"นายครับ แม่ของคุณทิวาเข้ารับการผ่าตัดแล้วครับ"ปกรณ์รายงาย
"แนวโน้มไปทางไหน"
"ไม่ค่อยดีครับ"
"แล้ว..."
"คุณทิวาหมอให้กลับมารอที่บ้านครับ"
"ให้คนค่อยดูต่อไป"
"ครับนาย"
โรงพยาบาล
ทิวาขับรถมาจอดหน้าโรงพยาบาล หลังมีเจ้าหน้าที่โทรตามให้เธอมาโรงพยาบาลด่วน เธอรู้ทันทีว่ามันไม่ใช่เรื่องดี
"การผ่าตัดไม่ได้ผลตามที่ควรจะเป็นนะครับ เชื้อกระจายไปทั่งรางกายแล้ว ญาติทำใจไว้บ่างนะครับ เพราะตอนนี้คนไข้อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ"ทิวาเข่าแทบทรุดลงตรงนั้น เธอยืนมองรางมารดาผ่านกระจก
"แม่จ๋าา..แม่อย่าเป็นอะไรนะคะ"น้ำตาไหลอาบสองแก้ม เธอนั้งอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหรไม่รู้ เธอไม่รู้จะทำยังไงดี
[สุดท้ายแม่เธอก็จากไป]
เจ้าหย้าโรงพยาบาลยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งส่งให้ทิวา
"ผู้ป่วยฝากไว้ก่อนเข้าห้องผ่าตัดค่ะ"
ถึงทิวาลูกรัก...
ถ้าหนูได้อ่านจดหมายฉบับนี้เเสดงว่าแม่ได้จากโลกนี้ไปแล้ว หนูต้องเข้มแข็งนะลูกส่วนเรื่องศพแม่ไม่ต้องจัดงานอะไร ให้หลวงพ่อสวดแค่คืนเดียวก็พอ แม่จะได้ไปหายายเร็วๆ แม่กับยายจะเฝ่ามองหนูอยู่ข้างบน จงใช้ชีวิตให้มีความสุข
แม่รักลูกที่สุด..
ทิวาอ่านจดหมายด้วยความเจ็บปวด
"ทำไมทุกคนต้องทิ้งทิวาไปหมดค่ะ แล้ววาจะอยู่ยังไงฮืออ..ๆๆ"เธอร้องไห้แบบไม่อายใครแล้วสติเธอก็ดับวูบไป แต่ก่อนที่ร่างเธอจะร่วงถึงพื้น มีมือหนารีบรับร่างเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
"ไปเรียกพยาบาลมาเร็ว"เตชินต์สั่งลูกน้องหลังจากที่เขาอุ้มหญิงสาวไว้ เขาดึงกระดาษในมือหญิงสาวมาถือไว้
"ครับนาย"ปกรณ์รีบวิ่งไปตามพยาบาล
พยาบาลวิ่งมา
"เดี๋ยวรบกวนพาผู้ป่วยวางบนเตียงทางด้านโน้นหน่อยนะคะ"
เตชินต์อุ้มเธอมาวางบนรถเข็นนอนผู้ป่วย
"เกิดอะไรขึ้นค่ะ"พยาบาลเอ่ยถาม
"ผมเข้ามาก็เห็นเธอกำลังจะล้มก็เลยรีบเข้ามารับไว้"
"หน้าจะเป็นลม เดี๋ยวให้คนไข้นอนพักสักครู่นะคะ"
"ครับ"เตชินต์ตอบรับ เขายืนมองร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย บนใบหน้ายังมีคราบน้ำตาอยู่เต็มสองแก้ม เตชินต์
เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาบนแก้มหญิงสาว
ปกรณ์ถึงกลับตาโต นายเขาเช็ดน้ำตาให้ผู้หญิงคนนั้น พอเขารายงานว่าแม่ของผู้หญิงคนนี้เสียชีวิตแล้ว นายก็ทิ้งทุกอย่างมาที่นี้เลย หรือว่านายจะชอบผู้หญิงคนนี้
"ดูเหมือนแกมีไรให้คิดเยอะนะปกรณ์"
"เออ...เปล่าครับนายนายจะเอาอะไรหรือป่าวครับ"
"ไปจัดการเรื่องศพของแม่เธอให้เรียบร้อย"
"ได้ครับนาย"แล้วปกรณ์ก็เดินออกไป
เวลาผ่านไปสักพักเตชินต์ที่นั้งมองทิวาอยู่ห่างๆ แบบเงียบๆทิวาค่อยๆลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นก็คือเพดานห้อง เธอนอนมองเพดานด้วยใจที่แตกสลาย เธอไม่สนว่าเธออยู่ตรงไหน เธอเป็นอะไร
"เอาวาไปด้วยได้ไมค่ะ อย่าปล่อยวาไว้คนเดียว"เธอพูดแล้วก็หลับตาลง น้ำตาไหลออกมาจากหางตาจนเปียกหมอน
เตชินต์นั้งมองเธอสายตาที่อยากจะอ่านออก
เวลาผ่านไป (จดหมาย)เธอนึกได้ลืมตาขึ้นขยับมือว่ายังมีกระดาษในมือหรือป่าว
"หากระดาษแผ่นนี้อยู่หรอ"
ทิวาหันไปตามเสียงที่ดังขึ้น
"คุณเตชิต์"พอเธอเห็นว่าที่ตรงนั้นไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวเธอจงขยับลุกขึ้น เธออยากจะถามเขาว่าทำไมมาอยู่ตรง ก็ดูจะเป็นคำถามที่ไม่น่าถามเท่าไหร่
(เขาคงบังเอิญผ่านมามั่ง)เธอคิดในใจ
"เออ..ค่ะ ขอบคุณนะคะ"
เธอรับกระดาษแผ่นนั้นจากเขามาได้แต่ก้มมองมันเงียบๆ
"เป็นยังไงบ่างค่ะ"เสียงพยาบาลเดินเข้ามาถามอาการหญิงสาว
"เออ..ดิฉันเป็นอะไรหรอค่ะ"เธอถามพยายาล
"คุณน่าจะเป็นลมนะคะ ตอนนี้รู้สึกเป็นยังไงมั่งค่ะ ปวดหัว หรือมีอาการอย่างอื่นอีกหรือเปล่าค่ะ"
"ไม่มีแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"เธอเอ่ยขอบคุณเจ้าหน้าที่
"เดี๋ยวรบกวนญาติผู้เสียชีวิต เซ็นรับร่างผู้เสียชีวิตด้วยนะคะ"
"เออ..ต้องรับเลยหรอค่ะ"เธอถามขึ้นเธอยังไม่รู้จะเอาศพแม่ไปไว้ที่วัดไหน ยังไม่รู้จะไปยังไง
"ค่ะ แค่ญาติเซ็นรับก็นำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นรถได้เลยค่ะ"
"ขึ้นรถหรอค่ะ"
"ใช่ค่ะ ถ้าลุกไหวแล้วเชิญญาติไปติดต่อตรงห้องโน้นได้เลยนะคะ"พูดเสร็จพยาบาลก็เดินออกไป
"ทุกอย่างเรียบร้อยครับนาย รถพร้อมแล้วครับเหลือเเค่ให้ญาติเซ็นถึงจะเอาศพออกได้ครับ"ปกรณ์เขามารายงานเจ้านาย ทิวาหันไปมองทั้งสองคนคุยกัน เขาก็มารับศพญาติเหมือนกันหรอ
"ไปกันเถอะคุณ"เตชินต์หันมาพูดกับทิวา
"ฉะๆ..ฉันหรอค่ะ"เธอถามงงๆ อย่างไม่แน่ใจ
"ครับคุณนั้นแหละ ถ้าไอปกรณ์ผมจะเรียกมันว่ามึงครับ"เตชินต์ตอบ
"คุณจะเอาศพแม่คุณไปไว้ที่วัดไหน เดี๋ยวผมจะให้คนไปติดต่อวัดไว้ก่อน"
ทิวานั่งอึ้งอยู่ เขาต้องการอะไร ทำไมเขาต้องมาจัดการเรื่องแม่เธอด้วย
"ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณหรอก ไปเถอะ"เขาพูดขึ้น
เอาเถอะเขาก็ดูไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร ถึงจะมีลูกน้องค่อยเดินตามตลอดก็ตาม
"ค่ะ"เธอตอบแล้วลุกออกไป
"ทุกอย่างเรียบร้อยครับ เดี๋ยวเราไปตรวจร่างผู้เสียชีวิตก่อนนะครับว่าร่างปกติดี ก่อนนำศพออกไปได้ครับ เชิญครับ"เจ้าหน้าที่ตรงจุดนั้นเดินนำเธอออกมา และพาไปยังห้องดับจิต ทิวากำมือน้อยๆไว้แน่น
"เธอต้องเข้มแข็งนะทิวา"เธอบอกตัวเองพยายามบังคับตัวเอง ทันไดนั้นก็มีมือใหญ่เอื่อมมาจับมือเธอไว้ ทิวาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือนั้นด้วยสายตาที่บอกไม่ถูกแต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ เขาพาเธอเดินเขาไปด้านในที่มีลูกน้องเขาสองคนกับบุรุษพยาบาลอีก2 คนยืนรออยู่แล้ว ตรงกลางเป็นร่างไร้วิญญาณ
ของมารดานอนอยู่บนเตียงมีผาคุมถึงคอ ไอเย็นปะทะตัวเธอทำให้เธอมีอาการสั่นน้อยๆ เตชินต์โอบไหร่ประคองเธอไว้ นะตอนนี้เธอไม่ได้สนใจอะไรแล้ว เธอค่อยๆเดินเขาไปหาร่างมารดา
"แม่จ๋าา สักวันเราต้องได้พบกันอีกนะคะ"เธอพูดทั้งน้ำตานองหน้า ร้องไห้เหมือนใจจะขาด เตชินต์ดึงเธอเขามาให้ชิดอกกว่า เขาพาเธอถอยออกมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
หลังจากนั้นก็มีรถตูสีดำกระจกทึบถอยมารอรับร่างคุณดรุณี ที่อยู่ในโลงเรียบร้อยเเล้ว ทุกอย่างลูกน้องของเตชินต์จัดการให้หมด เธอได้เเต่ยืนมองอย่างทำอะไรไม่ถูก
"รถพร้อมแล้วครับนาย"ปกรณ์เดินมา
บอกเจ้านาย เตชินต์พยักหน้า
"ไปกันเถอะคุณ"เขาพูดพร้อมกับพาเธอเดินขึ้นรถตู้หรูอีกคันที่มาจอดรอรับอยู่ ตลอดเวลาที่รอรับร่างแม่เธอชายหนุ่มประครองกอดเธอไว้ตลอดเวลา ส่วนทิวาเองก็รู้สึกดีเกินกว่าจะบอกให้เขาปล่อย รถที่มีร่างของแม่เธอนำออกไปก่อนเเล้ว
รถเคลื่อนที่ออกจากโรงพยาบาล เธอ
นั้งมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างล่องลอย เธอยังไม่ได้เตียมใจ เธอคิดว่าการผ่าตัดครั้งนี้จะช่วยซื้อเวลาให้แม่เธอได้อยู่กับเธอต่อ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดแม่เธอไม่ได้กลับมาเลยตางหาก คิดมาถึงตรงนี้น้ำตาเธอก็ไหลออกมาอีก
เตชินต์นั้งมองทิวาเงียบๆปล่อยให้เธอร้องให้พอ พอรถมาจอดที่วันเขาก็พาเธอเดินลงมา วันนี้แม่กับยายชอบมา ปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำ เป็นวัดเล็กๆสงบเงียบ
คุณดรุณีได้ฝากเรื่องงานศพเธอกับพระอาจารย์ที่นี้ไว้แล้ว
ทิวาก้มลงกราบพระอาจารย์ พร้อมกับมี
เตชินต์นั้งลงอยู่ข้างๆ
"หักอกหักใจนะโยมนะ เกิด แก่ จ็บ ตาย
มันเป็นเรื่องธรรมดาของสัตว์โลก"
"ค่ะ"เธอตอบหลวงตาทั้งน้ำตา
"เเล้วเรื่องงานศพเอาตาม เจตนารมณ์ ของโยมดรุณีเคยบอกพระอาจารย์ไว้เลยไม ก็คือสวดคืนเดียวแล้วเผาเลย"
"ค่ะ เอาตามที่แม่ต้องการได้เลยค่ะ"
"อืมม..โยมไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ อาตมาจะจัดการให้ เเล้วรอสวดตอนเย็น"
พระอาจารย์เดินออกไปแล้วแต่เธอยัง
นั้งอยู่ที่เดิม โดยที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี เธอไม่อยากกลับบ้านบ้านที่เคยมีแม่ แต่กลับไปคราวนี้เธอจะไม่ได้เจอแม่อีกแล้ว
"เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่ำๆเราค่อยมาใหม่"
ทิวาทำตามที่เขาบอกแต่โดยดี เพราะเธอเองก็ยังงงๆกับชีวิตว่าจะเอายังไงต่อดี ทุกอย่างมันมาไว้เธอยังไม่ได้ตั้งตัว