อีกด้านของมิวา
ขณะเดินออกจากห้องน้ำสาธารณะของโรงพยาบาล หญิงสาวหยุดยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกสักครู่ ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา แม้เสียงสะอื้นจะไม่ได้เล็ดลอดออกมา แต่แววตาของเธอกลับบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้า ท้อแท้ และอ่อนแรงอย่างที่สุด
เธอสูดลมหายใจลึก พยายามกลั้นเสียงร้องไห้ แล้วค่อย ๆ ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างระมัดระวัง ใช้ทิชชูซับน้ำที่หางตาจนไม่เหลือคราบใด ๆ
เมื่อมั่นใจว่าหน้าตาตัวเองกลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิมแล้ว คนตัวเล็กจึงเดินกลับไปยังห้องพักผู้ป่วยปลอดเชื้อ ซึ่งเป็นที่น้องชายของเขาพักอยู่
ทันทีที่มิวาเปิดประตูเข้าไปในห้อง ภูวา น้องชายวัยสิบขวบที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยพร้อมเครื่องช่วยหายใจ ก็ยิ้มกว้างต้อนรับพี่สาวทันที
“พี่มิวา”
หญิงสาวฝืนยิ้มกลับทั้งน้ำเสียงและสายตาให้สดใสที่สุด ก่อนเดินเข้าไปใกล้
“คนเก่ง วันนี้กินข้าวหรือยังฮึ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงแกล้งขึงขัง
“กินแล้วครับ กินเยอะเลย หมดเกลี้ยงด้วยนะ” เด็กชายตอบพร้อมทำมือประกอบเหมือนจะอวดผลงานตัวเอง
“โห เก่งมาก แบบนี้อีกไม่นานก็ได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกแล้วสิเนอะ”
“ครับ! ผมอยากหายไว ๆ พี่มิวาจะได้ไม่ต้องทำงานหนักอีก ภูวารู้นะ พี่ทั้งเรียนทั้งทำงานเลยใช่ไหม”
คำพูดนั้นทำให้รอยยิ้มของมิวาเจื่อนลงนิดหนึ่ง เธอพยายามเก็บอารมณ์ไว้ไม่ให้ไหลย้อนกลับมา
“…นี่เรา รู้ได้ยังไงเนี่ย”
“ก็ทุกครั้งที่พี่มิวามาเฝ้า ภูวาก็แอบมองพี่ไง” ภูวายิ้มตาหยี แกล้งทำหน้าทะเล้นใส่พี่สาว “บางวันเห็นพี่เผลอหลับคาโต๊ะเลยนะ”
“แหม ทีนี้ล่ะเก่งเชียวนะเรา”
มิวายื่นมือไปลูบหัวน้องชายอย่างเบามือ แต่หัวใจก็สั่นไหวเงียบ ๆ เด็กคนนี้ไม่ควรต้องมารู้สึกผิดที่ตัวเองป่วย… ไม่ควรต้องมาแบกรับอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ถ้าเก่งจริงก็ต้องหายเร็ว ๆ นะ จะได้ออกไปกินข้าวนอกโรงพยาบาลด้วยกันไง!”
“ครับ แต่พี่มิวา…”
ภูวาหยุดพูดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเบาและจริงจัง
“พี่อย่าทำงานหนักมากนะครับ ถ้าพี่ไม่ไหว… ภูวาจะไม่รักษาก็ได้…”
“ภูวา!” มิวารีบเอ่ยเสียงเข้มทันที ดวงตาเธอเริ่มแดงอีกครั้ง
“ห้ามพูดแบบนั้นเด็ดขาดนะ รู้ไหม! เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง ถ้าไม่ให้พี่ดูแลเรา พี่จะเก็บเงินเยอะแยะไว้ให้ใคร!”
ภูวายิ้มเขิน ๆ ก่อนเอ่ยถามกลับแบบเด็ก ๆ
“จริงเหรอ พี่รวยเหรอ?”
“แน่นอนสิ พี่รวยที่สุดในโลกเลยรู้ไหม”
“งั้นถ้าผมหาย อยากกินอะไร พี่ต้องเลี้ยงนะ!”
มิวาแกล้งเบิกตาโตแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ขอให้หายก่อนเถอะ อยากกินกี่อย่างก็จะพาไปกินให้หมดร้านเลย!”
ภูวาหัวเราะเสียงใส ส่วนมิวาก็ซุกหน้าลงบนมือน้องชายอย่างแผ่วเบา ซ่อนน้ำตาอีกหยดที่เอ่อล้นออกมาโดยไม่ให้เขาเห็น…
พลันดวงตาคู่สวยก็เหลือบไปเห็นผลไม้ที่อยู่ไม่ไกล
จากนั้นมือคนตัวเล็กก็เดินไปหยิบผลไม้จากตะกร้าสาน ตากลมสะดุดกับสติกเกอร์เล็ก ๆ บนแอปเปิลที่เขียนว่า "Imported from New Zealand"
เธอเลิกคิ้วเบา ๆ
“หืม… ใครเอามาให้เนี่ย?”
เสียงนุ่มของเธอถามขณะที่ยังจ้องตะกร้าอย่างสนใจ
ภูวาเงยหน้าขึ้นจากการระบายสีการ์ตูนไดโนเสาร์ก่อนตอบเสียงใส
“พี่พายครับ เขามาเยี่ยม”
มิวายิ้มจาง ๆ มือเรียวยกแอปเปิลขึ้นมาเลื่อนดูเบา ๆ
“แล้วพี่พายไปไหนล่ะ”
“ไปทำงานแล้วครับ” เด็กชายตอบเรียบง่าย
หญิงสาวพยักหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวเขาเบา ๆ
“ได้ขอบคุณพี่พายไหมล่ะ”
“แน่นอนครับ” ภูวายิ้มอย่างภาคภูมิ
“เก่งมาก”
มิวาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยีผมเด็กชายเบา ๆ อย่างเอ็นดู
จากนั้นทิ้งตัวนั่งข้าง ๆ ภูวา สายตายังไม่ละไปจากผลไม้พรีเมียมในตะกร้า
ทุกลูกถูกจัดเรียงอย่างพิถีพิถัน มีผลไม้หลายชนิดที่เธอเองยังไม่กล้าซื้อกินเลยในช่วงนี้ เพราะต้องประหยัดแทบทุกบาททุกสตางค์เพื่อเก็บไว้รักษาน้องชาย
“เขา… คงตั้งใจเลือกมา” เธอพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง
ความคิดลอยย้อนกลับไปในช่วงที่เธอยังเรียนมอปลาย ช่วงที่เริ่มรู้จักกับ "พี่พาย" เขาไม่ได้สนิทอะไรมากมายในตอนนั้น แค่เป็นเพื่อนของหมอเชน พี่ชายที่สนิทของเธอสมัยเรียน จนกลายมาเป็นคุณหมอประจำตัวของน้องชายในวันนี้
ทุกครั้งที่เธอไปทำงาน เธอมักต้องฝากภูวาไว้กับหมอเชนหรือไม่ก็พี่พาย... และไม่ว่าเธอจะกลับช้าแค่ไหน เขาก็ไม่เคยปริปากบ่นสักคำ
“ฉันยังไม่เคยขอบคุณเขาจริง ๆ เลย…”
น้ำเสียงเธอเบาจนแทบไม่ได้ยิน ราวกับเป็นความคิดที่เพิ่งเริ่มลอยขึ้นมา
“มิวาชอบพี่พายเหรอครับ”
เสียงใส ๆ ของภูวาทำให้เธอชะงัก หันไปมองน้องชายตาโตที่มองเธอเขม็ง
เธอหัวเราะในลำคอ
“อะไรของเราเนี่ยเด็กบ้า”
“ก็พี่พายชอบพี่มิวานี่นา”
“หืม? ใครบอก” มิวาเลิกคิ้ว
“ผมเดาเอา” ภูวายักไหล่อย่างเด็กฉลาด
“เวลาเขามาหา เขาก็จะถามถึงพี่มิวาทุกครั้งเลย”
เธอนิ่งไปเล็กน้อย หัวใจเต้นแผ่วเหมือนถูกคนดึงผ้าม่านในห้องมืดออกให้แสงสว่างสาดเข้ามา
เขาเคยถามถึงเธอทุกครั้งงั้นเหรอ...
มิวาก้มหน้าลงมองผลไม้ในมือตัวเองอีกครั้ง พลางอมยิ้มบาง ๆ โดยไม่รู้ตัว
บางที... พี่พายอาจไม่ได้ดูแลแค่ภูวา แต่ดูเธอด้วยเหมือนกัน
“งั้น… ไว้เราหายดี พี่จะทำข้าวกล่องไปให้เขากินตอนกลางวันดีไหม”
“เย้! อ้าว แล้วผมล่ะ!” ภูวาประท้วง
“ก็ทำเผื่อเราด้วยน่ะสิ” มิวาหัวเราะขณะดึงแก้มยุ้ย ๆ ของน้องชาย
ก่อนจะลอบถอนหายใจเบา ๆ เมื่อดวงตาคู่สวยเผลอมองออกไปนอกหน้าต่าง
‘เงินค่ารักษาน้องชายฉัน...จะทำยังไงดี’