เป็นเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ที่อังเปาไปตามหาอินทรที่คณะ แต่ทว่าหนุ่มคนนี้กลับลึกลับนัก เธอไปทุกวันกลับไม่เจอหน้าเขาเลยสักวัน จนตอนนี้เธอกลายเป็นลูกค้าร้านประจำของร้านป้าขายเครปหน้าคณะวิศวะไปแล้ว
“เหมือนเดิมค่ะป้า”
“อีกแล้วเหรอ หนูไม่เบื่อบ้างหรือไงกินเมนูเดิมอยู่ทุกวัน”
“ไม่เบื่อหรอกค่ะ กินไปทั้งเดือนยังได้เลย” ระหว่างคุยกับแม่ค้าขายเครปอังเปาก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ป้าคะ ป้าเคยเห็นผู้ชายคนนี้บ้างไหม”
เธอยื่นรูปภาพอินทรที่อุตส่าห์ไปขุดมาจากเพจคนหน้าตาดีคณะวิศวะให้แม่ค้าขายเครปดู
“เคยเห็นสิพ่อหนุ่มคนนี้มาซื้อเครปร้านป้าบ่อยนะ หนูมาตามหาเขาเหรอ”
“ค่ะ! ป้ารู้ไหมคะว่าเขาชอบมาซื้อเครปร้านป้าเวลาไหน”
“อืมเขามาไม่เป็นเวลานะ แต่ส่วนใหญ่จะแว๊บมาช่วงเที่ยง”
มิน่าล่ะถึงไม่เจอเลยสักวัน ช่วงเที่ยงอังเปามักไปเฝ้าเขาที่โรงอาหารวิศวะแต่ทว่าอีกคนกลับมาอยู่หน้าคณะแทน
ครืดดดด
เสียงโทรศัพท์ดึงความสนใจให้สาวสวยหยิบมือถือเครื่องแพงขึ้นมากดรับสาย
“ว่าไงลูกตาล”
(มาเรียนด่วนก่อนที่ยัยนะโมจะไปตามแกถึงคณะวิศวะ!)
“นี่นะโมรู้เหรอว่าฉันอยู่นี่”
(พี่โยธาบอกเห็นแกที่คณะวิศวะทุกวัน จะแก้ตัวยังไงหื้ม รอบนี้ไปตามผู้ชายคนไหนอีกล่ะ)
“กรี๊ดดด ไม่เคยตามผู้ชายย้ะ” ยกเว้นหมอนี่ไว้หนึ่งคน
(ไม่ตามก็รีบกลับมาให้ทันเรียนคาบบ่าย วันนี้มีควิซกลุ่มถ้าแกพลาดคะแนนเก็บอันน้อยนิดที่อาจารย์อุตส่าห์เจียดมาให้แทนการสอบร้อยเปอร์เซ็นต์ของแกได้จบเห่แน่)
“ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ไม่รอให้เสียเวลานานจ่ายเงินเสร็จอังเปาก็รีบคว้าเครปวิ่งกลับไปที่รถ ระหว่างที่เธอวิ่งจากไปชายหนุ่มคนหนึ่งที่เธอตามหามาทั้งอาทิตย์ก็ก้าวเท้าออกมาจากหลังต้นไม้
“ไปได้สักที”
ณ คณะนิติศาสตร์
“มาแล้วๆๆๆๆ” แม่คนเฟียสประจำคณะวิ่งตะโกนมาแต่ไกล แต่ก็กลายเป็นภาพชินตาที่ทุกคนมักเห็นประจำเวลามีควิซ
“มาสักทีนึกว่าต้องจุดธูปอัญเชิญ”
“คนนะไม่นางฟ้า ไม่ต้องมาจุดธูปย้ะ”
“ฉันหมายถึงสัมภเวสีต่างหาก คณะตัวเองก็มีแต่เร่ร่อนไปอยู่คณะวิศวะอยู่ได้ เป้าหมายรอบนี้เป็นใครล่ะแกถึงได้ดูกระตือรือร้นนัก” ลูกตาลไม่อ้อมค้อมถามอย่างตรงไปตรงมา
“ก็แค่เด็กคนหนึ่ง” เด็กเปรตดีๆ นี่เอง คิดจะหลบหน้าฉันไม่มีทางหรอก!
“เด็กที่ว่าคงไม่ได้หมายถึงคนที่เตะบอลอัดหน้าแกใช่ไหม” นะโมเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับช้อนตามองเพื่อนสนิทอย่างจับผิด
“มะ ไม่ใช๊”
“อ่าชัวร์!” ลูกตาลโพล่งขึ้นอย่างมั่นใจ
“ผู้ชายคนนี้เป็นขนมเค้กรสอะไรเหรอ” ขนมผิงถามต่อ
“คงเป็นช็อกโกแลตเข้มข้นมั้ง สัมผัสแรกขมสัมผัสต่อไปก็ขมเหมือนเดิม” คนพูดกลั้วหัวเราะ
“รอบนี้น่าจะอาการหนัก” ทั้งสามสาวต่างมองหน้ากันและพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของลูกตาล
3 ชั่วโมงผ่านไป
“คืนนี้ฉันว่าจะไปเที่ยวพวกแกจะไปดริ๊งด้วยกันไหม ยังไงวันนี้ก็วันศุกร์”
ในที่สุดก็ถึงคืนปล่อยผีของอังเปาเสียที เธอสัญญากับนะโมไว้ว่าเทอมนี้จะเที่ยวให้น้อยลงและตั้งใจเรียนขึ้น ดังนั้นจึงกำหนดวันเที่ยวแค่หนึ่งวันต่ออาทิตย์เท่านั้น ซึ่งก็คือคืนนี้นี่เอง
“วันเดอะบีคลับ แล้วเจอกัน หึ!”
อังเปาก้มมองนาฬิกาข้อมือดิจิตอลพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มตรงถือว่าเป็นฤกษ์ดีของวันนี้ แม่เสือสาวที่เตรียมออกล่าเหยื่อก้าวเข้าไปในคลับใหญ่อย่างมีเป้าหมาย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาคลับแห่งนี้ หากไม่ใช่เพราะใครบางคนเธอคงไม่เหาะมาไกลถึงที่นี่เพื่อเที่ยวหรอก
ร่างบางในชุดเดรสสีดำแขนยาวปาดไหล่ขวาเผยให้เห็นผิวขาวช่วงหัวไหล่ แหวกเอวบางเล็กน้อยให้เห็นทรวดทรง กระโปรงสั้นเหนือเข่าเผยเรียวขายาว เสื้อผ้าและการแต่งหน้าของเธอวันนี้คิดมาดีแล้วว่าหากเขายังไม่สนใจ เธอจะเตรียมเงินก้อนใหญ่ให้เขาไปผ่าตัดตาทันที แต่ก่อนทำเธอจะควักลูกตาเขาออกมาดูก่อนว่ามันบอดหรือฟ่าฟาง
อังเปาเดินมานั่งที่บาร์สั่งค็อกเทลเบาๆ มาดื่มให้ชุ่มคอ ระหว่างนั้นก็เอียงหน้ามองไปทางเวทีซึ่งตอนนี้เป้าหมายของเธอกำลังทำการแสดงอยู่ เขาดีดกีตาร์และร้องเพลง เสน่ห์ตอนนี้มีไม่เบาเลยแต่ทว่าน่าเสียดายหากผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ลูกชายของศัตรูเธอ บางทีเธออาจชอบเขาก็ได้
“มาคนเดียวเหรอครับ” พวกแมลงวี่แมลงวัน
“ค่ะ”
“ผมขอเลี้ยงแก้วนี้ของคุณนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีเงิน”
คนตอบยกยิ้มก่อนจะหุบลงในเวลาต่อมา การแสดงออกของเธอชี้ชัดแล้วว่าไม่อยากคุยต่อ แต่ทว่าผู้ชายคนนี้กลับชอบท่าทีดื้อรั้นของเธอนัก
“งั้นมาดื่มกันสักแก้วไหม หรือไม่กล้า”
“ได้สิ แต่ดื่มเสร็จช่วยไปไกลๆ หน่อยนะ พอดีฉันแพ้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงที่ติดบนตัวนาย”
ก่อนเข้ามาเธอบังเอิญเห็นชายคนนี้กำลังนัวอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ทางไปห้องน้ำ บอกตามตรงว่าแม้เธอจะไม่คิดมากเรื่องพวกนี้ แต่ทว่าหากได้ชื่อว่าเป็นอังเปาแล้วอะไรที่เธอมองว่าเป็นของมือสองหรือสกปรก เธอก็ไม่สนใจชิมเหมือนกัน
กริ้ง
เสียงแก้วกระทบกันดังหนึ่งครั้ง ไม่นานเครื่องดื่มของสองแก้วก็หายลงคอทั้งสองคน
“ผมชื่อนทีนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ฉันไม่สะดวกบอกชื่อ และไม่ยินดีที่รู้จักนายด้วยขอตัวนะ”
ว่าจบอังเปาก็ลุกเดินหนีออกมา แต่ก็ไม่ใช่ต้องการหนีเสียทีเดียว เมื่อกี้ขณะที่เธอชนแก้วดื่มเป้าหมายของเธอก็ลงจากเวทีพอดี เผลอแป๊บเดียวก็หายไปเสียแล้ว
อุตห์ส่ามานั่งเฝ้าคลาดสายตาไปเสียได้!
ตึก ตึก ตึก!
เสียงส้นสูงปลายแหลมกระแทกพื้นทางเดิน อังเปาก้าวฉับๆ ไปพร้อมกับมองหาอินทร เธอมาที่นี่เพราะในข้อมูลบอกไว้ว่าคลับนี้เป็นของแม่เลี้ยงเขาที่ปัจจุบันพ่อเขาเป็นคนบริหาร และเขาเองก็มาร้องเพลงให้ที่นี่เป็นประจำ
“หายไปไหนแล้วนะ”
“นี่ พี่อุตส่าห์มาเฝ้าเธอตั้งแต่ขึ้นเวทีเลยนะ ไม่คิดจะให้กำไรพี่หน่อยเหรอ”
ระหว่างที่เดินผ่านห้องหนึ่งซึ่งบังเอิญแง้มประตูไว้ หูของอังเปาก็กระดิกดิ๊กๆ เรียกให้เธอรู้สึกสนใจ คนอยากรู้อยากเห็นแอบแง้มบานประตูนั้นดูซึ่งโชคดีที่เหมือนจะแง้มถูกบานพอดี ที่นี่เป็นห้องพักของนักดนตรี ภายในมีแค่อินทรที่นั่งจิบน้ำอยู่บนโซฟา ส่วนข้างๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูโตกว่าอังเปาเล็กน้อยนั่งขนาบข้าง มองแค่แว๊บเดียวก็รู้แล้วยัยนั่นอยากกินเหยื่อของเธอ
“ห้องนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผมกรุณาออกไปด้วยครับ”
“ทำไมเย็นชานักล่ะ พี่ตื๊อเธอมาเป็นเดือนแล้วนะไม่สนใจหน่อยเหรอ”
อินทรเริ่มแสดงท่าทางไม่สบอารมณ์ออกมาแต่ก็ใช้เพียงสายตาสื่อสารเท่านั้น ทุกครั้งที่มีลูกค้าเข้าหาแม้จะไม่ชอบใจแต่เขาก็มักจะอดทนเพราะไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้พ่อ ดังนั้นหลังจากเล่นดนตรีเสร็จก็มักจะหายออกมาอยู่ในห้องพักเงียบๆ แต่ใครจะคิดล่ะว่ารอบนี้ลูกค้าเจ้าประจำจะมาดักรอเจอถึงที่นี่
“เอางี้ไหม ถ้าเธอยอมนอนกับพี่หนึ่งคืน พี่สัญญาว่าจะให้สิ่งที่เธอต้องการหนึ่งอย่างพร้อมกับจะไม่มาให้เธอเห็นหน้าพี่อีก”
อังเปาฟังผู้หญิงคนนั้นพูดก็อยากจะหลุดหัวเราะ มีแต่คนโง่ที่กินหญ้าแทนข้าวเท่านั้นแหละถึงจะยอมนอนด้วย
“ได้สิ”
วะ ว่าไงนะ! นายโง่ไหมเนี่ย
ปึง!
อังเปาทนฟังต่อไม่ไหวรีบผลักประตูเข้ามาอย่างหมดความอดทน เนื้อชิ้นนี้เธอเล็งไว้แล้วใครก็ห้ามยุ่งทั้งนั้น!
“นี่น้องชาย นายจะนอนกับคนอื่นไม่ได้นะ”
ร่างบางเดินเข้าไปหย่นก้นนั่งลงบนตักอินทรอย่างถือวิสาสะ
“เธอเป็นใครย้ะ! ออกไปเลยนะ”
“ป้าคะ นี่แฟนหนูค่ะ ป้านั่นแหละค่ะที่ต้องออกไป”
“กรี๊ดดด เธอเรียกใครว่าป้าย้ะ อีกอย่างฉันไม่เชื่อหรอกว่าน้องอินเป็นแฟนเธอ”
“เฮ้อ ก็ได้ๆ งั้นป้าดูดีๆ นะอย่าเพิ่งหัวใจวายไปก่อนล่ะ”
พรึ่บ!
คนเจ้าแผนการอาศัยจังหวะชุลมุนโอบคอหนุ่มรุ่นน้องเข้ามาประกบริมฝีปาก ประทับตรารอยจูบอย่างแนบแน่นต่อหน้าหญิงสาวอีกคน
“กรี๊ดดด! ยัยบ้า”
ผู้หญิงคนดังกล่าวทนดูไม่ไหวสุดท้ายก็ดีดตัวเองออกจากห้อง ซึ่งทันทีที่เธอคนนั้นออกไปร่างอังเปาที่นั่งอยู่บนตักแกร่งก็ถูกหนุ่มน้อยหน้าหล่อโยนลงไปพื้นอย่างไม่เกรงใจ
ตุ้บ!
“โอ๊ย! ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย มันเจ็บนะย้ะ”
“ออกไปซะก่อนที่ฉันจะจับเธอโยนออกไปอีกคน”
“นายกล้าเหรอ?”
“อย่าท้าดีกว่า เธอรู้ว่าฉันกล้า” แววตาแข็งกร้าวจ้องมองอังเปาอย่างเอาจริง
“ก็ได้ งั้นฉันขอพูดกับนายแค่เรื่องเดียวแล้วจะออกไป”
คนถูกโยนลงพื้นแข็งชันตัวลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าปั้นปึ่ง จ้องหน้าคู่สนทนาด้วยแววตาเดียวกับที่เขาจ้องเธอ
“มานอนกับฉัน แล้วนายอยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา”
ไม่เกินคาดไปจากที่อินทรคิดเลยสักนิด เขาถอนหายใจหนักพลันปรับสายตาหน่ายใจมองอังเปาแทน
“เธอก็สวยนะ แต่เสียดายที่ดูไร้สมองไปหน่อย นักดนตรีขายแค่ดนตรีและความเพลิดเพลิน ไม่ได้ขายตัว”
“เหรอ งั้นตอบฉันมาสิว่าทำไมเมื่อกี้นายยอมขายตัวให้ยัยป้านั่น หรือเขาจ่ายหนักกว่างั้นนายก็เรียกค่าตัวมาสิ ฉันจ่ายได้ไม่อั้น”
อินทรถอนหายใจหนักอีกครั้ง อังเปาในสายตาเขาเกินเยียวยาไปแล้วจริงๆ
“ฉันไปขายตัวให้ผู้หญิงคนนั้นตอนไหน?”
“ก็นายตอบตกลงคำขอเธอ”
“ที่ตอบไปแบบนั้นเพราะฉันไม่ได้ตาบอดไง เห็นเธอแอบฟังอยู่ตั้งนานเลยเชิญให้เข้ามาฟังด้านใน”
“นี่นายตั้งใจตอบตกลงเพื่อกระตุ้นฉันเหรอ”
“ฉลาดขึ้นมาแล้วสินะ”
“แล้วนายรู้ได้ไงว่าฉันจะโผล่ออกไปเพราะคำพูดนาย”
“เพราะสายตาเวลาเธอมองฉันดูหิวน่ะสิ เป้าหมายก็เลยคิดว่าไม่น่าต่างกัน และคนชอบเอาชนะแบบเธอมีเหรอที่จะยอมให้คนอื่นแย่งเป้าหมายไป”
“หะ หิว ฉันไปมองนายเหมือนหิวตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ!” เป็นครั้งแรกเลยที่อังเปารู้สึกไม่สบอารมณ์เหมือนเธอกำลังกลายเป็นเหยื่อของอีกคนแทน
“มองฉันตอนนั่งที่บาร์ไม่ละสายตาขนาดนั้น จะปฏิเสธเหรอว่าเธอไม่หิว”
หึ! หลงตัวเองชะมัดนายมันก็แค่เหยื่อให้ฉันเอาคืนยัยแม่ตัวดีของนายเท่านั้นแหละ คอยดูเถอะถ้าฉันทำสำเร็จเมื่อไหร่นายจะเป็นคนแรกที่ฉันจะเฉดหัวทิ้งเลย!