ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์หลังจากได้เจอกับอินทรคนที่อังเปาไม่คาดคิดว่าจะมีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้ หญิงสาวนัดพบกับใครบางคน ทันทีที่ถึงมาถึงร้านชายคนนั้นก็นั่งรอเธออยู่ก่อนแล้ว
“ขอโทษที่ช้านะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ส่วนนี่เป็นข้อมูลของคนที่คุณอยากได้”
“ทำงานไวจังเลยนะ ส่วนเรื่องเงินฉันโอนให้แล้วนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
คุยกันเพียงไม่กี่ประโยคสายสืบที่อังเปานัดคุยก็เดินออกไปทิ้งไว้เพียงหญิงสาวสวยกับเอกสารในซองสีน้ำตาลหนึ่งฉบับ
มือเล็กค่อยๆ แกะซองกระดาษเปิดออกดูข้อมูลภายใน เธอไล่สายตาอ่านข้อความไปทีละบรรทัด ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยอาการพอใจ
“อินทร เรียกว่าโชคดีหรือร้ายดีนะที่นายได้เจอฉัน”
อินทร พี่ฝาแฝดของอายัน เดิมทีอาศัยอยู่กับบิดาที่เป็นนักดนตรีกลางคืนอยู่ที่ต่างจังหวัด พื้นฐานครอบครัวไม่ค่อยดีนักแม่กับพ่อแยกทางกันตั้งแต่เด็ก แม่หอบข้าวของหนีไปพร้อมกับน้องชายของเขา ถูกเลี้ยงดูมาโดยฝีมือคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว เมื่อเก้าปีก่อนพ่อโชคดีได้บังเอิญพบรักกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอหลงรักพ่อหม้ายนักดนตรีคนนี้จึงชวนมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ
ต่อมาหลังทำงานด้วยกันได้ 3 ปีพ่อก็แต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนนี้ ทั้งยังได้กิจการผับขนาดใหญ่ของเธอมาไว้ในการครอบครอง เธอยกสิทธิขาดในการดูแลผับนี้ให้เขา
“เห็นแก่เงินกันทั้งครอบครัว” อังเปายกยิ้มร้าย
“แต่ก็ดีเพราะสิ่งที่พวกนายชอบฉันมีเยอะเลย คอยดูเถอะอินทรฉันจะเอาเงินซื้อตัวนายให้มาเป็นของฉันให้ได้ จากนั้นก็ใช้นายนี่แหละเป็นเครื่องมือสร้างความเจ็บปวดให้แม่นาย ถึงยังไงก็เป็นลูกชายถ้าเห็นว่านายเจ็บปวดเพราะฉันเธอจะทรมานขนาดไหนกันนะ แล้วหากพวกเขารู้ว่าลูกเมียเก่ากับผัวใหม่เป็นอะไรกัน สงสัยคงเป็นเรื่องใหญ่น่าดู”
หึ!
“ทำหน้าชั่วร้ายอะไรอยู่นะเปา”
“ว๊าย! ทำอะไรของแกเนี่ยผิงตกใจหมด” คนกำลังใช้ความคิดสะดุ้งอย่างแรงหลังจากจู่ๆ ยัยเพื่อนจอมตะกละของเธอก็โผล่พรวดเข้ามาทางด้านหลังแล้วกระซิบข้างหู
“ก็เห็นนั่งทำหน้าเหมือนมีแผนการร้ายตั้งแต่ตอนฉันอยู่หน้าร้านละ บอกมาเลยนะรอบนี้จะไปหาเรื่องผู้ชายคนไหนอีก”
“มีที่ไหนล่ะ”
หมอดูหรือไงย้ะ! แม่นเชียว
“ไม่มีก็ดี เพราะถ้ามีฉันจะฟ้องนะโมบอกว่าช่วงนี้แกทำตัวไม่น่ารักอีกแล้ว”
“หยุดเลยนะผิง ถ้าแกฟ้องอะไรยัยนะโมอีกฉันจะ..จะ” จะอะไรดีล่ะ
“จะอะไรหื้ม?”
ฟึ้บ
เธอหันไปเจอแฟนหนุ่มของขนมผิงกำลังเดินเข้ามาในร้านพอดี มาได้จังหวะมากค่ะพี่เดย์
“ฉันจะบอกพี่เดย์ว่าแกแอบกินขนมหวานเกินจำนวนที่พี่เดย์ห้ามไว้”
“อย่านะ!”
“เอาสิ ถ้าแกหลุดเรื่องฉันกับนะโม ฉันก็จะหลุดเรื่องนี้กับพี่เดย์เหมือนกัน ดูซิ้ว่ารอบนี้ใครจะเจ็บหนักกว่ากัน”
“ร้ายกาจมากเลยนะอังเปา!”
“ไม่ต้องมาทำหน้าบู้บี้ใส่ฉันเลยยัยแบ๊ว ฉันไม่ใช่แฟนแกไม่สงสารหรอกย้ะ”
“รอพี่นานไหมคะน้องผิง”
“ไม่นานค่ะ พี่เดย์เหนื่อยไหมเดี๋ยวผิงไปสั่งของกินมาให้”
“ได้ค่ะ งั้นพี่ขอเหมือนเดิมนะ”
“รับทราบค่ะ”
อังเปาที่เริ่มรู้ตัวว่ากำลังจะถูกมรสุมความหวานของคู่นี้พัดโบกใส่ก็เริ่มหาจังหวะในการหลบหนี
“สวัสดีค่ะพี่เดย์”
“สวัสดีครับ เปามากับผิงเหรอ”
“เปล่าค่ะ เปามาคุยธุระแถวนี้แล้วบังเอิญเจอผิงพอดี”
“อ๋อ เออเห็นผิงบอกว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนเปาโดนบอลอัดหน้ามาหายดีแล้วใช่ไหม” เล่าหมดเชียวนะยัยหนูผิง!
“หายแล้วค่ะไม่ต้องใช้รองพื้นกลบรอยแดงแล้ว”
“ดีแล้วล่ะ” เพราะรอยยิ้มหวานแบบนี้สินะยัยผิงถึงได้หลงนัก
อังเปามองหน้าเดย์ก็ยกยิ้มตอบให้ เธอดีใจแทนขนมผิงมากจริงๆ ที่เจอเดย์ทั้งสองคนดูถนอมความรักของกันและกันมากจนบางทีเธอก็อิจฉา ตั้งแต่รู้ว่าสองคนนี้คบกันก็ไม่เคยเห็นพวกเขาทะเลากันเลยสักครั้ง อย่างมากก็แค่เถียงกันเล็กน้อย ขนมผิงว่าเย็นดั่งสายน้ำแล้วเดย์กลับเย็นเป็นภูเขาน้ำแข็งเสียมากกว่า
“เดี๋ยวเปามีธุระต่อที่มหาลัย ขอตัวก่อนนะคะ”
“อ้าวไม่รอผิงกลับมาก่อนเหรอ”
“ไม่รอแล้วค่ะเจอหน้าอยู่ทุกวัน แต่ช่วงนี้จับตามองไว้หน่อยก็นะคะเหมือนว่ายัยผิงจะเริ่มหม่ำๆ เก่งขึ้นนะ” วางระเบิดลูกสุดท้ายจบอังเปาและเดย์ก็ยิ้มออกมาพร้อมกัน
แม้เดย์จะห้ามแฟนสาวให้ควบคุมจำนวนขนมหวานแต่ละวัน แต่เขาก็รู้ดีว่าอีกคนชอบแอบกิน ห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่
“มาแล้วค่ะพี่เดย์ อ้าวแล้วเปาล่ะคะ”
“กลับไปแล้วล่ะเห็นบอกว่ามีธุระต่อที่มหาลัย” ขนมผิงทำหน้าเจ้าเล่ห์ราวกับกำลังใช้ความคิด เดย์มองหน้าแฟนสาวก็ยกยิ้มยื่นมือออกไปดึงแก้มนุ่มของเธอ
“อ้ะ อะไรคะพี่เดย์”
“ทำหน้าแบบนี้คิดอะไรแผลงๆ อยู่หื้ม”
“ก็อังเปาน่ะสิ ช่วงนี้เหมือนกำลังหมกมุ่นอะไรอยู่เลย ไม่รู้แหละผิงต้องรู้ให้ได้ว่าช่วงนี้เพื่อนทำอะไรอยู่”
“พอเลยค่ะ มาห่วงเรื่องตัวเองดีกว่าไหม วันนี้ห้ามกินขนมหวานแล้วนะคะ”
“อะ อ้าวทำไมล่ะ พี่เดย์สัญญาแล้วนี่คะว่าเย็นนี้จะพาไปลองชิมร้านใหม่ใกล้บ้าน” สาวน้อยยู้ปากพองแก้ม
“ไว้พรุ่งนี้แทนนะ วันนี้เราเปลี่ยนไปออกกำลังกายแทนนะคะคนเก่ง”
“ออกกำลังกายอีกแล้ว” คนโดนบังคับเริ่มแสดงอาการงอแง
“ถ้าผิงไปออกกำลังกายกับพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เพิ่มโควตาขนมให้หนึ่งชิ้นดีไหม”
“จริงนะ!”
“จริงค่ะ”
“พี่เดย์น่ารักที่สุด งั้นเดี๋ยวผิงจะวิ่งให้เยอะๆ เลย”
เดย์มองแฟนสาวด้วยความเอ็นดู ทุกวันนี้มีขนมผิงอยู่ด้วยก็เหมือนเขามีทั้งแฟนทั้งน้องสาวไปในตัว ชีวิตที่จืดชืดไร้สีสันก็มีความสุขขึ้น ยิ้มและหัวเราะมากขึ้น
ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์
อังเปาเดินทอดน่องเข้ามาในคณะที่ได้ชื่อว่ามีเหล่าบรรดาคนคุยเก่าของเธอมากที่สุด นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองจดจ้องเข้าไปในสนามบอลที่เคยถูกอินทรเตะลูกบอลอัดหน้าเมื่อคราก่อน
“เดี๋ยวสิอิน”
เสียงเรียกชื่อนั้นดึงความสนใจให้อังเปาหันไปมอง เธอเห็นอินทรกำลังเดินตรงเข้ามาทั้งยังมีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งตามเขามาด้วย อังเปารีบดึงตัวเองเข้าไปหลบหลังโต๊ะม้าหินแถวนั้น เธอนั่งยองๆ แอบฟังพวกเขาคุยกัน
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าตามหูเธอมีปัญหาหรือไง”
“นายไม่มีแฟนอีกอย่างเราก็รู้จักกันมาตั้งแต่มอปลายแล้ว งั้นเรา..”
“เธอรู้จักฉันแล้วถามสักคำไหมว่าฉันรู้จักเธอหรือเปล่า แล้วการที่ฉันไม่มีแฟนไม่ได้แปลว่าฉันอยากมีดังนั้นถ้าเธอยังยุ่งกับฉันอีกอย่าหาว่าไม่เตือน”
เฉียบ!
อังเปาเผลออกแรงเชียร์อย่างเผลอตัว เมื่อนึกได้ว่าไม่ควรเสียงดังจึงรีบหดหัวเข้ากระดองแล้วดูฉากปฏิเสธรักเงียบๆ
“ถ้านายไปฉันจะนั่งร้องไห้ตรงนี้แล้วบอกว่าถูกนายรังแก”
“ก็ถ้าเธอไม่มียางอายอยากกลายเป็นตัวตลกในคณะก็เชิญ เพราะนั่นมันปัญหาของเธอไม่ใช่ฉัน”
“นี่นาย!”
“เอาสิ แหกปากให้ดังกว่านี้อีกสักนิดคนในคณะจะได้รู้กันว่าเธอกำลังถูกฉันปฏิเสธ”
คำพูดของอินทรเริ่มทำให้สาวน้อยคนนั้นลังเล แม้ทั้งคู่จะอยู่แค่ปีหนึ่งแต่ในช่วงเทอมแรกที่ผ่านมา อินทรก็ได้กลายเป็นคนดังในฐานะนักปฏิเสธรัก เขาถูกสารภาพรักนับไม่ถ้วน แต่จุดจบของทุกคนก็คือการถูกปฏิเสธ เบาหน่อยก็แค่เมินการสารภาพรัก แต่หนักหน่อยก็ถูกด่ากลับไป เรื่องนี้กลายเป็นข่าวซุบซิบมาตลอดทั้งเทอม และแม้ทุกคนจะรู้เช่นนี้แต่ก็มีสาวๆ มาให้เขาปฏิเสธได้เกือบทุกวี่วัน จนกลายเป็นชาเลนจ์ของสาวทั้งในและนอกคณะไปแล้ว
ตอนนี้ทุกคนต่างจับตามอง ไม่รู้ว่านักปฏิเสธรักแบบนี้จะมีผู้หญิงแบบไหนได้ไปครอบครอง
“นายมันผู้ชายน่ารังเกียจ!”
พูดจบเธอคนนั้นก็สะบัดก้นเดินออกไป
“ออกมาได้ละ อย่าทำให้คณะนี้กลายเป็นที่ถ้ำมอง”
อะจึ้ก! โดนจับได้เสียแล้วแฮะ
อังเปาค่อยๆ ก้าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ (ไม่) จริงใจ เธอจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ก่อนจะเดินเข้ามาทักทายชายหนุ่มรุ่นน้องที่เพิ่งมีปัญหากันไป
“นายรู้ได้ไงว่าฉันหลบอยู่”
“ฉันไม่ได้ตาบอด” ทำเป็นเย็นชา คอยดูเถอะฉันจะทำให้นายกลายเป็นหมาน้อยที่เห็นฉันแล้วหางกระดิกดิ๊กๆ รีบวิ่งเข้ามาให้ได้เลย
“ความจริงฉันอยู่ปีสามแล้ว นายเอกก็เพิ่งจะปีหนึ่งดังนั้นเรียกฉันว่าพี่สิ”
“โทษนะ ฉันไม่มีพี่ถ้าอยากได้ญาติเพิ่มก็ไปขอพ่อแม่ ที่นี่ไม่มีให้เธอหรอก” ไอ้เด็กเวร! อังเปาได้แต่สบถด่าในใจ เธอพยายามดึงความอดทนที่มีมาใช้กับผู้ชายปากดีตรงหน้า
“งั้นไม่เป็นไร ยังไงก็ห่างกันแค่สองปีฉันจะไม่ถือก็ได้ แต่เมื่อกี้ที่นายทำไม่รุนแรงไปเหรออีกฝ่ายก็แค่ชอบนายเองนะ”
“ถ้าจำไม่ผิดครั้งที่แล้วเธอปฏิเสธผู้ชายตรงนี้...” เขาตั้งใจย้ำและมองเท้าที่เธอยืน “ตรงที่เดียวกับฉัน รุนแรงกว่านี้อีกนะ”
“ก็ได้ๆ ยกนี้นายชนะ งั้นฉันเลี้ยงข้าวนายเอาไหม”
“ถ้ามีเงินมากนักก็เอาไปบริจาคไม่ต้องมาอวดรวยแถวนี้” พูดจบอินทรก็หันหลังเดินออกไป
“อะไรของเขา ชอบเงินไม่ใช่หรือไง ชิ!”