ผมหยัดกายลุกขึ้นมานั่งอยู่ปลายเตียง ยกมือลูบคมหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ในหัวยังคิดวกวนเกี่ยวกับเรื่องของวาเรย์ ว่าแท้จริงแล้วความจริงมันคืออะไรกันแน่ คำพูดโกหกของเพื่อนสนิททำเอาผมไม่มีสมาธิในการเรียน อดทนรอเวลาทั้งวันเพื่อที่จะมาเคลียร์กันที่ห้องไอ้โยต่างหาก แต่ตอนนี้ผมเสือกปากหนักพูดอะไรไม่ออก มันติดอยู่บนริมฝีปากนี่เอง โปรเจคที่กำลังช่วยกันทำก็ไม่ได้ดึงสติผมให้กลับมา โยคอยเหลือบมองผมเป็นระยะ ต่างจากไอ้โซ่ที่ทำตัวสบายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันสองคนเองก็ไม่คุยกัน ส่วนผมก็ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไงดี “มึงมีอะไรหรือเปล่าวะชาร์” “.....” “กูเห็นมึงเป็นแบบนี้ตั้งแต่เช้าละ” ไอ้โยที่หมดความอดทนก่อนถอนหายใจพรืดยาว มองหน้าโซ่มันด้วยสีหน้าเอือมระอา ก่อนจะสลับสายตามองมาที่ผมอีกครั้ง “ไม่ดิ พวกมึงสองคนเป็นอะไร” มันพูดต่อ “กูหรือไอ้ชาร์” “ก็มึงทั้งคู่.. นั่นแหละ” สายตาผมที่สบกับไอ้โยขยับมองไอ้โ