“เอ่อ เรื่องนี้ แหมนายพลน้อย ผมว่ามันน่าจะนอกเหนือจากเรื่องหมั้นแล้วนะครับ”
“มันเรื่องเดียวกันนั่นแหละครับ ถ้าตระกูลตงยังจัดการปัญหานี้ไม่ได้ ผมคิดว่าถ้ามีข่าวว่าจะหมั้นหมายกันระหว่างสองตระกูล คงจะไม่ดีแน่ ผมเลยอยากถามว่า พวกคุณมีวิธีที่จะแก้ปัญหาตรงนี้หรือยัง ถ้ายังไงตามความเห็นของผม คงจะต้องรอให้เรื่องยุ่งยากนี้คลี่คลายไปก่อน ถึงจะมาคุยเรื่องอื่นต่อได้ ว่าไหมครับเถ้าแก่ตง”
ตงซานหูได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ และพูดไม่ออก หลินซีที่ไม่รู้เรื่องมาก่อน ได้แต่หันไปมองหน้าแม่ของเธอ ทั้งคู่หน้าซีดและพูดไม่ออก เมื่อถูกกู้หานเซียวต้อนเสียจนมุมแบบนี้
“เห็นทีว่าเรื่องที่ได้ยินมาว่า พวกคุณยังต้องเจรจากับทางธนาคารและผู้เสียหายยังไม่จบ จะไม่ใช่แค่ข่าวลือสินะครับ ถ้าแบบนั้นงานหมั้นที่ว่านี้ ยังจะเกิดขึ้นได้อีกเหรอครับ”
“เอ่อ นายพลกู้เรื่องนี้ผมว่า เราคุยกันแล้วนะครับ”
ตงซานหูหันไปคุยกับนายพลกู้หมิง ซึ่งทำท่าหนักใจอยู่ไม่น้อย ระหว่างทั้งคู่ เหมือนว่าจะมีข้อตกลงที่ทุกคนไม่ทราบอยู่
“ในเมื่อเขาไม่อยากหมั้น ก็ไม่ต้องหมั้นสิคะ ก็ยกเลิกไปเลยก็ได้นี่คะ ไม่เห็นต้องทำให้ยุ่งยากเลย”
""ไม่ได้""
ทั้งนายพลกู้ และพ่อของเธอ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พ่อครับ!”
“เรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลัง นี่เป็นงานเลี้ยงสำคัญ แกคงไม่คิดว่าฉันจะพาแกมาที่นี่ เพื่อคุยเรื่องยกเลิกการหมั้นหรอกนะ”
“แต่พ่อครับ”
“พอทีหานเซียว! เรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลัง”
“ไม่ค่ะ หนูเองก็อยากทราบว่า ทำไมถึงยกเลิกงานหมั้นครั้งนี้ไม่ได้ ในเมื่อคนเขาไม่ได้อยากจะหมั้น ทำไมต้องฝืนด้วย อีกอย่าง”
“ซีซี! หุบปากเดี๋ยวนี้”
หลินซีที่กำลังพูดอยู่ ถูกคุณพ่อเธอดุ หานเซียวหันมามองหน้าตงหลินซีที่โกรธจัด ที่จริงเธอไม่ควรพูดอะไรออกมาด้วยซ้ำ เพราะคนที่เริ่มเรื่องวุ่นวายนี้ ก็คือเธอตั้งแต่แรก แต่วันนี้เขากลับรู้สึกว่า ตงหลินซีเปลี่ยนไป แต่บอกไม่ถูกว่าเปลี่ยนไปยังไง เพราะเขาก็ยังเกลียดเธอเหมือนเดิม
‘ตงหลินซี เธอคิดจะมาแผนไหนกันแน่ หรือว่าเธอรู้อะไรมา ถึงได้ทำท่าทางแบบนั้น’
“เอาล่ะค่ะ วันนี้ไม่คุยเรื่องเครียดกันดีกว่า มาดื่มกันสักหน่อย”
“คุณนายคะ คุณหมอหลี่มาแล้ว”
“อุ๊ยตายจริง ขอตัวสักครู่นะคะ พอดีแขกคนสำคัญมาแล้ว”
คุณนายกู้ดูเหมือนจะรีบร้อนลุกจากโต๊ะไปทันที หลินซีที่ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ เพราะถูกตะคอก เริ่มไม่อยากอยู่ในงานเลี้ยง เธอรู้สึกอึดอัดกับคำพูดของคุณนายกู้ ไหนจะสายตาที่ดูถูกของคนตรงหน้า เธอมั่นใจว่ากู้หานเซียว ไม่ได้ชอบเจ้าของร่างนี้เลยแม้แต่น้อย ถึงเขาจะหล่อ แต่ปากเสียแบบนี้ เธอก็ขอผ่านเหมือนกัน
“สวัสดีค่ะท่านนายพล”
“มาเถอะหนูเจินหลิง นั่งข้าง ๆ ป้านี่แหละ คุณหมอหลี่เชิญนั่งค่ะ”
“ครับ ๆ ขอบคุณที่เชิญนะครับนายพลกู้ นายน้อยกู้”
“สวัสดีครับหมอหลี่”
“สวัสดีค่ะพี่หานเซียว”
“คุณหนูหลี่”
หลินซีแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่า คุณนายกู้ต้องการอะไร อีกคนเป็นสาวสวยดีกรีลูกสาวคุณหมอ ส่วนเธอเป็นแค่ลูกพ่อค้าผ้าไหม ที่กำลังมีปัญหา เรื่องนี้เธอไม่เคยถาม และไม่เคยมีใครปริปากพูด แต่คนอย่างตงหลินซี ไม่เคยยอมให้ใครมาดูถูก ไม่ว่าชาติไหน เธอก็ไม่เคยแพ้ให้ใครมาก่อน
“ตายจริงหนูเจินหลิง ไข่มุกนี่สวยมาก สวยจริง ๆ ขอบใจมากนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อบอกว่าคุณป้าชอบสะสมเครื่องประดับ หนูก็เลยไปเลือกซื้อมาค่ะ เห็นว่ามันหายากมาก ๆ เลย หนูคิดว่ามันเหมาะกับคุณป้า ก็เลยซื้อมาฝากค่ะ”
“หนูยังมีน้ำใจเหมือนเดิม ขอบใจมากนะจ๊ะ เห็นว่าสอบติดหมอแล้วใช่ไหมจ๊ะ เก่งจังเลยนะ ลูกไม้หล่นใต้ต้นสินะคะคุณหมอหลี่”
“ครับ ๆ ที่จริงลูกสาวของผม ก็เรียนดีอยู่แล้วด้วยน่ะครับ”
คุณนายกู้จงใจ จะเปรียบเทียบตงหลินซีกับ “หลี่เจินหลิง” แม้ว่ากู้หานเซียว จะไม่ได้รู้สึกสนใจผู้หญิงอีกคน แต่ก็ไม่ได้เกลียดคุณหนูหลี่เท่ากับเธอ
“ไข่มุกก็ปลอม มีอะไรน่าดีใจนักหนา ปกติมุกแท้จะกลมขนาดนั้นได้ยังไง แค่นี้ก็มองไม่ออก ไม่รู้ว่าคนให้กับคนรับ ใครโง่กว่ากัน”
“ซีซี ลูกว่าอะไรนะ”
“เปล่าค่ะ ก็แค่มีเรื่องตลกนิดหน่อย จนอดขำไม่ได้ก็เท่านั้น”
แต่คุณนายกู้ ได้ยินที่หลินซีพูดทุกคำ เพราะเธอนั่งอยู่ไม่ไกล จริงอยู่ว่าเธอก็ดูออกว่า ไข่มุกที่หลี่เจินหลิงเอามาให้เป็นของปลอม แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแม้แต่ตงหลินซีที่ไม่ได้เรื่อง ก็จะมองออกเหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ไกล
“นี่อาเซียว พาน้องไปเต้นรำสิสักหน่อยสิ จะได้ไม่เบื่อ นาน ๆ หนูเจินหลิงจะยอมออกงานสังคมสักครั้ง ไปสนุกกับพี่เขาเถอะจ้ะ มาค่ะพวกเราก็ทานข้าวกันนะคะ”
บรรยากาศที่โต๊ะ เต็มไปด้วยความอึดอัด แม้แต่นายพลกู้ก็ไม่พูดอะไรสักคำ ต่อให้ไม่พอใจแค่ไหนก็ยังไว้หน้าภรรยา ที่อยากได้ลูกสาวหมอหลี่เป็นสะใภ้จนออกนอกหน้า ส่วนหลินซีนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร เธอกำลังคิดว่า ที่ตระกูลตงตอนนี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงของแตก และเหมือนจะมีคนล้ม
เพล้ง!
“กรี๊ดด…”
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ขอโทษทีค่ะฉันไม่ทันระวัง”
ทุกคนหันไปทางฟลอร์เต้นรำ ซึ่งกู้หานเซียวพึ่งจะพาหลี่เจินหลิงเดินไป หลินซีหันไปเห็นผู้หญิง ที่ยืนว่าเธออยู่หน้างานถูกชนจนล้ม ชุดเธอขาดจนเกือบจะโป๊ และยังลุกขึ้นมาไม่ได้
“แย่แล้ว”
“ซีซี นั่นลูกจะไปไหน”
หลินซีลุกขึ้น และแหวกฝูงชนเข้ามา เธอเห็นผ้าปูโต๊ะที่วางแจกันอยู่ จึงรีบยกออก และดึงออกมาทันที
“หลีกทางหน่อยค่ะ!”
ทุกคนตกใจ และหันมามองเธอ แม้แต่กู้หานเซียว ก็นึกแปลกใจที่เธอเดินมาพร้อมกับผ้าผืนเดียว
“เธอจะทำอะไร”
“คุณก็หลีกไปด้วย อย่ามาขวางทาง! ไม่เห็นสภาพเธอเหรอ!”
เธอผลักเขาออกไป และรีบใช้ผ้าคลุมโต๊ะที่ถือมา คลุมตัวของผู้หญิงที่ล้มอยู่ มัดให้เธออย่างรวดเร็ว ไม่มีใครคิดว่าตงหลินซีจะทำเรื่องแบบนี้ หานเซียวได้แต่มองอย่างสนใจ
“คุณลุกขึ้นไหวไหม ฉันจะดึงขึ้นเอง ไปดูชุดกันว่ายังพอใส่ได้ไหม”
“ฉัน… ฉันลุกไม่ไหว ส้นสูงของฉัน”
“โธ่เอ๊ย รองเท้านี่เองสินะตัวปัญหา รอเดี๋ยวนะ”
“เอ๊ะ!”
เธอหันไปถอดรองเท้าส้นสูง ให้ผู้หญิงคนนั้นทันที คนทั้งงาน รวมถึงนายพลกู้และคนที่โต๊ะ ลุกขึ้นมาดูเหตุการณ์ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ใครจะไปคิดว่า ตงหลินซี จะก้มลงไปถอดรองเท้า ให้กับคนอื่นแบบนั้นได้ล่ะ
“เอาล่ะ ทีนี้จับแขนฉันให้แน่น ฉันจะพยุงเธอลุกขึ้นมา”
“เอ่อ ค่ะ ขอบคุณคุณหนูตง ทำไมถึงมาช่วย...”
“มันใช่เวลาไหม รีบลุกขึ้นมาก่อนเถอะ”
เธอพยุง “หวังลี่ชิง”ลุกขึ้นมา และดึงผ้าคลุมที่พึ่งผูกปิดบังเอาไว้ ไม่ให้เธอโป๊
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย”
“ยังไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้ต้องรีบดูชุดของเธอก่อน จะกลับบ้านไปแบบนี้ได้ยังไง เอ่อ… พอจะมีห้องว่าง และอุปกรณ์ตัดเย็บบ้างไหม”
“มาทางนี้ ผมพาคุณไปเอง”
กู้หานเซียวรู้สึกสนใจ และอยากรู้ว่า เธอจะทำอะไรอีก วันนี้เป็นวันแรกที่เขาสนใจตงหลินซี ดูเหมือนว่าหลี่เจินหลิงเองก็ดูออก เธอเดินมาเกาะแขนเขาทันที
“พี่หานเซียวคะ ให้สาวใช้ของตระกูลกู้พาไปก็ได้นี่คะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง”
“เล็กน้อยเหรอ นี่คุณหนูหลี่!”
แค่ได้ยินคำว่า “เรื่องเล็กน้อย” ตงหลินซีถึงกับทนไม่ไหว หันมาหาเรื่องตัวต้นเหตุ อย่างหลี่เจินหลิงทันที
“คุณหนูตง ฉันพูดอะไรไม่เข้าหูคุณหรือเปล่า”
“ไม่เข้าหูฉันมันไม่เท่าไหร่ แต่เธอชน…”
“หวังลี่ชิงค่ะ”
“อ้อ ใช่ ๆ เธอชนคุณหนูหวังล้ม นอกจากฉันจะไม่ได้ยินคำว่าขอโทษจากปากเธอแล้ว ยังมีหน้าไปเกาะแขนผู้ชาย แล้วบอกว่าเรื่องเล็กน้อยอีกเหรอ สำนึกของเธอน่ะมีไหม”
“เอ่อ ฉัน…”
เสียงหึ่ง ๆ ดังขึ้นราวฝูงผึ้ง เมื่อตงหลินซีพูดจบ แม้ว่าจะเคยเป็นตัวตลกในวงสังคม แต่วันนี้เธอกลับทำเรื่องเหลือเชื่อ จนคนทั้งงานต่างก็เห็นด้วย ตอนนี้หลินซีหันไปมองลี่ชิง
“เธอเจ็บขาด้วยเหรอ ขาแพลงสินะ เดี๋ยวฉันจะหาน้ำแข็งมาประคบให้ก่อนนะ คงพอจะช่วยได้”
“เอ่อ คุณหนูตงคือว่าฉัน...”
เธอไม่รอให้ใครได้ทำ หลินซีหันไปที่โต๊ะและเทน้ำแข็งใส่ผ้าเช็ดปาก ที่ยังไม่มีใครใช้ และพาลี่ชิงไปนั่งที่เก้าอี้ เธอนั่งลงกับพื้น และใช้น้ำแข็งโปะไปที่ข้อเท้าของหวังลี่ชิงทันที นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“นายพลน้อยครับ”
“รู้แล้ว เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ครับ”
เอ้อหมิงเดินมา พร้อมกับสาวใช้ด้านหลังอีกสองคน กู้หานเซียวจึงดึงแขน ออกจากการเกาะกุมของหลี่เจินหลิง เขาเดินมาและนั่งข้าง ๆ เธอพลางกระซิบบอกแผ่วเบาด้วยเสียงที่อ่อนโยนลง
“รีบพาเธอไปที่ห้องรับรองเถอะ ของที่คุณต้องการอยู่ที่นั่นหมดแล้ว ตามผมมาทางนี้ดีกว่า”