สิบโมงเช้าของวันต่อมา ลักขณาเดินลงจากรถของปัทกรณ์ ดวงตาคู่สวยจับจ้องมองบ้านหลังใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า ความรู้สึกหวั่นกลัวคืบคลานเข้ามาแทนที่ ทำให้หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะขึ้นอีกหน ร่างผอมบางยังคงยืนอยู่นิ่งไม่ยอมขยับตามชายหนุ่มที่เดินอยู่เบื้องหน้าเลยแม้แต่ก้าวเดียว จนปัทกรณ์ต้องหันหน้ากลับมาหา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
"เธอจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม รีบเข้าบ้านซะสิจะให้พ่อกับแม่ฉันนั่งรออีกนานแค่ไหนกัน" เสียงทุ้มถามขึ้นด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดและไม่พอใจอยู่มาก
"ฉันควรจะพูดยังไงกับพวกท่านล่ะคะ ฉันรู้สึกเกร็งไปหมด"
"ก็พูดเหมือนที่ฉันบอกเธออยู่บนรถนั่นแหละ เธอจะให้ฉันรับผิดชอบแค่เด็กในท้อง แต่เธอจะไม่ยอมให้ฉันรับผิดชอบเธอ ตามข้อตกลงและเงื่อนไขที่เธอยื่นเสนอมาให้กับฉัน เธออย่าลืมนะ เธอจะมาเปลี่ยนใจไม่ได้นะลักขณา!"
หญิงสาวทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มรับกับคำพูดเหล่านั้นของเขา และเดินตามหลังปัทกรณ์เข้าไปภายในบ้านพยายามข่มความกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจอันว้าวุ่น
คุณเพียงเพ็ญและคุณทรงพลนั่งรอการมาของลูกชายคนโตและว่าที่แม่ของหลาน ลักขณายกมือขึ้นทำความเคารพอย่างเช่นทุกครั้งที่เคยพบเจอกัน คนสูงวัยทั้งสองก็รับไหว้ไม่ได้นึกรังเกียจอะไรเลยสักนิด
"นั่งลงก่อนสิหนู" คุณทรงพลกล่าวเชื้อเชิญเป็นคนแรก
ลักขนาจึงทำตามอย่างว่าง่าย เธอยิ้มหวานทักทายส่งให้กับเจ้าของบ้าน ปัทกรณ์นั่งลงบนโซฟาตัวที่อยู่ไม่ห่างไกลกับเธอมากนัก เจ้าของบ้านทั้งสองจ้องมองไปยังหญิงสาวอีกครั้งอย่างพร้อมเพรียง
"เรารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วนะ ที่ฉันเรียกหนูมาวันนี้ ฉันจะบอกว่าถ้าในท้องของหนูเป็นหลานของฉัน ฉันก็จะยินดีรับผิดชอบ หนูมีพ่อกับแม่หรือเปล่า?"
"หนูมีแต่แม่ค่ะพ่อไม่มี จริง ๆ คุณท่านรับผิดชอบแค่เด็กในท้องก็พอค่ะ"
"มันจะพอได้ยังไง แล้วหนูล่ะไม่อยากให้ตาปัทมันรับผิดชอบหรือยังไง คนอื่นจะมองครอบครัวฉันยังไงล่ะถ้าฉันต้องรับผิดชอบแค่เด็กในท้องแต่ไม่เอาแม่ของเด็กด้วย"
ลักขณาหันไปมองสบตากับปักรณ์อีกครั้ง ดวงตาคู่คมจ้องมองสบตาเขม็ง ลักขณาหันไปมองสบตากับเจ้าของบ้านทั้งสองอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากในสิ่งที่เธอกับเขาพูดคุยกันมา
"หนูคุยกับคุณปัทแล้วค่ะ เราสองคนตกลงที่จะรับผิดชอบร่วมกันแค่ลูก ไม่ได้คิดจะอยู่กินกันฉันสามีค่ะ"
"ตามนั้นแหละครับ ถ้าเขาไม่อยากให้รับผิดชอบคุณพ่อคุณแม่ก็อย่าไปบังคับเลยครับ ยังไงผมก็รับผิดชอบเด็ก คงไม่มีใครกล้ามาพูดว่าผมขาดความรับผิดชอบกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น" ปัทกรณ์เสริมทัพขึ้นด้วยอีกคน คุณทรงพลและคุณเพียงเพ็ญหันไปมองสบตากันก่อนที่จะหันกลับมามองสองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"ฉันปรึกษากับพ่อของแกแล้วตาปัท ฉันจะให้แกแต่งงานกับแม่หนูคนนี้"
"แต่งงานเลยเหรอครับคุณแม่ ผมกับเขาไม่ได้รักกันนะ เรื่องแต่งงานมันไม่ใช่ทางออกของปัญหานี้นะครับ ผมกับเขาช่วยกันเลี้ยงลูกได้โดยไม่ต้องแต่งงานกันด้วยซ้ำ เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอครับคุณแม่ ผมก็บอกแล้วว่าผมรับผิดชอบแค่ลูกแต่ไม่ได้จะรับผิดชอบแม่ของลูกด้วย" ปัทกรณ์ถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจ เถียงคนเป็นแม่อย่างไม่สบอารมณ์เลยสักนิด
"เอาล่ะเอาล่ะตาปัท ฉันกับแม่แกเราเห็นว่าแกควรจะรับผิดชอบทั้งแม่และเด็ก มันเป็นสิ่งที่แกควรจะทำมันหมายถึงหน้าตาของแกและบริษัทของฉันด้วย เพราะถ้าแกรับผิดชอบแค่เด็กในท้อง แต่ไม่เอาแม่ของเด็กด้วย คนอื่นเขาจะมองแกยังไง มันไม่ได้เสียหายแค่แกนะตาปัท"
"แต่ผมยังไม่พร้อมที่จะมีเมียนะครับพ่อ"
"ก็แต่ง ๆ กันไปก่อน แกสองคนจะอยู่ด้วยกันไหมนั่นมันก็อีกเรื่อง เราทำเรื่องให้มันถูกต้อง นอกจากคนอื่นจะมองแกไม่ดีน้องสะใภ้แกอีกล่ะ แกจะให้ฉันสองคนไปบอกกับกิ่งมาลาว่ายังไง ในเมื่อแกทำงามหน้ากับเพื่อนรักของเขาขนาดนี้" เพราะคุณเพียงเพ็ญก็อยากให้ลูกชายคนโตแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้เข้านางก็ไม่คิดว่าลูกชายจะอยากลงเอยกับใครได้ทั้งนั้น เพราะอายุอานามก็ใกล้จะเข้าเลขสี่ไปแล้ว บางทีลักขณาอาจจะเป็นเนื้อคู่ของลูกชายจริง ๆ ก็เป็นได้
"บ้านหนูอยู่ไหน ฉันกับคุณเพ็ญจะได้ไปพูดคุยกับแม่ของหนูให้มันเรียบร้อย" คุณทรงพลหันไปถามว่าที่สะใภ้อีกครั้ง ลักขณาได้แต่นั่งบีบมือตัวเองอย่างหาทางออกให้กับปัญหานี้ไม่ได้
"อยู่ปทุมธานีค่ะ แต่คุณท่านไม่ต้องไปหาแม่ก็ได้นะคะ หนูโตพอที่จะตัดสินใจอะไรเองได้แล้ว"
"พูดแบบนั้นมันก็ไม่ถูก ยังไงหนูก็เป็นลูกที่มีแม่นะ ฉันจะทำข้ามหน้าข้ามตาแม่ของหนูแบบนั้นไม่ได้หรอก มันจะเสียผู้ใหญ่เอา"
"แต่หนูไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณปัทนะคะคุณท่าน หนูยังยืนยันคำนั้นคำเดิม เราสองคนไม่ได้รักกันค่ะ จะอยู่ด้วยกันไปได้ยังไง"
"วันนี้ไม่รัก วันหน้าก็อาจจะรักก็ได้นี่นาหนู แต่ง ๆ กันไปก่อน กู้หน้ากู้สถานการณ์ที่มันเกิดขึ้นตอนนี้ให้จบ ๆ ซะ
เอาตามนี้นะตาปัท ถ้าแกไม่เห็นด้วยแกก็ลาออกจากเก้าอี้ประธานบริษัทไปได้เลยฉันไม่ห้าม"
คุณทรงพลหันไปบอกกับลูกชาย ปัทกรณ์จ้องมองหน้าบิดาอย่างเคืองในอารมณ์นัก ถ้าจะยื่นข้อเสนอมาแบบนี้ เขาจะเอาอะไรมาปฏิเสธได้ ในเมื่อตำแหน่งประธานบริษัทมันคือหน้าตาทางสังคมที่ทำให้สาว ๆ ที่มองมาไม่กล้ามองเมินเขาไปได้ อีกหนึ่งปัญหาถ้าไม่มีเขาก็คงไม่มีคนที่จะช่วยสานต่องานให้ เพราะน้องชายเพียงคนเดียวก็เพิ่งจะขอถอนตัวออกไปเปิดบริษัทเป็นของตัวเองแล้ว
ปัทกรณ์ได้แต่หันหน้ากลับไปมองหญิงสาวคนที่นั่งอยู่ข้างกาย คงต้องมีเรื่องอีกมากที่จะได้พูดคุยและทำข้อตกลงด้วยกันใหม่อีกครั้ง เสียเงินเท่าไหร่เขาไม่ว่าแต่ถ้าจะให้เสียหน้าเขาก็คงไม่มีวันยอมเช่นเดียวกัน ผู้หญิงที่ซื้อได้ด้วยเงินอย่างลักขณาจะต้องยอมรับในข้อเสนอที่เขาจะหยิบยื่นให้นับต่อจากนี้ หญิงสาวไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร เป็นความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เป็นความหนักอกหนักใจที่เธอไม่คิดอยากจะให้มันเกิดขึ้น