ตอนเด็ก ๆ ทั้งสองคนมักจะทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่เสมอ เรียกว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเลยก็ว่าได้
จนพิมผกาเรียนจบชั้นมัธยมปลายแล้วต้องไปศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ทั้งสองจึงไม่ค่อยได้พบเจอกันสักเท่าไหร่
แต่เมื่อไม่นานมานี้ เธอสำเร็จการศึกษาแล้ว กลับมาช่วยงานที่ค่ายมวย ทั้งคู่จึงได้กลับมาเป็นคู่กัดกันอีกครั้งหนึ่ง ประมาณว่า เจอหน้ากันทีไรเป็นได้ไฟท์กันทุกทีสิน่า
สี่ปีที่พิมผกาได้ไปร่ำเรียนในสาขาวิชาการจัดการ เพื่อนำความรู้กลับมาบริหารงานในค่าย แต่สิ่งหนึ่งที่เธอนำกลับมาด้วยก็คือ ความสวยสาวสะพรั่งที่ดูจะเปลี่ยนแปลงเป็นคนละคนจากวัยเด็ก
ทั้งผิวพรรณที่สะอาดสะอ้าน ทรวดทรงองค์เอวสุดเซ็กซี่ หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ที่ดูสวยผิดหูผิดตาจนไม่อยากจะเชื่อ
“พ่อ...แม่ของนายแสนนี่เป็นใครเหรอ ทำไมพ่อต้องเห็นแก่หน้าเขาด้วยล่ะ”
พิมผกาหันไปถามพ่อของเธอระหว่างที่กำลังขับรถกลับบ้านด้วยกัน
“นังสร้อยแม่ของไอ้แสน ก็เป็นลูกชาวนาบ้านอยู่หลังค่ายมวยของเรานี่แหละ มันเคยทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ค่ายมวยเรา ทำงานดี ยิ้มแย้ม แจ่มใส ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ แถมยังหน้าตาดีอีกด้วย ทั้งสวยทั้งคม ผิวสีน้ำผึ้ง”
“พ่อก็เลยชอบ...” พิมผกาแทรกขึ้นมา
“เฮ๊ย...เอ็งจะมาขัดพ่อทำไมวะ”
“แหม...ล้อเล่นน่า...พ่อก็” พิมผกาแอบสังเกตเห็นพ่อของเธออมยิ้มนิด ๆ แต่ก็ไม่กล้าแซวต่อ
“แต่สุดท้าย...แม่มันก็ไปได้กับฝรั่งที่มาเรียนมวยไทยในค่ายเรานี่แหละ รู้สึกว่าจะเป็นคนฝรั่งเศสอะไรประมาณนี้ พ่อเองก็ไม่แน่ใจ แล้วก็มีลูกหนึ่งคน ก็คือไอ้แสนนี่แหละ หน้าตามันถึงได้หล่อเหลาคมคายลูกครึ่งแบบนี้ไง”
“อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง”
“แต่แม่มันกลับโชคร้าย เพราะตอนที่ไอ้แสนอายุได้เพียงสองขวบ ผัวมันก็ถูกรถชนตาย”
“อ้าว...โห น่าสงสารจัง”
“แต่แม่มันเศร้าได้ไม่นาน ก็ได้ผัวใหม่เป็นฝรั่งอีก แต่คราวนี้ได้คนเยอรมัน ตบแต่งกันเป็นเรื่องเป็นราว สุดท้ายเขาก็ต้องกลับไปประเทศของเขา เลยพาแม่ไอ้แสนกลับไปด้วย ส่วนลูกแม่มันก็ฝากให้พ่อเป็นคนช่วยเลี้ยงดูจนโตป่านนี้ไงล่ะ”
“แหม...เรื่องราวอย่างกับในละครเลยนะ พ่อนักมวยลูกครึ่ง...”
“ไอ้แสน...มันหน่วยก้านดีนะ พ่อว่า แต่พักหลังมานี่ มันอ่อนซ้อมไปหน่อย ส่วนไอ้เรื่องเจ้าชู้น่ะ มันเป็นเรื่องปกติ พ่อเองตอนสมัยหนุ่ม ๆ ก็เป็น เลยเข้าใจมันดี”
ลุงกุ่ยแอบยิ้มที่มุมปาก
“ปกติยังไง...คนเจ้าชู้มีเมียเยอะ เรี่ยวแรงก็หายหมด แล้วจะขึ้นไปชกสู้กับใครเขาไหวได้ยังไง”
พิมผกาตวาดแว๊ด