สองพี่น้องร่วมมือกันส่งตาอ้อนวอน ปรายฟ้าหลับตาถอนหายใจอย่างคนที่ใกล้จะแพ้ให้ลูกเต็มที
“ขอแม่คิดดูก่อนนะ เอาอย่างงี้ล่ะกัน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก่อนกลับเชียงใหม่เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่พาไปเที่ยวสักที่สองที่ โอเคไหมคะ”
“โอเคครับ”
“โอเคค่ะ หนูอยากเที่ยว” คนพี่พยักหน้ายิ้มน้อยๆ แต่คนน้องตาแป๋วเป็นประกาย สลับอารมณ์จากที่กำลังจะบีบน้ำตาได้อย่างรวดเร็ว
“งั้นเราสองคนไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวให้” ปรายฟ้าจูงสองแฝดไปทางห้องน้ำ ปกติเด็กวัยนี้อาบน้ำเองกันได้อยู่แล้ว แต่เพราะแปลกที่แปลกทางและบ้านก็หรูหราใหญ่โต ปรายฟ้าเพียงเกรงว่าลูกอาจเงอะงะใช้อุปกรณ์ไม่เป็น
ปราบต์ชะเง้อตามสามแม่ลูกที่หายเข้าไปในห้องน้ำ เด่นภูมิยังห้อยขาอยู่บนเตียงพลางปากก็กระตุกขึ้นข้างหนึ่งขณะมองพี่
“มองขนาดนั้นไม่ตามไปเลยล่ะ”
“กลับไปได้แล้วแกน่ะ” ดวงหน้าเรียบตึงหันมาทางน้องที่ยิ้มแฉ่งแกมล้อจนน่าถีบให้สักที
“ฝนตกหนักขนาดนี้ไล่ผมได้ลงคอเชียวเหรอ ทีกับลูกเมียเฮียยังไม่ยอมให้ไปเลย นี่น้องไง น้องรักของเฮีย”
“กูรักมึงตั้งแต่ตอนไหน และก็เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วก่อนจะอดใจไม่ไหวถีบยอดอกให้สักที”
“โหดร้ายจังวะ”
“และจากนี้ไปแกเตรียมตัวขึ้นมาทำงานที่กรุงเทพฯ ได้เลย ส่วนตำแหน่ง GM ที่เชียงใหม่ใกล้จะครบวาระสัญญาพอดี เดี๋ยวจะให้ป๊าเคลียร์ให้ก่อน” ท่านประธานออกคำสั่งจริงจัง ภายในดวงตาหาแววล้อเล่นไม่มี น้ำเสียงก็เข้มขรึมประหนึ่งกำลังดุลูกน้องในปกครอง
“เฮียอะ ผมยังอยากอยู่เชียง...”
“ไม่ได้!”
“โกรธอะไรอะ ทำดีไม่ได้ดีเลยวุ้ย อุตส่าห์พาลูกกลับมาให้เจอแท้ๆ ถ้าไม่ใช่ผมเฮียก็คงไม่รู้ไปอีกนานว่าพวกเขาได้ลืมตาดูโลก เฮียไม่ดีใจเหรอที่ทุกอย่างออกมาเป็นแบบนี้”
“ไอ้ดีใจมันก็ดีใจ แต่ที่หงุดหงิดเพราะสีหน้าหัวเราะเยาะของแกกับเจ้าปูนไง หวังดีเหรอ เหอะ! รู้นะว่าแอบสมน้ำหน้าฉันอยู่”
“ก็แหงล่ะ นานๆ ทีพี่ใหญ่สุดเพอร์เฟกต์จะเดินสะดุดหัวทิ่ม และฟังไว้เลยนะ งานนี้เฮียโดนเละแน่ ผมไม่ยอมหรอกถ้าป๊าไม่จัดการอะไรเฮีย นั่นลูกสาวเพื่อนเก่าป๊าเลยนะ เดี๋ยวไปปั่นหัวป๊าต่อดีกว่า หึๆ เฮียเละแน่” เด่นภูมิหัวเราะสะใจขณะเดินผ่านหน้าเฮีย ปราบต์ยกสันมืออย่างอยากโบกให้สักป้าบ แต่น้องตัวแสบเผ่นแน่บอย่างว่องไว
ปรายฟ้าจะก้าวออกมาจากห้องน้ำนานแล้ว แต่ยั้งเรียวขาไว้ตรงหน้าประตู บทสนทนาของสองพี่น้องเรียกความสนใจให้อยากแอบฟัง เขารู้สึกผิดกับเรื่องในอดีตจริงเหรอ ดีใจจริงๆ น่ะเหรอที่เธอเลือกทรยศข้อตกลงด้วยการเลี้ยงดูฟูมฟักสายเลือดของเขามาจนถึงทุกวันนี้
แขกผู้มาเยือนอย่างไม่ได้ตั้งใจสลัดคำถามที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร แล้วก้าวออกไปจากห้องน้ำ ปราบต์ยังยืนล้วงกระเป๋าอยู่ข้างเตียง เห็นเงียบไปนานก็นึกว่าพากันหายออกไปหมดแล้ว เธอกับลูกก็ยอมค้างคืนที่นี่แล้วไง เขายังต้องการอะไรอีก
“รออะไรคะ”
“ถามหรือไล่ครับ”
“ก็แล้วแต่จะคิดค่ะ” ถึงตีหน้ามึน แต่ก็ฉลาดตามทันความในใจของเธอเหมือนกันนี่ “เด็กๆ กำลังอาบน้ำกันอยู่ ฉันอยากทำไข่เจียวให้พวกเขา รบกวนหน่อยได้ไหมคะ”
“เชิญครับ” ปราบต์ผายมือพร้อมเดินนำไปด้านล่าง จากบันไดที่ทอดยาวลงไปแน่นอนว่าต้องผ่านโซนนั่งเล่นกลางโถงบ้าน บิดาและน้องชายทั้งสองยังนั่งคุยกันอยู่ที่เดิม พอเห็นเขาพาหญิงสาวลงมาก็หยุดการสนทนาแล้วเงยขึ้นมองกันเป็นแถบ
“จะไปหาอะไรให้ลูกกินน่ะครับ และผมไม่สะดวกคุยตอนนี้” ทั้งที่ยังไม่มีใครปริปากถาม แต่ปราบต์ก็ดักคออย่างรู้ทันปนร้อนตัวอยู่ในที
“ก็ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ” ดิฐาว่าเมื่อทั้งสองเดินลงมาถึงชั้นล่าง “หนูปรายพักที่นี่ให้สบายนะ ไม่ต้องคิดมาก”
“ขอบคุณค่ะ ขอรบกวนด้วยนะคะ” ปรายฟ้าพนมมือไหว้ ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้แสดงความเคารพอย่างพึงมี อาศัยทำเนียนคิดว่าเขาคงจำเธอไม่ได้
“ไม่รบกวนหรอก คนกันเอง ว่าแต่ลุงอยากเห็นหน้าหลานจังเลย”
“ไว้พรุ่งนี้เถอะป๊า ดึกแล้ว ทั้งคนแก่ทั้งเด็กต้องพักผ่อน...เชิญทางนี้ครับคุณปรายฟ้า” ปราบต์ขัดคอคนแก่แล้วผายมือพาหญิงสาวเลี้ยวไปทางห้องครัว
“ไอ้นี่มันชักทำตัวเหมือนเป็นพ่อฉันเข้าไปทุกวัน” ดิฐาบ่นไล่หลังลูกคนโต
“ใช่ไหมล่ะป๊า เฮียปราบต์จอมเผด็จการ” ปรมัตถ์ได้ทีสำทับ
“ป๊าอย่าไปยอมนะ ห้ามออมมือให้เฮียเด็ดขาด ถึงยังไงก็ต้องมีบทลงโทษให้สาสม”
“แกสองคนนี่รักพี่แกจริงไหมเนี่ย ฉันชักสงสัยแล้ว พอเขาล้มแกก็พากันกระโดดเหยียบซ้ำเลยนะ จะให้ลงโทษอะไรล่ะ พูดอย่างกับพี่แกไปฆ่าใครตายงั้นแหละ” ดิฐาส่ายหน้าเอ็ดอย่างไม่จริงจัง มุมปากเปื้อนยิ้มอารมณ์ดีเสียมากกว่า
ณ ตอนนี้ก็เท่ากับตนมีหลานเพิ่มอีกสองคน แถมมีแววว่าลูกชายวัยสามสิบแปดปีจะได้ลงจากคานเสียทีหลังจากที่ตลอดทั้งชีวิตมานี้ไม่เคยคบหาดูใจกับใครเลย
“เฮียปราบต์ทำลูกสาวเพื่อนป๊าท้องแล้วไม่รับผิดชอบนะ เรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้ยอมได้ยังไง ป๊าบอกว่าคุณปานเดือนแกไม่ติดต่อหาป๊าเลยตลอดแปดปี คิดดูสิจากที่คบค้าสมาคมกันดีๆ อยู่ๆ ก็เฟดหน้าหายเงียบ แบบนี้แปลว่าคุณปานเดือนเขาก็เคืองป๊าด้วยหรือเปล่า อาจคิดว่าป๊ามีส่วนสั่งการเฮียปราบต์ไม่ให้รับผิดชอบลูกสาวเขา” เด่นภูมิเป่าหูยุยงบิดา ดิฐาก็เอียงคอครุ่นคิดตาม จะหาว่าลูกคนรองเพ้อเจ้อก็ไม่ถูกเสียทีเดียว มันก็น่าคิดว่าปานเดือนคงมีเคืองเขาบ้าง
“เออน่ารู้แล้ว พวกแกไม่ต้องกลัวว่าพี่แกจะลอยนวลหรอก แต่ปราบต์เขาโตกว่าพวกแกมาก มีความคิด มีความรับผิดชอบอยู่แล้ว คงไม่พูดยากเหมือนปูนหรอก”
“เรามันลูกชังว่ะเฮียปลื้ม เฮียปราบต์ลูกรักทำอะไรก็ไม่ผิด หึ! น้อยใจ ไปนอนดีกว่า” ปรมัตถ์ทำค่อนขอดบิดาแล้วชูแขนบิดขี้เกียจกลับขึ้นห้อง ดิฐาหมั่นไส้จึงส่งหมอนอิงลอยละลิ่วปลิวใส่หลังลูกคนเล็กอย่างเหมาะเหม็ง เด่นภูมิหัวเราะอารมณ์ดีแล้วตามขึ้นไปอีกราย