ไม่นานนัก รถยนต์หรูคันนั้นก็มาจอดที่หน้าอาคารเรียนของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ไซม่อนก้าวลงมาจากรถด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย เงียบขรึมเหมือนทุกวัน แต่หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าในแววตานิ่งนั้นมีเงาของความเหนื่อยล้าและความเศร้าลึกซ่อนอยู่
ทันใดนั้นเอง เสียงทักทายจากกลุ่มเพื่อนสนิทก็ดังขึ้นทันทีเมื่อเขาเดินเข้ามา
“ไอ้ไซม่อน!”
ปราชญ์ เพื่อนสนิทที่เรียนวิชาเดียวกันโบกมือเรียก พร้อมกับพูดกลั้วหัวเราะแฝงความห่วงใย
“เป็นไงวะมึง… ให้กูปลอบใจไหมล่ะ”
ไซม่อนยกคิ้วนิด ๆ แต่ไม่ได้ตอบอะไร
พาย หนุ่มสายชิลอีกคนที่มักจะหาเรื่องให้พวกเขาหัวเราะเสมอ เสริมทันที
“เอางี้ดิ ไอ้ไซบีเรียน เดี๋ยวเย็นนี้กูพาไปเดินคณะอักษรเลย รับรอง เด็กปีหนึ่งเด็ด ๆ ทั้งนั้น ส่วนปีสี่ก็เด็ดเหมือนกัน โดยเฉพาะวิเวียน น่ารักโคตร”
ปราชญ์หลุดหัวเราะในลำคอ “มึงก็ยังไม่เลิกเรียกมันว่าไซบีเรียนอีกเรอะ”
พายยักไหล่ “ก็หน้ามันเหมือนหมาพันธุ์นั้นจริงปะล่ะ”
“กูว่ามึงหน้าควายกว่าเยอะ” ปราชญ์สวนกลับทันควัน ทำเอากลุ่มเพื่อนหัวเราะกันครืน
“เออ ๆ แล้วอีกคนที่มึงว่าอะ ชื่ออะไรนะ น่ารัก ๆ เงียบ ๆ ไม่ค่อยเห็นมาเรียนบ่อยอะ” พายถามต่อ
“มิวาครับ… ไอ้ควาย” ปราชญ์ตอบเสียงเน้น พร้อมปรายตาใส่เพื่อนตัวดี
“มึงก็แรงไป๊! กูพายครับเพื่อน” พายทำเสียงเหนียม ๆ ปนหัวเราะ
“แล้วมึงยังเรียกไซม่อนว่าไซบีเรียนเลยไม่ใช่เรอะ กูเรียกควายไม่แปลก” ปราชญ์ตอบหน้าตาย
“โห่ ไอ้ปราชญ์ มึงนี่รักเพื่อนไม่เท่ากันเลยนะเว้ย”
เสียงหัวเราะของเพื่อนกลบความอึมครึมในใจของไซม่อนไปชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยืนมองเพื่อน ๆ ของเขาทะเลาะหยอกกันเหมือนเคย
จากนั้น พายก็เท้าคางมองไซม่อนอย่างใช้ความคิด แล้วชวนขึ้นมาลอยๆ ว่า
“ตอนเย็นไปหาสาวกับกูเปล่าวะ เผื่อผ่อนคลายหน่อย งานหนักพักบ้างอะไรบ้าง”
ไซม่อนส่ายหน้าเล็กน้อย พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นเช็กเวลา ก่อนตอบเสียงเรียบ
“กูต้องไปทำงานว่ะ โทษที วันหลังละกัน”
“โห เสียดายฉิบหาย” พายคราง “กะจะพาไปจีบเด็กอักษรซะหน่อย ได้ข่าวว่ายังไม่มีใครเคยผ่านมือชายมาเลยด้วยนะเว้ย โดยเฉพาะมิ..”
ปราชญ์ทำหน้าระอา “ไอ้พาย มึงนี่…”
“เอาน่า มันเป็นแรงบันดาลใจให้ชีวิต!” พายเถียงก่อนหัวเราะ “เอาจริง มึงนึกภาพดิ เด็กอักษรหน้าตาใส ๆ ใส่แว่นบางๆ หิ้วหนังสือมาเป็นตั้ง”
“พอเลยไอ้พาย มึงให้เกียรติท่านประธานไนท์คลับหน่อย” ปราชญ์แทรกขึ้นมาก่อนจะหันไปมองไซม่อน “ระดับนี้แล้ว คงไม่จีบแค่เด็กมหาลัยหรอกปะวะ”
“เออเว้ย ท่านประธานสุดหล่อของเรา คิวงานแน่นจีบใครไม่ได้หรอก” พายแซวอีกทีแล้วทำเสียงล้อเลียน
ไซม่อนยิ้มเล็กน้อยแต่แววตามืดมนอย่างเหนื่อยล้า ก่อนพูดขึ้นเสียงนิ่งแต่จริงจัง
“พอ ๆ มึงสองคนอ่ะ… เรื่องรักกูเอาไว้ก่อน ตอนนี้กูต้องจริงจังกับงาน กูสัญญาไว้กับลุงซีโร่แล้ว”
ทันทีที่พูดชื่อซีโร่ เพื่อนทั้งสองก็เงียบไปอึดใจหนึ่ง รู้ดีว่าผู้ชายคนนี้คือเบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของไซม่อนในโลกมืด
“โอเค ๆ เข้าใจละ” ปราชญ์พูดคล้ายถอนหายใจ “แค่จะบอกไว้ว่า ถ้างานหนักหรือเหนื่อยใจเมื่อไหร่ นึกถึงพวกกูไว้เลยนะเว้ย”
“เออ” พายพยักหน้าตาม “ไม่ต้องห่วง พวกกูช่วยมึงคลายเครียดได้ทุกแนว ทั้งแบบถูกกฎหมายและ…เกือบถูก”
“กูจะพิจารณา” ไซม่อนว่าเรียบๆ แต่ในน้ำเสียงนั้นมีแววอบอุ่นซ่อนอยู่
อีกด้านหนึ่ง…
ในห้องเรียนที่แสงแดดอ่อน ๆ ส่องลอดหน้าต่างเข้ามา โต๊ะริมหน้าต่างฝั่งขวาสุดของห้องมีหญิงสาวสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่เงียบ ๆ ระหว่างรออาจารย์เข้ามาสอน วิชาบ่ายวันนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นนักสำหรับใครหลายคน แต่ดูเหมือนบทสนทนาบางอย่างกลับทำให้เวลาผ่านไปเร็วขึ้นกว่าปกติ
“นี่ มิวา แกทำหน้าเครียดอะไรเนี่ย”
วิเวียนที่นั่งไขว่ห้างอยู่ข้าง ๆ เลิกคิ้วถามขณะจัดผมหน้าม้าให้เข้าที่ก่อนจะหันมาสังเกตเพื่อนสนิท
“อ๋อ…” มิวาสะบัดความคิดออกจากหัว “ฉันมีเรื่องที่เครียดนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“หืม… ถ้าฉันถามตอนนี้ แกก็คงไม่เล่าให้ฉันฟังหรอกสินะ” วิเวียนยิ้มมุมปากพลางเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างรู้ทัน “ไม่เป็นไรหรอก ไว้พร้อมเมื่อไหร่ค่อยเล่าแล้วกัน แต่แกอย่าคิดว่าแอบทำหน้าเศร้าแล้วฉันจะไม่สังเกตนะ”
“ขอบใจนะ” มิวายิ้มบาง ๆ ไม่ได้ตอบตรง ๆ แต่แววตาดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“แล้วน้องแกล่ะ เป็นยังไงบ้าง” วิเวียนเปลี่ยนเรื่องพลางหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูรูปแมวในอินสตาแกรมไปด้วย
“ก็ดูแข็งแรงขึ้น หวังว่าจะหายดีเร็ว ๆ นี้ แล้วได้ออกจากโรงพยาบาลซักที…” เสียงของมิวาเบาลงเล็กน้อย คล้ายกำลังพูดกับตัวเอง
“แกเก่งมากเลยนะ ที่รับผิดชอบอะไรหลายอย่างได้ขนาดนี้ ฉันยังบ่นเรื่องโปรเจกต์ไม่จบทุกวันเลย” วิเวียนหัวเราะเบา ๆ แล้วเอื้อมมือแตะหลังมือเพื่อนแผ่วเบา “ว่าง ๆ ไว้ฉันไปเยี่ยมน้องแกดีกว่า เผื่อเอาหนังสือการ์ตูนไปฝาก มีกองอยู่ที่บ้านเต็มเลย”
“ดีเลย น้องฉันชอบอ่านหนังสือการ์ตูนพอดี” มิวาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“แล้วนี่… ช่วงนี้ยังทำงานตอนกลางคืนอยู่เหรอ?” วิเวียนลดเสียงลงแล้วเอียงตัวเข้าไปกระซิบ
มิวาพยักหน้าเบา ๆ “อืม แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันระวังตัวดี แล้วก็… ขอบใจที่แกไม่พูดเรื่องนี้กับใคร”
“เรื่องอะไรล่ะ ฉันไม่ใช่พวกปากโป้งอยู่แล้ว แค่สงสารแกที่ต้องรับผิดชอบอะไรเยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นฉันคงนั่งร้องไห้อยู่ใต้โต๊ะแล้ว” วิเวียนพูดติดตลกจนมิวาหลุดหัวเราะ
“ฉันยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกน่า”
“อื้ม… แล้วนี่ มีคนมาจีบบ้างหรือยังยะ” วิเวียนถามพลางทำหน้าเหมือนกำลังตั้งใจฟังมาก ๆ
“ไม่มีเลย แกจะถามทำไมเนี่ย”
“ก็… ฉันน่ะสิ อยู่ดี ๆ ก็มีรุ่นพี่คณะวิศวะทักมาแชตไอจี!” วิเวียนพูดพร้อมทำตาโต “ทั้งที่ไม่เคยคุยกันมาก่อนเลยนะ เขาทักมาว่า ‘ชอบสไตล์โพสต์ของคุณ’ เชยไหมล่ะ”
“ฮ่า ๆ ๆ” มิวาหัวเราะออกมาจริงจัง “ก็ไม่เชยนะ อย่างน้อยเขาก็พยายามหาทางคุย”
“แต่ที่ตลกคือ เขาทำงานพิเศษอยู่ร้านเดียวกับเพื่อนของเพื่อนฉัน แล้วเพื่อนฉันดันไปแอบได้ยินว่า หมอนี่พูดว่าอยากลองจีบเด็กอักษรดูบ้าง!”
“โห แล้วไงต่อ”
“ก็ไม่ไงหรอก ฉันก็เลยลองคุยดูนิดหน่อย เอาไว้เป็นสีสันชีวิตบ้างนิดนึง” วิเวียนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “แต่แกนี่ดิ ไม่มีใครมาจีบบ้างเหรอ หน้าตาก็หวาน จะว่าไปตอนกลางคืนที่คลับที่แกทำงานต้องมีผู้ชายมองเยอะใช่ไหม”
มิวาส่ายหน้า “มองกับทักมันคนละเรื่องกันนะ แล้วอีกอย่าง ฉันไม่ได้ไปทำงานเพื่อหวังจะมีคนมาจีบ…”
“โอเค ๆ เข้าใจละ สายโฟกัสงานสินะ ทุ่มเทสุด ๆ”
ก่อนที่บทสนทนาจะยืดเยื้อไปกว่านี้ อาจารย์ก็เปิดประตูเข้าห้องพร้อมเสียงวางกระเป๋าหนังสือดัง ปึ้ง
วิเวียนรีบกระซิบเบา ๆ เป็นคำสุดท้าย
“ไว้คาบหน้ามาต่อเรื่องรุ่นพี่คนนั้นต่อนะ”
มิวาส่ายหน้าพร้อมกลั้นหัวเราะ ก่อนที่ทั้งคู่จะหันกลับมาตั้งใจเรียนตามหน้าที่ของนักศึกษาปีสุดท้ายที่ดี