ตอนที่12

1843 Words
อลิสาก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต้องดิ้นรนเลี้ยงดูน้องชายและตัวเองมาตลอดหลายปี แม้จะเข้มแข็งแค่ไหน แต่บางครั้ง...เธอก็อดไม่ได้ที่จะเผลอเพ้อฝัน ว่าต้องเจ้าชายขี่ม้าขาวที่จะโผล่มาฉุดเธอออกจากชีวิตที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความลำบากในสักวันหนึ่ง ทั้งที่ในความเป็นจริง เธอก็รู้ดี... ไม่มีใครมอบอะไรให้ใครโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่ถึงอย่างนั้น อลิสาก็ยังมีความหวัง หวังเพียงชีวิตที่ไม่ต้องมั่งมีล้นฟ้า ขอแค่ไม่ต้องต่อสู้ทุกวันจนแทบหมดแรง มีบ้านเล็ก ๆ ไว้ให้ซุกหัวนอน มีผ้าห่มอุ่น ๆ คลุมกายยามค่ำคืน มีข้าวสักจานในวันที่หิว และได้หลับสนิทโดยไม่ต้องกังวลถึงวันพรุ่งนี้ เธอเม้มริมฝีปากแน่น ขบคิดหนักด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ถ้าขาดรายได้หลักจากคลับ ก็จะเหลือเพียงรายได้รองจากร้านกาแฟของโบนิต้า ที่แม้จะพอประคองตัวเองได้เล็กน้อย แต่คงไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งของเธอและน้องชายในแต่ละเดือน ยังไม่นับค่าเล่าเรียนของอลันที่บานปลายไม่รู้จบ เกือบทุกสัปดาห์จะต้องมีค่าใช้จ่ายพิเศษตามมาเสมอ “คุณมีครอบครัวหรือยังคะ…” อลิสาถามออกไปเบา ๆ ดวงตาคู่นั้นมองสบเขาอย่างลังเล เธอเพียงต้องการความมั่นใจ ว่าการตัดสินใจของเธอจะไม่พาใครไปผิดทาง…จะไม่เหยียบย่ำลงบนศีลธรรมของใคร ชายหนุ่มสบตาเธอนิ่ง ก่อนตอบเสียงเรียบแต่หนักแน่น “ฉันโสดสนิท ไม่มีเมียหรือแฟน” “ทำไมต้องเป็นหนูล่ะคะ?” ในสายตาเธอ ผู้หญิงที่ดีกว่าเธอมีอยู่นับไม่ถ้วน ถ้าเขาต้องการ เขาสามารถเลือกใครก็ได้ เธอไม่ได้มีเสน่ห์ยั่วยวน ไม่ได้เก่งเรื่องบนเตียง เอาใจไม่เก่ง ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่เข้าใจเลย “จะให้ฉันบอกจริงๆ เหรอ?” เขาถามพลางยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย อลิสาพยักหน้าเบา ๆ เธอมีสิทธิ์จะรู้…ว่าทำไมเขาถึงอยากผูกปิ่นโตกับเธอ “นมหนูใหญ่ เอวบาง ผิวทั้งขาวทั้งเนียนนุ่มเหมือนขนมโมจิ สะโพกใหญ่เวลาที่ฉันกระแทกแล้วโคตรฟิน” อลิสาแทบจะสำลักลมหายใจตัวเอง หน้าแดงซ่านอย่างควบคุมไม่ได้ “แล้วตรงนั้นของหนู ก็ฟิตแถมรสชาติยัง…” “หยุด!” อลิสารีบยกมือขึ้นเบรกใบหน้าแดงก่ำจนเหมือนจะเดือด “ทำไมล่ะ นี่ยังไม่ถึงข้อสำคัญเลยนะ” กว่าจะถึงข้อสำคัญที่เขาว่า ตัวเธอคงระเบิดก่อน น้ำเสียงชวนหมั่นไส้แต่ก็แฝงความขี้เล่น ทำเอาบรรยากาศที่ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยความตึงเครียดพลันเปลี่ยนไป กลายเป็นความรู้สึกแปลก ๆ ที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนลมหายใจกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “หนูตกลงแล้วใช่ไหม” อลิสานิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “แล้วหนูต้องทำอะไรบ้างคะ ตอนเช้าทำงานถึงสิบเอ็ดโมง บ่ายมีเรียน หนูให้เวลาคุณได้แค่ช่วงบ่ายถึงเย็นของเสาร์อาทิตย์” เธอบอกตารางเวลาชีวิตตรง ๆ แบบไม่ปิดบัง ไบรอันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ไม่เป็นไร เรื่องเวลาก็จัดตามที่หนูสะดวกนั่นแหละ ฉันไม่เรื่องมาก” อลิสาเริ่มคลายกังวลไปเปลาะหนึ่ง แต่เสียงทุ้มของเขาก็ดังขึ้นอีก “มีอย่างเดียวที่ต้องทำให้ตรงเวลา... กินยาคุม” หญิงสาวชะงัก หันไปมองเขาด้วยความงุนงง “คะ?” คนตัวโตยกมุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันชอบตอน…แตกในตัวหนูมาก มันทั้งอุ่นทั้งแน่น ฟินมากเลยล่ะ” “...” “ ติดใจสุดๆ จนอยากแตกในอีก” อลิสาเบิกตาโต หน้าแดงก่ำ “คุณพูดอะไรเนี่ย!” ไบรอันหัวเราะเบา ๆ อย่างขำขันที่ได้แกล้งให้เธอหน้าแดงไม่หยุด “เดี๋ยวเราไปตรวจเลือดพร้อมกัน เพื่อความปลอดภัย ทั้งสำหรับหนู… และสำหรับฉันด้วย” “พี่แอล วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ?” อลันที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นถามทันทีที่เห็นพี่สาวกลับเข้าห้องเร็วกว่าปกติ ปกติเวลาประมาณนี้พี่สาวของเขาจะต้องไปทำงาน อลิสาวางกระเป๋าลง แล้วยิ้มบางให้กับน้องชาย “พี่ลาออกแล้ว ต่อไปอันจะไม่ต้องอยู่คนเดียวตอนกลางคืนแล้วนะ พี่จะมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น คอยช่วยสอนการบ้านให้ทุกวันเลย ดีไหม?” ดวงตาของอลันสว่างวาบ เด็กชายรีบกระโดดเข้ากอดพี่สาวอย่างดีใจ “จริงเหรอพี่แอล! อันดีใจมากเลย!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นของเด็กน้อย ทำเอาอลิสารู้สึกอุ่นซ่านในใจ หลายปีที่ผ่านมา เธอทำงานหนักจนไม่มีเวลาอยู่กับน้อง บางคืนอลันต้องนอนคนเดียวท่ามกลางเสียงฟ้าร้องทั้งที่ปกติเขาค่อนข้างกลัว แต่เขาก็ไม่เคยบ่น อดทนอยู่มาได้โดยไม่งอแง อลิสาลูบหัวน้องเบา ๆ ยิ้มจาง ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความกังวล “แต่อัน... ถ้าวันหนึ่งพี่ทำเรื่องที่ไม่ดี เรื่องที่ผิดมากๆ... อันจะโกรธพี่ไหม?” อลันขมวดคิ้วนิด ๆ แล้วส่ายหน้าแรง ๆ “ไม่มีทางหรอก อันรักพี่แอลที่สุด โตขึ้นอันจะช่วยพี่ทำงาน จะได้ไม่ต้องเหนื่อยคนเดียวอีก” คำตอบของอลันทำให้หัวใจที่หนักอึ้งของอลิสาเบาลง เธอยิ้มทั้งน้ำตา รู้สึกว่าตัวเองยังโชคดี แม้จะไม่มีพ่อแม่คอยอุ้มชูเหมือนคนอื่น แต่เธอก็ยังมีน้องชายคนนี้… ครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่ของเธอ คืนนั้นสองพี่น้องนั่งคุยกันนานกว่าปกติ อลันเล่าเรื่องที่โรงเรียน พูดถึงเพื่อน ๆ วิชาที่ชอบ ของเล่นที่อยากได้ ส่วนอลิสาก็ฟังอย่างตั้งใจ หัวเราะไปกับคำพูดเด็ก ๆ ที่สดใส จนกระทั่งทั้งคู่ผล็อยหลับไปบนฟูกนิ่มในห้องเล็ก ๆ ของพวกเขา อลิสากำลังยืนมองบ้านเดี่ยวสองชั้นตรงหน้าอย่างงุนงง สายตากวาดมองตัวบ้านที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรเปิดใหม่ตามข้อมูลที่เธอเพิ่งได้รับบนมือถือเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อน หลังจากชายผู้ผูกปิ่นโตกับเธอหายหน้าหายตาไปเกือบสัปดาห์ จู่ๆ เขาก็ส่งข้อความพร้อมโลเคชันมาให้ คำสั่งระบุเวลาและสถานที่ ให้เธอรีบมาตามกำหนดการทั้งหมดโดยไม่มีคำอธิบายใดๆเพิ่มเติม “สวัสดีค่ะ คุณของขวัญใช่ไหมคะ?” เสียงทักทายดังขึ้นจากหญิงสาวในชุดสูทเรียบร้อยที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน ดูเหมือนจะเป็นเซลล์ของโครงการ และแน่นอนว่าเธอเรียกชื่อผิดแบบเต็ม ๆ อลิสาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเก้อ “เอ่อ... เรียกแอลดีกว่าค่ะ” “ได้เลยค่ะ คุณแอล เชิญเข้ามาชมโครงการด้านในได้นะคะ” อีกฝ่ายตอบอย่างคล่องแคล่ว พร้อมผายมือเชิญเธอเข้าไปในตัวบ้านอย่างสุภาพ บ้านเดี่ยวสองชั้นหลังนี้มีสามห้องนอน สามห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางกำลังดี มีที่จอดรถถึงสองคัน พร้อมห้องรับแขกและห้องครัวตกแต่งสวยงาม เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นจัดวางลงตัวครบครันแบบไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรอีกเลย เรียกง่าย ๆ ว่าแค่หิ้วกระเป๋าใบเดียวก็สามารถย้ายเข้าอยู่ได้ทันที ราคาก็อยู่ในเกณฑ์บ้านใหม่ทำเลดี สิบสี่ถึงสิบห้าล้านบาทโดยประมาณ อลิสาเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ พลางลูบผนังเรียบเนียนกับเฟอร์นิเจอร์บิ้วต์อินด้วยสายตาชื่นชม ทั้งการออกแบบที่ทันสมัย ฟังก์ชันที่ลงตัว และระบบรักษาความปลอดภัยที่ครบครัน เป็นบ้านในฝันของใครหลายคนและหนึ่งในนั้นก็คือเธอ แต่ถึงจะชอบมากแค่ไหน ก็คงเป็นได้แค่ความฝัน เพราะในความเป็นจริง แค่มีที่ซุกหัวนอนทุกคืนก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว เมื่อเดินชมจนทั่ว เซลล์สาวคนสวยที่พูดจาฉะฉานและเป็นกันเองก็มอบรอยยิ้มกว้างสดใสราวกับโฆษณายาสีฟัน ก่อนจะเชื้อเชิญอลิสาให้นั่งพักตรงโซฟารับแขก แล้วเสิร์ฟน้ำเย็น ๆ มาให้เธออย่างใส่ใจ ราวกับว่าเธอคือลูกค้าวีไอพีที่พร้อมจะจ่ายสดทุกเมื่อ “ถูกใจไหมคะ คุณแอล?” อลิสายิ้มเจื่อน ก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมา “บ้านสวยมากค่ะ แต่...ราคาก็ดูจะแพงไปนิด คือ...แอลไม่แน่ใจว่าให้มาเดินดูบ้านทำไมค่ะ” น้ำเสียงเธอฟังเรียบ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความสับสน ต่อให้เธอทำงานเก็บเงินทั้งชีวิต ก็ไม่น่าจะพอซื้อได้แม้แต่ค่าดอกเบี้ยบ้านหลังนี้ด้วยซ้ำ ไม่รู้เหตุผลที่เขาให้เธอมาเดินดูบ้านทำไมให้เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย เซลล์สาวยังคงยิ้มเป็นงาน พร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ “เอ๊ะ...เสี่ยไม่ได้บอกรายละเอียดคุณแอลเหรอคะ? เสี่ยให้คุณแอลมาดูว่าชอบหลังนี้ไหม เพราะเสี่ยซื้อไว้ประมาณสามหลังค่ะ ถ้าหลังนี้ไม่ถูกใจ ดิฉันจะพาไปดูอีกสองหลังที่เหลือได้เลยนะคะ” อลิสาเกือบสำลักน้ำทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น เธอรีบกลืนน้ำก้อนโตลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกเหมือนจะไอออกมาแทบไม่ทัน “อะ...อะไรนะคะ? ซื้อไว้สามหลัง?” เสียงของเธอสูงขึ้นเล็กน้อย ทวนประโยคนั้นอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเธอฟังไม่ผิด “ใช่ค่ะ อีกสองหลังอยู่ห่างจากตรงนี้นิดหน่อย ต้องนั่งรถไปค่ะ” ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย... อลิสาประท้วงอยู่ในใจ แต่ก็ยังพยายามเก็บสีหน้าเอาไว้ “แล้วทำไมเขาไม่มาดูเองล่ะคะ ทำไมต้องให้แอลมาดูแทนด้วย” เธออดถามตรง ๆ ไม่ได้ ก็ในเมื่อเธอไม่ใช่คนซื้อ แล้วทำไมต้องให้มาเลือกบ้านคนอื่น บ้านใครคนนั้นก็เลือกเอาเองซิ เซลล์สาวยังคงยิ้มอ่อน ไม่รู้สึกรู้สากับคำถามใด ๆ ทั้งสิ้น “เสี่ยไม่ได้บอกอะไรคุณแอลเลยเหรอคะ?” เธอหยุดเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนเฉลย “เสี่ยจะซื้อบ้านให้คุณค่ะ มีสามหลังให้เลือกตามความชอบ ถ้าถูกใจหลังไหนก็เซ็นรับได้เลยค่ะ” อลิสานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง คำพูดนั้นแทบไม่เข้าหูทั้งหมด ซื้อให้? บ้าน? ให้เธอ? มันฟังดูเกินจริงเกินกว่าที่สมองจะประมวลผลได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ทำไมต้องซื้อบ้านให้ด้วย ในเมื่อเธอผูกปิ่นโตกับเขาแค่สามเดือน จะให้ย้ายเข้าย้ายออกระยะสั้นมันค่อนข้างเสียเวลา เธอยอมอยู่ห้องพักเดิมแล้วออกมาหาเขาเป็นครั้งคราวน่าจะสะดวกมากกว่า “แอลไม่รับได้ไหมคะ” เธอถามเสียงเบา “อันนี้คุณแอลต้องคุยกับเสี่ยเองแล้วล่ะค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD