ตอนที่ 7

1241 Words
กลิ่นหอมของกาแฟลอยอ่อนๆ มาจากมุมครัวของห้องพักหรู โต๊ะอาหารยาวกลางห้องมีขนมปัง ผลไม้ และไข่ดาวจัดวางอย่างเรียบร้อยโดยแม่บ้านโรงแรม ทุกอย่างดูเรียบหรู เหมาะสมกับเช้าวันใหม่ของคู่บ่าวสาวป้ายแดง แต่ว่า "เจ้าบ่าวกับเจ้าสาว" กำลังนั่งกันคนละฝั่งโต๊ะ และไม่มีใครพูดอะไรเลย นอกจากเสียงฟึดฟัดในใจของตัวเอง วราลี นั่งตักผลไม้เข้าปากเงียบๆ แต่สายตาแอบเหลือบมองคนตรงข้ามหลายครั้ง ชายหนุ่มในชุดเชิ้ตแขนพับ กำลังคนกาแฟอย่างอ้อยอิ่ง เหมือนชีวิตนี้ไม่ต้องรีบร้อนอะไร “กาแฟร้อนขนาดนั้น ยังมีหน้าทำตัวชิลได้อีกเหรอ” สิรณัฐเงยหน้าขึ้นช้าๆ ก่อนจะยกแก้วจิบอย่างไม่สะทกสะท้าน “แล้วเธออยากให้ฉันทำอะไรล่ะ? คนกาแฟไป เต้นลีลาศไปด้วยเหรอ” วราลีจ้องตาเขาเขม็ง “อย่างน้อยนายก็ควรจะรู้สึก ‘ผิด’ บ้างนะ ที่เมื่อคืนกลิ้งมากอดฉันน่ะ” “อีกแล้วเหรอ ฉันบอกแล้วว่าเธอเป็นคนกลิ้งมากอดฉันเอง” “หยุดพูดเลยนะ! ฉันฝันว่ากำลังกอดแมวอยู่ ใครจะไปรู้ล่ะว่าเผลอไปกอดหมาเข้า” สิรณัฐ หัวเราะในลำคอเบาๆ “น่าเห็นใจแมวในฝันของเธอเหมือนกันนะ…” เขาพูดพลางหยิบกล้วยมาปอกอย่างละเมียดละไม ราวกับมีเวลาเหลือทั้งวัน บรรยากาศที่โต๊ะเต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่พร้อมจะฟาดฟันกันตลอดเวลา จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือของสิรณัฐดังขึ้น เขารับสาย สายตาเหลือบมองหล่อนครู่หนึ่งก่อนจะวางสาย “วันนี้เราต้องนั่งรถไปด้วยกัน” วราลีเงยหน้าขึ้นทันที เหมือนโดนกระชากวิญญาณออกจากร่าง “ไม่มีทาง!” สิรณัฐ ยักไหล่ พลางพูดเรียบๆ “งั้นจะซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ลุงยามหน้าตึกแทนก็ได้นะ ฉันไม่ขัดหนอก” วราลี กัดฟัน “ก็ได้! ฉันนั่งรถไปกับนายก็ได้! แต่มีเงื่อนไขนะ นายห้ามพูด ห้ามยุ่ง ห้ามแตะตัวฉัน!” “วางใจได้เลย ฉันไม่คิดจะแตะอะไรอยู่แล้ว…” เขาตอบเสียงเรียบ ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ท่าทีสบายๆ ราวกับไม่มีเรื่องอะไรค้างคา จากนั้นก็เดินจากไปอย่างไม่แยแส ทิ้งให้วราลีมองตามด้วยสายตาขุ่นเคือง รถเบนซ์สีดำเงาค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากหน้าโรงแรมหรูอย่างเชื่องช้าและนิ่มนวล ภายในรถที่เบาะหลังกว้างขวาง มีหนุ่มสาวสองคนที่เพิ่งจดทะเบียนกันได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมงนั่งอยู่ด้วยกัน ด้วยบรรยากาศที่เงียบงันและอึดอัด สิรณัฐนั่งพิงเบาะ มองออกกระจกฝั่งขวา แขนแข็งแรงยกขึ้นกอดอก ขณะที่ช่วงขายาวเหยียดออกไปข้างหน้าอย่างไม่แยแสโลก ขณะที่วราลีนั่งตัวตรงเป๊ะ มองออกไปทางกระจกฝั่งซ้าย มือข้างหนึ่งจับกระเป๋าหนังไว้แน่นราวกับมันคือโล่ป้องกันจิตใจ ไม่มีใครพูด ไม่มีเสียงอะไร นอกจากเพลงเบาๆ กับเสียงแอร์เย็นเฉียบ วราลีพยายามนิ่งเฉย แต่กลับอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขาผ่านหางตาแวบหนึ่ง คนข้างตัวไม่ได้ทำอะไรเลย แต่นั่นแหละที่ทำให้เขาดูน่าหมั่นไส้ที่สุด ผมยุ่งนิดๆ จากการไม่ได้เซ็ต เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมบนหนึ่งเม็ด หล่อ…ในแบบที่หล่อนหมั่นไส้จนหายใจติดขัด ด้านสิรณัฐ เขาพยายามมองออกหน้าต่าง แต่สมองกลับเอาแต่คิดถึงกลิ่นหอมบางอย่างที่ลอยมากระทบปลายจมูก กลิ่นน้ำหอมที่เขาไม่เคยสนใจเลยสักนิดก่อน กลิ่นของหล่อน... มันเป็นแบบนี้เหรอ? แล้วทำไมต้องรู้สึก เหมือนอยากเข้าใกล้อีกก็ไม่รู้… และจังหวะนั้นเอง รถยนต์ก็เลี้ยวกะทันหัน วราลีเสียหลักเล็กน้อย ร่างเอนไปทางขวา พอดีกับที่สิรณัฐขยับตัวมาจะหยิบขวดน้ำ และผลลัพธ์ก็คือ ใบหน้าของหล่อนเฉียดแก้มของเขา ปลายจมูกชนกันเบาๆ เสียงลมหายใจของทั้งคู่แนบชิดเกินกว่าจะเพิกเฉย ดวงตาทั้งสองสบกันอย่างจัง และเสียงเพลงในรถดังเบาขึ้นราวกับตั้งใจ 🎶 “We’re closer than we should... but maybe we don’t mind...” โลกหยุดหมุนในวินาทีนั้น หัวใจเต้นแรงชนอกเหมือนจะหลุดออกมา วราลีเบิกตากว้าง รีบถอยตัวกลับทันควัน มือคว้ากระเป๋ามาวางคั่นกลางราวกับโล่กันระเบิด ในขณะที่สิรณัฐชะงักอยู่ท่านั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางๆ ที่มุมปาก “นั่งดีๆ ไม่ได้หรือไง” เสียงเขาเบากว่าปกติ และติดแหบ “ก็รถเลี้ยวแรงนี่ ฉันไม่ได้อยากจะนั่งใกล้นายสักหน่อย” “คงเพราะเธออวบระยะสุดท้ายล่ะมั้ง…” “ไอ้บ้า!” หญิงสาวรีบเบือนหน้าทันที เพื่อกลบเกลื่อนความร้อนวาบบนแก้มนวล แต่ก็ไม่ทัน เพราะสีแดงมันขึ้นมาเด่นชันบนสองแก้มเสียแล้ว สิรณัฐไอเบาๆ แล้วเอนหลังพิงเบาะหันหน้ากลับไปทางเดิม แต่หัวใจยังคงร้อนวาบ “อย่าอ่อยบ่อยนักเลย เพราะยังไงฉันก็ไม่สนใจสินค้าไม่ได้คุณภาพแบบเธอหรอก” เสียงเขาแผ่วเบาแต่ชัดเจน และเจือรอยยิ้มกวนๆ ยั่วโทสะ วราลีหันขวับกลับมามองทันที “สินค้าไม่ได้คุณภาพเหรอ?! นายเอาตาอะไรมองยะ! ฉันน่ะ... สินค้าคุณภาพพรีเมียมระดับ ลิมิเต็ดอิดิชั่นเลยต่างหากล่ะ!” สิรณัฐยักคิ้ว แล้วหัวเราะร่วน “งั้นก็คงมีตำหนิเยอะเลย ถึงต้องเอามาจัดโปรซื้อ 1 แถม 1 แบบนี้” “ไอ้...!” หล่อนเงื้อกระเป๋าเกือบจะฟาดเขาอีกรอบ แต่ก็ห้ามตัวเองไว้ได้ทัน เพราะสายตาของคนขับรถที่มองผ่านกระจกหลังมาพอดี วราลีกัดฟันแน่น แล้วหันกลับไปมองข้างทาง แต่หน้าของหล่อนก็ยังแดงไม่หาย อีตาบ้านี่มัน... มันน่าจับโยนลงกลางทางด่วนให้รถเหยียบจริงๆ เลย! สิรณัฐแสร้งหันหน้ากลับไปทางเดิม แต่หางตายังเหลือบกลับมามองหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังกอดกระเป๋าไว้แน่น หล่อนหันหน้าไปทางหน้าต่าง แต่ก็ไม่สามารถซ่อนสีแดงๆ บนแก้มนวลจากสายตาของเขาได้ เขาเผลอจ้องมอง และก็แอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ในหัวของเขาผุดความคิดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะคิดขึ้นมา วราลีหน้าแดง... เพราะเขาใช่ไหมนะ? บ้าชะมัด... ผู้หญิงอะไร เวลาโมโหนี่มันน่าเอ็นดูเป็นบ้า สิรณัฐเม้มปากเล็กน้อย และสายตาก็ยังหยุดมองวราลีไม่ได้ ดวงตากลมโตของหล่อนที่มักจะดุดันใส่เขาเสมอ แต่มองจากมุมนี้ มันไม่ได้ดูน่ากลัวเลย กลับกัน มันดู... แอบน่ารักดีด้วยซ้ำ ผิวขาวๆ นั่นดูจะเรืองรองกว่าที่เห็นเมื่อคืน ขนตางอนแบบไม่ได้ตั้งใจ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมที่เขาเคยไม่เคยใส่ใจ มันลอยมาแตะปลายจมูกเขาอีกแล้ว และมันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาหายใจโล่งขึ้นเลยสักนิด นี่เรากำลังคิดว่า... ศัตรูของเราน่ารักอยู่เหรอวะ? ชายหนุ่มสะบัดหน้าหนี และมองออกนอกหน้าต่างทันที ก่อนจะแกล้งไอเบาๆ กลบเกลื่อนความคิดบ้าบอในหัวของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD