ไบรอันเอนหลังพิงโซฟาหนังสีดำสนิทในห้องวีไอพีชั้นบนสุดของคลับหรู แสงสลัวจากโคมไฟดีไซน์โมเดิร์นกระทบกับแก้ววิสกี้ในมือเขา สะท้อนแสงสีทองระยิบระยับราวของล้ำค่า แต่แววตาเขากลับว่างเปล่าและเย็นชาเหมือนผิวน้ำในฤดูหนาว
เขามองแก้วเหล้าในมือราวกับมองทะลุไปไกลแสนไกล ไกลจนไปถึงภาพของหญิงสาวในคืนนั้น ภาพใบหน้าที่มีทั้งร่องรอยความสุขสลับกับความเสียใจฉายชัดติดตา
คืนวันนั้น...เธอทำให้เขาพึงใจมากเสียยิ่งกว่าครั้งแรก ทั้งดวงตาคู่นั้นที่ฉ่ำเยิ้ม ทั้งเสียงครางหวานสะท้านใจ ท่าทีที่คล้ายเรียกร้องให้เขาเข้าครอบครองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่มีอะไรในคืนนั้นที่ไม่ถูกใจเขา
...ยกเว้นแค่ตอนเช้า
เขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้เงินฟาดหัวเธอ
แค่...เป็นสิ่งที่เขาคุ้นชิน
มันง่าย มันเร็ว และไม่มีใครเคยปฏิเสธ
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้น?
ชายหนุ่มกระดกวิสกี้เข้าปากจนหมดแก้ว รสฝาดเผาไหลผ่านลำคออย่างแสบซ่าน ก่อนเทใหม่จนเหล้าในแก้วกลับมาอยู่ในระดับเดิม ราวกับไม่เคยพร่องลงไปเลย
เสียงฝีเท้าแนบแน่นดังมาจากทางเดินด้านนอกประตูบานหนา เฟยเย่ ผู้จัดการร้านเดินเข้ามาในห้องอย่างระมัดระวัง ใบหน้าคมคายเต็มไปด้วยสีหน้าลำบากใจ
“เสี่ยครับ…” เขาเอ่ยเรียกด้วยเสียงต่ำ
-ไบรอันเลิกคิ้ว พลางเหลือบตามองราวกับรำคาญเล็กน้อย “หืม...มีเรื่องอะไรที่ทำให้นายขึ้นมาถึงนี่?”
เฟยเย่กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนเอ่ยเสียงเบาเหมือนกลัวว่าจะกระทบอารมณ์อีกฝ่าย
“เด็กคนนั้น...ลาออกครับ”
ไบรอันยกมือขึ้นลูบปลายคาง พลางกวาดสายตามองเฟยเย่อย่างจับผิด “เด็กไหนล่ะ?”
เฟยเย่เม้มริมฝีปากแน่นเล็กน้อยก่อนตอบเสียงชัด
“ของขวัญของคุณ”
ไบรอันยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มอึกครั้ง รสชาติแสบปลายลิ้นแต่กลับไม่ช่วยดับไฟในอกเลยสักนิด เขาเพิ่งรู้เมื่อสองวันก่อนว่า “ของขวัญ” ที่เขาได้คืนนั้น แท้จริงแล้วเป็นพนักงานเสิร์ฟในไนต์คลับของตัวเอง
เรื่องนี้ทำให้เขาชะงักไปทั้งวัน ไม่อยากเชื่อว่าเธออยู่ใกล้เขาแค่เพียง ใต้จมูก ตลอดเวลา
ยิ่งเมื่อเฟยเย่เดินเข้ามาบอกว่า "เธอลาออกแล้ว" ไบรอันก็เหมือนมีบางอย่างสะดุดในอก ใจเขากระตุกวูบ เก้าอี้หนังแท้ใต้ร่างที่เคยนั่งสบาย กลับกลายเป็นร้อนรุ่มเหมือนมีไฟลุกเผา
เขาขยับตัวเล็กน้อย พยายามควบคุมท่าทางไม่ให้แสดงอาการ แต่แววตาเริ่มแข็งกร้าวขึ้นเมื่อหันไปทางเฟยเย่
“ทำไมถึงลาออก?” เสียงเขาต่ำและนิ่ง “หรือ...เธอรู้แล้วว่าฉันเป็นเจ้าของที่นี่?”
“ไม่ใช่ครับ...” เฟยเย่ตอบเสียงเรียบ ก่อนเว้นจังหวะเล็กน้อย “เพราะเธอถูกทางมหาวิทยาลัยบังคับให้ลาออกครับ”
ไบรอันชะงักไปทันที เสียงในห้องเงียบลงราวกับเวลาหยุดเดิน
“มีข่าวลือว่า...เธอขายตัว ถ้าไม่ลาออก พวกเขาจะลงโทษไล่ออกแทน”
คำพูดของผู้จัดการเหมือนฟาดเปรี้ยงลงกลางอก ไบรอันนิ่งค้าง ราวกับลมหายใจติดขัดอยู่ตรงลำคอ
หรือว่า… วันนั้นที่เขาประกาศกับไอ้สารเลวสองคนนั้นว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขา ข่าวลือที่ว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน เพราะปกติเฟยเย่จะเก็บข้อมูลของทั้งคนขายและลูกค้าไว้เป็นความลับ ความเป็นไปได้เดียวที่มี…ก็คงเป็นเรื่องวันนั้น
“เรียกเธอมาพบฉัน”
“ครับ” เฟยเย่รับคำสั่ง เขาก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงเคารพ ก่อนจะหมุนตัวอย่างเงียบเชียบแล้วก้าวออกจากห้องไป
อลิสาขึ้นลิฟต์มาด้วยความมึนงง เธอเพิ่งไปขอลาออกกับคุณเฟย ผู้จัดการร้าน พร้อมทั้งแจ้งเหตุผลที่ต้องลาออกอย่างกะทันหัน ฝ่ายนั้นไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่บอกให้เธอรอสักครู่ก่อนจะเดินออกไป
และเมื่อเขากลับเข้ามา เขาก็แจ้งให้เธอขึ้นไปบอกเหตุผลกับ ‘เสี่ย’ ด้วยตัวเอง
สามปีที่เธอทำงานอยู่ที่นี่ อลิสาไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าเจ้าของคลับ ได้ยินแค่คำเล่าลือจากพักพิงว่า 'เสี่ย' มีอายุมากแล้ว ภรรยาที่บ้านเลยไม่อนุมัติให้เขามาที่คลับ และมอบอำนาจทุกอย่างไว้ในมือของคุณเฟย พนักงานทุกคนจึงให้ความเคารพผู้จัดการร้านราวกับเขาเป็นเจ้าของตัวจริง
เสียงสัญญาณเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ประตูลิฟต์จะเลื่อนเปิดออก อลิสายืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง...
ชั้นบนสุดของไนต์คลับเป็นเขตต้องห้ามสำหรับพนักงาน เพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับดูแลลูกค้าวีไอพีโดยเฉพาะ
เธอเคยมาที่นี่แล้วสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนรับงานเป็น เมียของขวัญ ส่วนครั้งที่สอง...เธอจำไม่ได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงแต่ว่าเธอถูกพาขึ้นมาที่นี่โดยใครบางคน เขาน่าจะเป็นลูกค้าคนสำคัญมากพอที่จะฝ่าข้อห้ามนั้นได้
อลิสารวบรวมความกล้า ก่อนจะก้าวออกจากลิฟต์ทันทีที่ประตูเหล็กเริ่มจะปิด
ขาเรียวยาวของเธอก้าวช้า ๆ ไปตามโถงทางเดินเงียบสงัด มุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของผู้ที่ควบคุมบังเ**ยนไนต์คลับสุดหรูแห่งนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
อลิสาผลักประตูเข้าไปช้า ๆ เมื่อได้รับอนุญาต เสียงหัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ มือที่จับลูกบิดยังคงสั่นน้อย ๆ อย่างห้ามไม่อยู่
“เอ่อ… สวัสดีค่ะเสี่ย คือ…คุณเฟยให้แอลขึ้นมาพบเรื่องที่แอลจะขอลาออกค่ะ”
ในห้องทำงานเงียบสนิท มีเพียงเสียงของเธอที่ดังก้องเบา ๆ เสี่ยเจ้าของร้านนั่งหันหลังให้ ร่างสูงทิ้งตัวอยู่บนเก้าอี้หนัง เธอมองเห็นเพียงด้านหลังของศีรษะและใบหูเท่านั้น
พักพิงเคยบอกว่าเสี่ยเป็นคนชรามากแล้ว...แต่เส้นผมของเขากลับดำสนิท ไร้แม้แต่เส้นขาว ใบหูก็ดูเรียบตึง ไม่มีเค้าวัยชราสักนิดเดียว
“ทำไมล่ะ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามด้วยความเรียบเฉย แต่กลับกระตุกหัวใจของอลิสาให้สะดุด เธอรู้สึกคุ้นเสียงนั้นอย่างประหลาด...แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินจากที่ไหน
“คือ… มหาวิทยาลัยเข้าใจผิดว่าหนูขายบริการค่ะ ถ้าหนูไม่ลาออก เขาจะไล่หนูออกจากมหา’ลัย”
เธอตอบตามความจริง แม้เสียงจะสั่นไปบ้าง
งานที่คลับแห่งนี้คือเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงทั้งเธอและน้องชาย แต่คราวนี้…เธอไม่มีทางเลือก
“เป็นความผิดของฉันสินะ”
“คะ?”
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น
แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรต่อ เก้าอี้หนังที่อยู่ตรงหน้าก็ค่อย ๆ หมุนกลับมาอย่างช้า ๆ
ปรากฏตัวชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทเรียบหรู ใบหน้าคมคายเหมือนแกะสลัก ดวงตาคมลึกที่ครั้งหนึ่งเคยจ้องมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย
อลิสาเบิกตากว้าง ริมฝีปากขยับออกโดยอัตโนมัติ
“คุณ!”
ทำไมคนที่เคยใช้บริการของขวัญ ถึงมานั่งอยู่ตรงนี้?
“คุณคือ...เสี่ย? เจ้าของคลับนี้หรอคะ?”
อลิสาถามเสียงหลง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ
ชายหนุ่มตรงหน้าพยักหน้ารับช้าๆ
“เป็นไปได้ยังไง...พักพิงบอกว่าเสี่ยชรามากแล้ว ดูแลคลับเองไม่ไหว...แต่ทำไมถึงกลายเป็นคุณไปได้ล่ะ…”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสับสนตกใจ เผลอพูดออกไปตามความคิดโดยไม่กลั่นกรอง
คนที่ถูกเหมารวมว่า "แก่" ถึงกับคิ้วกระตุกเล็กน้อย แม้เขาจะอายุมากกว่าเธออยู่บ้าง แต่คำพูดนั้นก็ดูจะโหดร้ายเกินไปหน่อย โดยเฉพาะเมื่อพูดตรงหน้าแบบนี้
“ถึงจะแก่...” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“แต่ก็ทำให้หนูเพลียมาแล้วไม่ใช่เหรอ...หรือว่าอยากทบทวนความหลังกันอีกสักรอบ?”
ไบรอันก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว จนใบหน้าคมคายนั้นอยู่ห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบ
ลมหายใจอุ่น ๆ ปะทะผิวแก้มของเธออย่างใกล้ชิดเสียจนอลิสาแทบลืมหายใจ
อลิสาเบือนหน้าหนี ไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี หลังจากเจอกันครั้งสุดท้ายที่เธอโปรยเงินให้เขาอย่างไม่ใยดี
ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับคนที่เคยเป็นแค่ลูกค้า…แต่ตอนนี้กลายเป็นเจ้านายของเธอเสียแล้ว
แม้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอก็จะหมดสถานะพนักงานของคลับแห่งนี้ก็ตาม
“เรื่องเมื่อคราวก่อน…ฉันขอโทษนะ”
ไบรอันเอื้อมมือขึ้นลูบปอยผมบางที่ตกลงมาปรกหน้าของอลิสา แล้วค่อย ๆ ทัดหูให้เธออย่างแผ่วเบา
อลิสาไม่ได้โกรธเขา เพราะจริง ๆ แล้วเธอไม่มีสิทธิ์โกรธ
ถ้าเธอระวังตัวเองสักนิด เรื่องร้าย ๆ เหล่านั้นคงไม่เกิดขึ้น ทุกอย่างเกิดจากกความประมาทเลินเล่อของตัวเธอเอง
“หนูไม่ได้โกรธคุณค่ะ”
เธอพูดด้วยเสียงเบา แต่ยังไม่หันกลับไปสบตาเขา
คำพูดนั้นทำให้ไบรอันโล่งใจขึ้นเล็กน้อย เขาดึงคนตัวเล็กให้นั่งลงบนโซฟารับแขก แล้วตัวเองก็ลุกเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“มาเข้าเรื่องกันดีกว่า...หนูต้องลาออกจริง ๆ ใช่ไหม?”
เขาถามเสียงจริงจัง พลางมองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยร่องรอยความเหนื่อยล้า
“หนูจำเป็นค่ะ…”
อลิสาตอบด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย แต่พยายามเก็บอาการ
“ทุกคนที่นี่ดีกับหนูมาก เงินดีด้วย แต่ถ้าหนูไม่ลาออก พวกเขาจะไล่หนูออกจากมหาลัย หนูเคยบอกคุณแล้วว่าอีกแค่สามเดือนหนูจะเรียนจบ หนูสู้มาตลอดสี่ปีแล้ว...จะให้มันพังไม่ได้”
กว่าจะต่อสู้มาถึงจุดนี้เหนื่อยยากลำบากแทบรากเลือด เด็กสาวอายุยี่สิบสองผ่านร้อนผ่านหนาวมาโชกโชน งานหนักงานเบา คำดูถูกเหยียดหยาม สายตาดูแคลน อลิสาพบเจอมาหมดแล้ว
“เพราะฉันใช่ไหม...”
“ไม่ใช่ค่ะ”
อลิสาปฏิเสธเสียงหนักแน่น
“หนูขายจริง ๆ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลย หนูลาแล้วนะคะ เรื่องเมื่อครั้งก่อน…ยังไงก็ขอบคุณมาก อย่างน้อยหนูก็ไม่ต้องโดนผู้ชายสองคนนั้นรุมโทรม”
อลิสายกมือไหว้เขาพร้อมรยยิ้มบาง เป็นครั้งสุดท้ายของการจากลา
แต่ยังไม่ทันที่มือเธอจะจับลูกบิดประตู เสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นจากทางด้านหลัง
“หนูจำเรื่องที่ฉันถามตอนนั้นได้ไหม”
อลิสาเม้มปากแน่น ทำไมเธอจะจำไม่ได้
เรื่องที่เขาขอผูกปิ่นโตกินเธอยาวสามเดือน
“ฉันยังยืนยันคำเดิมนะ” เสียงของเขานุ่มลึกและจริงจัง “ฉันถูกใจหนูมากจริง ๆ”
“...”
“ทุกอย่างระหว่างเราจะเป็นความลับ หนูไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ถ้าออกไปจากที่นี่ หนูจะต้องลำบากแน่…ใช่ไหม?”
เขาเอ่ยอย่างใจเย็น คล้ายกำลังหว่านล้อม แต่ก็มีแววห่วงใยซ่อนอยู่ในน้ำเสียง
“รวมถึงค่าเล่าเรียนของน้องชายหนูด้วยนะ” เขาพูดต่อช้า ๆ “ฉันจะดูแลให้ทั้งหมด จนเขาเรียนจบชั้นประถม”
“คุณรู้เรื่องน้องของหนูได้ยังไง?”
อลิสาหมุ่นตัวกลับมาถามเสียงสี่น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ แม้แต่กับเพื่อนร่วมงาน เธอยังไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังแม้แต่คำเดียว
ไบรอันยิ้มบาง ๆ
“ฉันรู้ทุกอย่าง...ที่อยากรู้”
ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับอลิสาถูกส่งมาถึงเขาอย่างรวดเร็วตามที่ตัองการ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอดีตถึงปัจจุบันหรือเรื่องส่วนตัวแค่ไหน เฟยเย่ก็สามารถหามาเรียงรายตรงหน้าได้อย่างไม่มีพลาด