ตอนที่ 2 คนในใจ

2034 Words
วันต่อมาหลังจบกิจกรรม ในคาเฟ่สุดหรูหน้ามหาวิทยาลัย K จัสมินนั่งไขว่ห้างพลางเขี่ยฟองนมบนแก้วลาเต้ไปมาจนรูปหัวใจสวยงามก่อนหน้ากลายเป็นอะไรสักอย่างที่มองไม่ออก เธอไม่ได้สนใจมันอะไรกับมันนักเพราะถ่ายลงสตอรี่ไปแล้ว “หล่อเนอะ แกว่าไหม?” เจ้ามือเลี้ยงกาแฟถามพลางเปิดรูปในมือถือขณะซูมไปที่ใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มสวมเสื้อช็อปสีแดงซีด ๆ “พี่มหานทีเหรอ?” ทรายหัวเราะคิกหลังเอียงตัวเข้ามาดู “เฮ้ย...อย่าบอกนะว่าแกจะจีบ!” “ก็ไม่เชิง” เธอพูดเสียงนิ่ง “แต่จะทำให้เขามองฉัน...แล้วค่อยเททิ้ง” ริมฝีปากหยักกระจับยกยิ้มคล้ายเชื่อว่าตัวเองควบคุมเกมได้เสมอ “แกจะเอาจริงเหรอวะ จัสมิน” ทรายร้องหลังเพื่อนเอ่ยความต้องการที่เหมือนที่แล้ว ๆ มา “เออสิ ทำไม” “พี่เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว แกจะไปยุ่งกับเขาทำไม ไปแยกคนรักกันเวรกรรมนะแก” ทรายห้ามปราม “ก็แค่ชอบปะ ยังไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย อย่าใช้คำพูดว่ารักกันเหอะ และโดยเฉพาะแกเป็นเพื่อนก็ต้องสนับสนุนฉันสิ” จัสมินหยิบหลอดออกจากแก้วกาแฟเมื่อเห็นว่าฟองนมสีขาวกลืนเป็นสีเดียวกับกาแฟ “แล้วนี่แกจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” ทรายหันไปถามเพื่อนอีกคนที่นั่งเงียบมาตลอด “ฉันปลงแล้ว” ควีนตอบพลางดูดโกโก้ในแก้วต่อ “เฮ้อ... แต่ละคน” ทรายถอนใจ ดูเหมือนจะมีอะไรให้เธอทำอีกแล้วสินะ แม้จะได้เงินจากจัสมินทุกครั้งที่ทำตามคำสั่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ครั้งนี้เธอสังหรณ์ใจว่ามันจะไม่ได้จบง่ายเหมือนที่แล้วมา บ่ายวันนั้นจัสมินก็มาเดินเฉิดฉายในพื้นที่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์พร้อมถุงขนม เธอทำเหมือนทางเดินที่นี่เป็นรันเวย์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ เสียงฮือฮาดังผ่านลำคอนักศึกษาหนุ่มยิ่งทำให้เธอมั่นในใจความสวยของตัวเองมากขึ้น “มาทำอะไรเหรอครับ” เสียงชายหนุ่มถามอย่างสุภาพ “มาหาพี่ลันโซกับพี่โลตัสค่ะ” เธอใช้พี่ชายฝาแฝดทั้งสองเป็นข้ออ้าง เพราะวันข้างหน้าไม่รู้ว่าจะมีหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่คนไหนในนี้ที่จะต้องเป็นของเล่นของเธออีกหรือไม่ “อ้อ ตอนนี้ห้องนั้นน่าจะอยู่ที่อาคารปฏิบัติ ตรงไปเลี้ยวซ้ายก็เห็นแล้วครับ ให้ผมเดินไปส่งไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจ ขอบคุณมากนะคะ” นัยน์ตาสีน้ำผึ้งแวววาวเล็กน้อยก่อนค้อมศีรษะขอบคุณแล้วเดินจากไป “สวยฉิบหาย!” ชายหนุ่มถึงกับสบถเพ้อ ปลายจมูกเขายังได้กลิ่นวนิลาผสมกับผลไม้จากน้ำหอมของหญิงสาวจาง ๆ ขณะมองตามแผ่นหลังเล็ก ๆ และผมลอนที่สยายลงมาครึ่งหลังด้วยความปรารถนา ณ อาคารปฏิบัติงาน นักศึกษาชั้นปี 4 หลายสิบคนต่างขะมักเขม้นกับการรื้อชิ้นส่วนเครื่องยนต์และประกอบกลับเข้าไปใหม่ เสียงโลหะกระทบกันดังแกร๊ง ๆ กลิ่นน้ำมันเครื่องและเหงื่อของผู้ชายผสมกันเป็นกลิ่นเฉพาะที่ไม่มีในคณะนิเทศศาสตร์ จัสมินหยุดเท้าอยู่ตรงหน้าประตู เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นเป็นทอด ๆ เมื่อมีคนหันมาเห็นเธอ ‘นั่นดาวนิเทศคนใหม่ไม่ใช่เหรอวะ?’ ‘นางฟ้าลงมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีก!’ จัสมินแสร้งทำเป็นไม่สนใจต่อเสียงเหล่านั้นทั้งที่ในใจพองโต เสียงชื่นชมเหล่านี้ก็เหมือนเสียงดนตรีสำหรับเธอ ทว่าเสียงทุ้มเย็นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านในตัดบรรยากาศน่าสุนทรีย์ราวกับมีใครเตะปลั๊กลำโพงกลางคอนเสิร์ต “อย่าเดินไปตรงนั้น น้ำมันเครื่องมันหกที่พื้น” นทีใช้ท่อนแขนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและเส้นเลือดปาดเช็ดเหงื่อจากหน้าผากโดยไม่หันมองผู้มาใหม่ เขายังคงก้มหน้าขันน็อตเครื่องยนต์ต่อไปอย่างกับว่าคำเตือนที่เอ่ยมันก็แค่เรื่องธรรมดา ซึ่งสำหรับนทีมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ “พี่นที!” จัสมินเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงสดใสเกินสถานการณ์ “จำหนูได้ไหมคะ เมื่อวานน่ะ...” เธอเดินอ้อมไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม น่าเสียดายที่มีเครื่องยนต์ขวางทำให้ใกล้ชายหนุ่มได้เพียงเท่านี้ “อ๋อ... เด็กคณะนิเทศที่หนีกิจกรรมเองเหรอ” นทีพูดเสียงเรียบและยังคงมองแต่เครื่องยนต์ เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นรอบตัว มีหลายคนอมยิ้มเพราะพวกเขาคิดว่านทีแค่แกล้งสาวสวยเล่น แต่สำหรับจัสมินมันคือการถูก ‘เมิน’ ไม่มีใครไม่ปรารถนาที่จะไม่มองเธอ ไม่มีใครทำให้เธอตกอยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขัน และคนที่จะหลบสายตานั้นมีเพียงแค่เหตุผลเดียวคือความสวยเธอมันแยงตา “พี่นทีพูดแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนหรือเปล่าคะ” จัสมินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความประชดไว้เล็กน้อย “ก็เฉพาะกับคนที่ชอบเข้ามาโดยไม่รู้ว่าที่นี่เป็นเขตปฏิบัติงานที่ต้องใช้สมาธิ” นทียังคงมีท่าทีวางเฉยไว้เช่นเคย มือของเขายังคงหยิบเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง จัสมินยกมุมปากขึ้นจาง ๆ มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากความพอใจแต่มาจากความขุ่นเคืองและเริ่มจะกลายเป็นความท้าทาย เมื่อคำตอบราบเรียบของชายหนุ่มเฉือนลึกเข้ามาโดนเส้นที่ขีดไว้ของจัสมิน “งั้นเอาไว้คราวหน้า หนูจะขออนุญาตก่อนนะคะ... จะได้ไม่มีใครว่าเด็กอย่างหนู... ไม่รู้ว่าที่นี่เป็นเขตปฏิบัติงาน” “คราวหน้า... ไม่ควรมีนะครับ” หญิงสาวนิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนหมุนตัวเข้าหากลุ่มนักศึกษาร่วมห้องของนที เธอชูถุงขนมที่เตรียมไว้ออกมา “หนูซื้อขนมมาฝากพวกพี่ ๆ ในกลุ่มค่ะ เห็นเรียนกันหนัก” “โอ้วว... ลาภปาก ขอบคุณครับน้อง!” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับมือที่รีบเข้ามาดูของกิน ความชุลมุนจากการยื้อแย่งขนมทำให้จิตใจขุ่นข้องของคนสวยพอได้คลายลงบ้าง จัสมินแอบมองพวกเขาอยู่ไม่ไกลและเห็นว่ามีเพียงนทีที่ไม่แตะขนมของเธอ เขาเพียงเช็ดมือบนผ้าขี้ริ้วและเอ่ยเรียบ ๆ “พวกมึงกินกันไปเถอะ กูไม่อยากให้ของดี ๆ เปื้อนคราบน้ำมัน” จัสมินรู้สึกเหมือนถูกตบด้วยผ้าเย็นต่อหน้าคนทั้งห้อง เธอเชิดหน้าขึ้นไม่ใช่เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีแต่เพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าดวงตาและหัวใจของเธอกำลังมีความขุ่นเคือง “หึ!” จัสมินหมุนตัวเดินออกจากบริเวณนั้นทันที เสียงส้นสูงกระทบพื้นซีเมนต์ดังก้องไปทั่วอาคารคล้ายกับจะบอกว่าดอกมะลิคนนี้ไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่าย ๆ หากวันนี้เขากล้าท้าทายเธอ วันหน้าเธอก็จะทำให้เขามากองอยู่แทบเท้าเธอเหมือนกัน และในเวลาไล่เลี่ยกันก็มีใครคนหนึ่งก้าวออกจากมุมอาคารด้านหลังของหญิงสาวที่เพิ่งเดินจากไป เธอคนนี้คือ ลดา วัลย์ลดา เธียรหิรัญ รุ่นพี่วิศวะปี 4 ที่ผู้พบเห็นมักเหลียวมอง ไม่ใช่เพราะความโดดเด่นแบบฉูดฉาดแต่เพราะความเรียบง่ายสะกดใจ ลดามีดวงตากลมโต มีแววตาที่มองดูอบอุ่นราวกับแสงแดดอ่อน ๆ คำพูดคำจานุ่มนวล เรียบง่ายไม่แต่งแต้มมากและมีรัศมีของความจริงใจที่เข้าถึงได้ง่าย “นที...” เสียงเรียกนุ่มนวลดังขึ้นจากหน้าประตู นทีเงยหน้าขึ้นแทบจะทันที แววตาเรียบเฉยจากการถูกรบกวนเมื่อครู่ค่อย ๆ อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ลดาในชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดตายืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ก้าวล้ำเข้าไปในตัวอาคารปฏิบัติงาน เส้นผมตรงเงาเรียบยาวมัดไว้หลวม ๆ ด้านหลัง ดวงตากลมหวานอ่อนโยนแต่กลับทำให้ทุกคนในห้องเงียบโดยไม่รู้ตัว “อ้าว ลดา” นทีเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงความอบอุ่นไว้ในนั้น “มาทำอะไรที่นี่” เขารีบคว้าผ้าขี้ริ้วเช็ดมือให้สะอาดแล้วลุกออกไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้น “พอดีได้ข่าวว่าคณะเรามีแขกพิเศษ ก็เลยอยากมาดูด้วยตาตัวเอง” ลดายกยิ้มคล้ายกำลังแซวคนตรงหน้า นทีไม่ตอบ เขาทำเพียงยิ้มเจื่อน ๆ ลดาก้าวเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง มันใกล้จนชายหนุ่มได้กลิ่นแป้งหอมสะอาดแทนที่กลิ่นน้ำมัน “เด็กคนนั้น...ดาวนิเทศคนใหม่ใช่ไหม” ลดาถามเสียงนุ่มแต่ก็เต็มไปด้วยความเฉียบขาดในที “อืม ใช่” “เฮ้อ ลดาว่านทีอย่าเข้าใกล้เด็กพวกนั้นเลยนะ มันจะทำให้นทีดูไม่ดี” มหานทีนิ่งเงียบไม่ใช่เพราะลดาพูดแรงเกินไป แต่เพราะเข้าใจไปว่าลดาไม่พอใจที่เขามีผู้หญิงคนอื่นเข้าหา มุมปากจึงยกยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ “ครับผม” ชายหนุ่มรับคำเมื่อมั่นใจในความคิดตน “ลดารู้ว่านทีไม่เหมือนคนอื่น แต่คนข้างนอกเขาไม่รู้ด้วย พวกเขามองแค่สิ่งที่เห็น ไม่ได้มองว่าใครเป็นยังไง ลดาแค่เป็นห่วง” ลดาก้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายกลัวว่าตัวเองกำลังละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของชายหนุ่ม “เราเข้าใจแล้ว ลดาไม่ต้องห่วง” น้ำเสียงเขานุ่มลง ลดาเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มสดใสให้เขา “ขอบคุณนะ ที่ไม่ว่าลดาก้าวก่ายเสมอ” เธอเอื้อมมือแตะท่อนแขนชายหนุ่มเบา ๆ ทว่าเพียงแค่สัมผัสเดียวมันก็มากพอที่จะทำให้โลกของมหานทีหยุดหมุน ระหว่างลดากับเขา แม้ไม่ได้พูดว่ารักและเขาก็ไม่เคยถามว่าความสัมพันธ์นี้คืออะไร แต่การมองตาในระยะใกล้แบบนี้ มันชัดมากกว่าคำพูดใด ๆ สำหรับนที ลดาเป็นเหมือนน้ำใสสะอาด บริสุทธิ์ เรียบร้อย อ่อนหวาน สุภาพควรค่าแก่การทะนุถนอมประคองไว้อย่างอ่อนโยน “งั้น ลดาไปเรียนต่อก่อนนะ” “เดี๋ยวสิ” นทีเอ่ยรั้งเพราะอยากมองหน้าลดาต่ออีกหน่อย โดยไม่มีใครรู้เลยว่า ภาพเหล่านี้มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ทุกคนเข้าใจว่าเดินจากไปแล้ว หวนกลับมา... จัสมินเห็นของผู้หญิงคนนั้นแตะท่อนแขนของเขา เห็นรอยยิ้มของเขาที่ไม่เคยมีให้เธอเลยสักครั้ง “อ๋อเหรอ...” เธอเอ่ยเสียงกระซิบพูดคุยกับตัวเอง “อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงแบบฉันจะทำให้พี่นทีดูไม่ดีสักแค่ไหน” จัสมินแสยะยิ้มให้คนทั้งคู่ไกล ๆ ก่อนจากไป ซึ่งครั้งนี้เธอไปจริง ๆ ณ อาคารคณะนิเทศศาสตร์ “เป็นไงบ้างล่ะแก” ทรายยืดตัวถามเพื่อนสนิทที่ใบหน้าบูดบึ้งอย่างใคร่รู้ “เหอะ! จะเป็นไงได้ล่ะ นอกจากพัง!” เธอตอบแล้วฉวยหยิบแก้วโกโก้เย็นของควีนที่ซื้อติดมาดูดรวดเดียวจนเกือบหมด ควีนมองของหวานของตัวเองหายไปต่อหน้าต่อตาเงียบ ๆ “ไหนเล่า” ทรายสะกิดเพื่อนถี่ยิบ “พี่นทีน่ะ...” เรื่องราวทุกอย่างถูกบรรยายจากปากจัสมินอย่างหมดเปลือก ยิ่งเล่าใบหน้างดงามก็ยิ่งแย้มยิ้มด้วยความบูดบึ้ง “พี่นทีพูดตัดบทขนาดนั้น แกยังจะไปต่ออยู่อีกเหรอ?” ทรายถาม “คอยดูเถอะ ฉันจะทำให้เขาหลงฉันจนคลานมากอดขาให้ดู” ประโยคที่เอ่ยขึ้นทำเอาเพื่อนสองคนเงียบกริบ ควีนส่ายหน้า ส่วนทรายเอามือกุมขมับ “คราวนี้แกเจอของแข็งนะจัสมิน” ควีนเตือนเป็นนัย ๆ “แข็งก็ละลายได้ ถ้าไฟแรงพอ” จัสมินยังคงเชื่อว่าสุดท้ายแล้วเธอจะชนะ แถมยังชนะอย่างงดงามเช่นเดียวกับใบหน้าอีกด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD