Chapter 11
สองสัปดาห์ต่อมา…
“เฮียค่อย ๆ ลุกขึ้นนะคะ” ยาหยีประคองวายุให้ลุกขึ้นยืน ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่เขาทำกายภาพแบบฝึกเดินกับราว
“เดี๋ยวฉันจะเดินเอง” วายุหันไปบอกยาหยีที่ยังโอบประคองเขาอยู่
เมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของเขา ยาหยีก็ผละตัวออกห่างจากวายุ แล้วปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่ต้องการ
“สู้ ๆ นะคะเฮีย”
“อืม...” เขาตอบรับผ่านลำคอ โดยที่มือสากจับราวคู่ขนานไว้แน่น จากนั้นคนตัวสูงก็ยกขาขึ้นจนตัวสั่นเกร็ง แต่เดินได้เพียงก้าวเดียว ขาแข้งก็อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ล้มพับไปกับพื้นอย่างหมดสภาพ
ตุ้บ!
“เฮีย!...” ยาหยีรีบเข้าไปพยุงวายุด้วยความเป็นห่วง แต่วายุกลับสะบัดมือเล็กออกจากแขนของเขา แล้วทุบกำปั้นลงบนพื้นกระเบื้องอย่างแรงด้วยความโมโหที่เขาไม่สามารถเดินได้ดั่งใจหวัง
ตุ้บ! ตุ้บ!
“โธ่โว้ย! ทำไมถึงเดินไม่ได้สักทีวะ!” วายุตะโกนก้องห้องอย่างหมดหวัง ทั้งที่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเขามีความหวังขึ้นมาแล้ว แต่วันนี้มันกลับสิ้นหวังอย่างไม่เป็นท่า
“เฮียอย่าทำร้ายตัวเองเลยนะคะ วันนี้เพิ่งฝึกเดินวันแรกเอง เดี๋ยวฝึกเดินไปอีกหน่อย เฮียต้องกลับมาเดินได้เหมือนเดิมแน่นอนค่ะ” ยาหยีจับมือใหญ่เอาไว้แน่นไม่ให้เขาต่อยหมัดลงบนพื้น
“เลิกให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับฉันสักที!” วายุตะคอกใส่ยาหยีที่เธอเอาแต่ขายฝันให้เขา
“หนูไม่ได้ให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับเฮียนะคะ แต่หนูเชื่อว่าเฮียจะต้องเดินได้เหมือนเดิม เพียงแต่มันต้องใช้เวลา เฮียอดทนหน่อยนะคะ อย่าเพิ่งท้อ” ยาหยีขยับไปโอบกอดคนตัวสูงไว้แน่น ยิ่งเห็นตาของเขาแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้เธอก็ยิ่งสงสารเขาจับใจ
“เฮียต้องสู้เพื่อตัวเองนะคะ หนูจะคอยอยู่ข้าง ๆ เฮียเอง” ยาหยียกมือลูบแผ่นหลังแกร่งปลอบใจเขาอยู่นาน จนอารมณ์ของเขาสงบลง หญิงสาวจึงจับมือสากยกมาทาบแก้มของเธออย่างอ่อนโยน
“เฮียของหนูเป็นคนเก่ง เฮียต้องสู้ ๆ นะคะ”
เมื่อวายุเห็นยาหยีมองเขาด้วยแววตาเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างล้นเหลือ ชายหนุ่มก็ลูบไล้แก้มนุ่มเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า...
“งั้นฉันขอลองดูอีกครั้ง”
หลังจากยาหยีได้ยินเขาพูดแบบนั้น หญิงสาวก็ระบายยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เธอดีใจที่สุดที่เขากลับมาฮึดสู้อีกครั้ง
“หนูจะรอเฮียอยู่ตรงนี้นะคะ แต่ถ้าเฮียไม่ไหว บอกหนูนะคะ หนูจะเป็นคนเดินไปหาเฮียเอง” หลังจากช่วยประคองคนตัวโตให้ลุกขึ้นยืนจับราว ยาหยีก็เดินไปอยู่ปลายทางของราวฝึกเดิน แล้วยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ผลิบานส่งให้ชายหนุ่ม กำลังใจของเธอเหมือนหยาดน้ำฝนที่ชุ่มฉ่ำตกกระทบหัวใจที่แห้งแล้ง ทำให้เขายิ่งมีแรงฮึดสู้มากกว่าเดิม
สายตาคมกริบเพ่งมองไปยังคนตัวเล็กด้วยแววตามุ่งมั่น พลางคิดว่าเขาจะต้องเดินไปหายาหยีให้ได้ ชายหนุ่มมองยาหยีโดยไม่ละสายตา จากนั้นเขาก็ก้าวเดินช้า ๆ จนกระทั่งเขาสามารถเดินมายืนอยู่ตรงหน้ายาหยีได้
“เย่ ๆ เฮียเดินมาหาหนูได้แล้ว” ยาหยีตวัดแขนโอบกอดเอวสอบด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็ทำได้
“เพราะเธอเลยยาหยี...” เขาผละมือออกจากราว แล้วตวัดแขนกอดตอบหญิงสาวไว้แน่น เพราะเธอ...เหมือนดวงไฟเล็ก ๆ ที่คอยกระตุ้นไฟให้เขามีแรงสู้ต่อ
แต่ในขณะที่หนุ่มสาวกำลังโอบกอดกันด้วยความรู้สึกดีที่มีต่อกันได้แป๊บเดียว ทั้งคู่ก็ล้มลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ด้วยเหตุที่ว่าชายหนุ่มทิ้งน้ำหนักตัวไปทางหญิงสาวทั้งตัว ในขณะที่เขายังคงทรงตัวได้ไม่เต็มร้อย ก็เลยทำให้หนุ่มสาวล้มลงตามแรงโน้มถ่วงโลก
“ว้าย!...เฮีย! อึก!” แผ่นหลังบางกระแทกไปที่พื้น แต่ยังโชคดีที่วายุเอามือรองศีรษะทุยเล็กได้ทัน ไม่อย่างนั้นหญิงสาวคงได้หัวแตกแน่
“เจ็บหรือเปล่ายาหยี” น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยถามหญิงสาวดูเป็นห่วงไม่น้อย
“ไม่เจ็บเลยค่ะ ว่าแต่เฮียเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” ถึงเธอจะรู้สึกเจ็บกลางหลัง แต่ยาหยีไม่ได้เป็นห่วงตัวเองเลยสักนิด เพราะเธอเป็นห่วงเขามากกว่า
“ฉันไม่เป็นอะไร”
“ค่อยสบายใจหน่อยที่เฮียไม่เป็นอะไร งั้นวันนี้เราพักก่อนนะคะ” พูดจบ หญิงสาวก็ลุกขึ้นไปเข็นรถวีลแชร์มาใกล้ ๆ วายุ ก่อนที่จะพยุงเขาขึ้นนั่งบนรถวีลแชร์ จากนั้นเธอก็ไม่วายชมเขาไม่ขาดปากอย่างฉอเลาะ
“วันนี้เฮียเดินได้แล้ว พรุ่งนี้เฮียต้องวิ่งได้แน่นอน หนูบอกแล้วว่าเฮียเป็นคนเก่ง ไม่มีอะไรที่เฮียทำไม่ได้หรอกค่ะ”
“หึ...ช่างพูด” เขาหลุดยิ้มออกมา ก่อนจะเอามือสากลูบหัวยาหยีอย่างอ่อนโยน
การกระทำของเขาในตอนนี้ ถึงเขาจะเอามือลูบหัว แต่ทว่าหญิงสาวกลับอุ่นซ่านไปถึงขั้วหัวใจราวกับว่ากำลังจะได้เฮียวายุคนเดิมกลับมา
23.00 น.
“โอ๊ย ๆ” เสียงโอดโอยดังขึ้นท่ามกลางความมืดสลัว ทำให้วายุรู้สึกตัวตื่นแล้วยื่นมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง จึงได้เห็นยาหยีนอนคว่ำเอามือลูบที่แผ่นหลังตัวเองพร้อมกับทำสีหน้าเจ็บปวด
วายุขยับตัวเข้าไปใกล้หญิงสาว จากนั้นเขาก็ถกเสื้อของยาหยีขึ้น ทำให้เห็นแผ่นหลังบางเป็นรอยช้ำแดง ซึ่งวายุรู้ได้ทันทีว่ารอยช้ำเกิดจากที่เขาล้มทับเธออย่างแน่นอน ชายหนุ่มจึงไม่รอช้าที่จะหยิบยาบนหัวเตียงมาทาให้หญิงสาว
เมื่อร่างบางรู้สึกว่าโดนลูบไล้ที่แผ่นหลัง เธอก็ปรือตาตื่นด้วยอาการงัวเงีย “อื้อ ~ ฮะ...เฮียทำอะไรคะ”
“นอนต่อเถอะ เดี๋ยวฉันจะทายาให้” มือสากลูบหัวหญิงสาวอย่างอ่อนโยนเพื่อกล่อมให้เธอนอนต่อ
“อื้อ...ขอบคุณค่ะ” ยาหยียิ้มขอบคุณราวกับตกอยู่ในภวังค์ความฝันที่แสนอบอุ่น จากนั้นหญิงสาวก็เคลิ้มหลับไปอย่างง่ายดายอีกครั้ง