วันงานมาถึงสี่ตัวแสบตระกูลฟู่แต่งตัวกันอย่างเรียบร้อยสวยหล่อโดยเฉพาะสองแฝดกำลังเจ้าเนื้อนั้นน่ารักเป็นพิเศษเสียจนท่านแม่จับอินจื้อไปฟัดเสียหลายรอบ และได้รับสายตาบิดาที่มองอย่างริษยา
‘บิดาข้ามีรักลึกซึ้งเสียจริง ทุกวันได้กอดมารดาก็ยังไม่รู้จักพอ แค่น้องชายของนางทำเป็นหวง’
“ท่านแม่พอเถอะ แค่นี้อินจ้านกับอินจื้อ เหมือนเด็กกำพร้าไร้บิดาเข้าไปทุกวัน” ฟู่อินเหยาเตือนท่านแม่ ทั้งขยิบตาให้มองไปยังบุรุษขี้งอนผู้นั้น ที่ยืนเอามือไพล่หลังทำสีหน้าไม่พอใจ
“บิดาเจ้าเหมือนเด็กไม่รู้จักโต” ไป๋เฟิ่นโยว่ไม่ได้พูดเกินจริง ทั้งยังแอบป้องปากกระซิบกับลูกสาวด้วยกลัวว่าสามีจะน้อยอกน้อยใจงอนนางเสียอีก
“จริงเจ้าค่ะท่านแม่ หากตอนนั้นรู้ว่าท่านพ่อนิสัยเช่นนี้ ข้าว่ารุ่ยอ๋องก็ไม่เลว”
อีกคนที่ได้ยินอะไรรุ่ยอ๋องก็เพ่งตามองลูกสาวคนโตทันที
“เจ้ากำลังนินทาอะไรข้าอยู่” คนร้อนตัวอย่างฟู่ลีหยวนรู้ว่าตัวเองโดนแม่ลูกรวมหัวกันนินทาก็เปล่งเสียงออกมาให้รู้ว่าเขาไม่ได้หูหนวกนะ
“ก็แค่เปรียบเทียบ” ฟู่อินเหยาไม่กลัวบิดาอยู่แล้ว ต่อให้เสียงดังแค่ไหน แค่นางส่งสายตาโกรธเคืองบิดาก็ยอมอ่อนลงทันที
“นี่แหละนะ บุรุษเจ้าชู้มักแพ้สายตาบุตรสาวใสซื่อเช่นนาง”
ใสซื่อกับผีนะสิ! ฟู่ลีหยวนคิด
“รีบไปกันเถอะ วันนี้อย่าก่อเรื่องเล่า ไม่เช่นนั้นจวนแม่ทัพจะขายหน้าเอา” ไป๋เฟิ่นโยว่เตือนสี่แสบของนาง แต่มองสีหน้าและแววตาแต่ละคนนางถึงขนาดต้องถอนหายใจ
‘เห้อ...หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องนะ’
รถม้าคันใหญ่บุที่นั่งด้วยใยฝ้ายจนนุ่มน่านั่ง แม้แต่นอนก็สบาย ด้วยความคิดของลูกสาวของนาง เมื่อเหล่าเด็ก ๆ ทั้งสี่ขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว รถม้าตระกูลฟู่ก็ออกเดินทางไปยังตระกูลเหลียงทันที
เมื่อถึงด้านหน้าตระกูลเหลียงเหล่าเด็ก ๆ เดินเรียงแถวลงมา ตามด้วยท่านแม่ทัพฟู่และปิดท้ายด้วยฮูหยินฟู่ที่ยังคงงดงามหาสตรีเปรียบได้ยากนัก
“คารวะแม่ทัพฟู่ ฮูหยินฟู่” เสนาบดีเหลียงหรือเหลียงเต๋อเข้ามาต้อนรับอย่างนอบน้อมเสียจนทั้งคู่เกรงใจต้องคารวะกลับ
“ท่านเสนาบดีเกรงใจเกินไปแล้ว วันนี้ข้าพาบุตรชายบุตรสาวมาด้วยเจ้าค่ะ” ไป๋เฟิ่นโยว่พูดกับเจ้าภาพจัดงานในคืนนี้แล้วก็หันไปเรียกเด็ก ๆ “เด็ก ๆ มาคารวะท่านเสนาบดีกับฮูหยินเหลียงสิ”
สามพี่น้องมองพี่ใหญ่ว่าจะทำเช่นไร เขาจะได้ทำตาม เมื่อเห็นพี่ใหญ่ขยับเขาก็ขยับไปด้านหน้า ทั้งทำหน้าตาน่ารักก่อนจะคารวะอย่างพร้อมเพรียงกัน
“คารวะท่านเสนาบดีเหลียง ฮูหยินเหลียง”
หงอิงเพ่ยได้เห็นเหล่าเด็ก ๆ หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา บุตรสาวก็งดงามน่าเอ็นดู บุตรชายก็หล่อเหลาน่ารักน่ากอดทำให้ตนเองอยากมีลูกเล็ก ๆ เพิ่มอีกสักคน
“เหล่าเด็ก ๆ น่ารักเช่นนั้น น่าอิจฉาฮูหยินกับท่านแม่ทัพยิ่งนัก”
ไป๋เฟิ่นโยวได้แต่ยิ้มรับอย่างเต็มอกเต็มใจ ผิดกับแม่ทัพฟู่ที่เบือนหน้าหนีราวกับเหม็นเบื่อเจ้าพวกตัวเล็กตัวน้อย ที่หาทางกลั่นแกล้งเขาที่เป็นบิดาไม่เว้นวัน ทั้งเป่าหูภรรยาของเขาให้มีสามีใหม่เมื่อเขาอ้าปากจะบ่นสักคำ เรียกได้ว่าบิดาเช่นเขาเจ้าพวกนี้ไม่เคยเห็นหัว
“เช่นนั้นเชิญด้านในเถอะเจ้าค่ะ” หงอิงเพ่ยให้สาวใช้นำไปนั่งยังโต๊ะของตระกูลฟู่ที่จัดไว้ให้แล้ว โดยการจัดการนี้จะแบ่งโต๊ะเป็นครอบครัวแต่ละครอบครัวให้นั่งด้วยกัน โดยมีโต๊ะประธานอยู่ตรงกลาง
ฟู่อินเหยาสอดส่ายสายตา วันนี้มีสตรีมากหน้าหลายตาที่มาในงาน หากเดาไม่ผิดคงคิดจะจับคู่ให้กับบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลกระมัง นางคิดแล้วก็ยกยิ้มมุมปาก
“ท่านแม่ข้าไปเดินเล่นนะเจ้าคะ” ฟู่อินเหยาอยากสำรวจให้ทั่วตระกูลเหลียงเสียหน่อย ไหน ๆ ก็มีโอกาสแล้ว
ไป๋เฟิ่นโยว่คราแรกก็คิดหนัก หากปล่อยให้เจ้าพวกนี้ไปเล่นซนด้วยกัน มีหวังตระกูลเหลียงได้วุ่นวายแน่ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาของอินจื้อ นางก็ปลงใจพยักหน้าพร้อมกำชับเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“อย่าซุกซนเล่า อินเหยาดูแลน้องให้ดี”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
ฟู่อินเหยารับปากไปก็ขยิบตาให้เหล่าพี่น้องของนาง วันนี้ตระกูลเหลียงต้องรู้ทุกซอกทุกมุม นางเดินไปยังที่นั่งของเหล่าสตรีใกล้ทะเลสาบในเรือนตระกูลเหลียง
เมื่อมองดูความกว้างขวางของจวนและทะเลสาบ นับว่าอำนาจบารมีมากล้นไม่พอ ยังร่ำรวยด้วยเงินทองอีกด้วย ด้านหลังตระกูลเหลียงเป็นภูเขา ด้านหน้ามีทะเลสาบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ดีเพียงใด มิน่าเล่าตระกูลเหลียงถึงได้เจริญรุดหน้าไปไกล
เมื่อสอดส่ายสายตา เห็นสตรีสองคนที่นางจัดการผูกดวงให้กับเหลียงจื่อเพ่ยเอาไว้ คนด้านซ้ายเป็นท่านหญิงชิงหนิง อีกคนด้านขวาเป็นองค์หญิงสามซานลู่นั่งอยู่ขวา โดยตรงกลางมีเจ้าบ้านอย่างเหลียงจื่อเพ่ยนั่งทำหน้าราวกับโดนบังคับขู่เข็ญมาเช่นนั้น
“พี่ชายเหลียง” เสียงของหลิงหยวนพูดขึ้นพร้อมกับดวงตาที่ทอดมองไปยังสามคนที่นั่งอยู่กลางศาลาตรงนั้น
ฟู่อินเหยาทอดถอนหายใจ ไม่รู้นางคิดถูกหรือคิดผิดที่สลับดวงให้กับฮูหยินเหลียงไปจัดการผูกดวงใหม่ แต่เจ้าเด็กน้อยของนางนี่สิสายตามีแต่พี่ชายเหลียง แบบนี้นางจะทำเช่นไร
“เขานั่งอยู่กับสตรีที่ตระกูลหมายปองกระมัง” ฟู่อินเหยาพูดแล้วก็คิดแผนการในหัว ในเมื่อเขานั่งกับสตรีสองคนนี้ เห็นทีว่านางต้องทำอะไรสักอย่าง อย่างเช่นไปทักทาย แต่คิดยังไม่ทันจบรุ่ยอ๋องก็เดินมาไกล ๆ แล้ว
“ข้าว่าพวกเราไปทางด้านโน้นกันเถอะ” นางคิดจะทำอะไรแผลง ๆ มักจะไม่พ้นสายตาของรุ่ยอ๋องทุกที วันนี้เขาได้รับเชิญได้อย่างไร ไม่ใช่เชิญเพียงแค่เหล่าตระกูลขุนนางหรอกหรือ
“เดี๋ยวพี่ใหญ่ ท่านไม่เข้าไปคุยกับพี่ชายเหลียงหรือ...เขามาหาท่านตั้งหลายรอบแล้วนะ” คล้ายกับหลิงหยวนพูดอยู่คนเดียวเมื่อพี่ใหญ่เดินไปแล้ว ตามด้วยน้องสี่น้องห้า ก่อนไปอินจื้อตัวแสบหันมาบอกนาง
“พี่สามท่านคบหากับศัตรูพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ย่อมไม่พอใจนะขอรับ”
หลิงหยวนที่สงสัยนางคบหากับผู้ใด หรือว่าเป็นเพราะนางไปพูดคุยกับพี่ชายเหลียง พี่ใหญ่ถึงได้ตีตัวออกห่างนาง จนทำให้นางตกใจจนลืมคิดไปว่าพี่ใหญ่กับพี่ชายเหลียงมีเรื่องบาดหมางกันมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่นางสามหนาวไปก่อเรื่องให้เข้าใจผิดกัน
“โธ่เอ๊ยพี่ใหญ่ ไม่ชอบให้ข้าไปคบหากับพี่ชายเหลียงทำไมไม่พูดตรง ๆ เล่ามัวอ้อมค้อมทำไม” ฟู่หลิงหยวนมองไปตรงศาลาครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเดินตามพี่ใหญ่ออกไป
เหลียงจื่อเพ่ยเห็นสตรีผู้นั้นแล้ว เขาจึงอยากลุกขึ้นไปตามหานาง ไม่ว่านางอยู่ที่ใดมักจะดึงสายตาของเขาให้จ้องมองแค่นางคนเดียว ยามนี้นางมาถึงเรือน เขาเป็นเจ้าบ้านย่อมออกไปต้อนรับ
“ท่านหญิง องค์หญิงสามข้าขอตัวก่อน” เหลียงจื่อเพ่ยขอตัวเสร็จก็เดินออกมามุ่งตรงไปยังทิศที่สี่พี่น้องตระกูลฟู่เดินไป
ฟู่อินเหยายังหาเรื่องทำให้งานวันนี้ป่วนไม่ได้ จนเมื่อได้เห็นท่านย่าที่ไม่ได้พบมานานแล้วปรากฏตัวเคียงข้างกับสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง หากให้เดานางคิดว่าน่าจะเป็นมารดาขององค์หญิงสาม สนมของฮ่องเต้หลินไท่จงเป็นแน่
เมื่อในงานวันนี้มีผู้สูงศักดิ์มาด้วย เช่นนั้นนางก็เริ่มต้นด้วยการหาหนอนก็แล้วกัน
“อาจ้าน อาจื้อ จับหนอนให้ข้าสักสิบตัว”
เรื่องท่านย่าข้ายังไม่ได้เอาคืนที่ทำกับมารดาของข้าไว้ ในเมื่อบิดามีความกตัญญูค้ำคอ หลานเช่นข้าจะคืนความเป็นธรรมให้กับมารดาสักเล็กน้อยก็แล้วกัน
เหลียงจื่อเพ่ยเห็นเจ้าเด็กพวกนี้แหวกหาอะไรตามต้นไม้ก็นึกสงสัย จึงต้องตามไปดู
“พวกเจ้าทำอะไรกัน”
“หาของสำคัญ” อินจื้อตอบไปทั้งยังไม่มองหน้าของคนถาม ส่วนอินจ้านไม่ตอบอันใดเพียงแต่พยายามช่วยพี่ใหญ่กลั่นแกล้งคนให้จงได้
แม้พี่ใหญ่จะบอกว่าการกลั่นแกล้งคนไม่ใช่เรื่องน่าสนุก เราควรทำเมื่อจำเป็นเท่านั้น แต่พี่ใหญ่เอาแต่กลั่นแกล้งตระกูลเหลียง เขาเป็นน้องย่อมช่วยเต็มที่
เหลียงจื่อเพ่ยมองหาอีกสองคนที่เดินมาด้วยกัน แต่ก็ไม่เห็นแล้ว เหลือแต่เจ้าฝาแฝดจอมป่วนจึงเดินหลีกไปตามหานาง โดยไม่รู้ว่าพวกนางนั้นหลบอยู่หลังพุ่มไม้ และเป็นจุดที่อาหารมาวางไว้เตรียมรอยกไปในงาน
โชคดียิ่งนักที่อาหารแต่ละชุดติดป้ายกำกับเอาไว้ว่า จานไหนของครอบครัวใด และนางก็เปิดที่เป็นของพระสนม จากนั้นเอาหนอนไปโรยด้านบน แล้วก็รอดูผลงาน
ส่วนสองสตรีกลางศาลาในทะเลสาบเห็นทีว่าพวกนางต้องเข้าไปทักทายเสียหน่อยแล้วกระมัง หากจะปล่อยผ่านโดยไม่ทักทายคงจะเสียมารยาทไปสักหน่อย แต่เขามองสายตาพวกนางแล้วดูไม่เป็นมิตรนัก นี่แหละเข้าไปตีฝีปากเพื่อความบันเทิงย่อมดีไม่น้อย อย่างน้อยก็ให้เหลียงจื่อเพ่ยเห็น
“ฟู่หลิงหยวน ข้าว่าจะไปที่ศาลากลางทะเลสาบเสียหน่อย” ฟู่อินเหยาชักชวนน้องสาว ส่วนน้องชายนั้นทำงานเสร็จก็เดินเอามือไพล่หลังตามพี่สาวทั้งสองไปช่างเป็นภาพที่ใครเห็นก็ต่างเอ็นดู ยกเว้นเสียแต่รุ่ยอ๋อง
“จับตาเจ้าพวกตัวแสบสี่คนนั่นไว้ ข้าว่าวันนี้งานต้องวุ่นวายเป็นแน่” เดิมเขาระแคะระคายว่าเจ้าตัวแสบพวกนี้จะไม่มางาน แต่ผิดจากที่คาดนอกจากมาทั้งตระกูลแล้ว ยังเดินชักแถวไปมาอย่างมีพิรุธ
เมื่อเดินถึงศาลากลางน้ำ ฟู่อินเหยาก็ยิ้มทักทายสองสตรีที่เป็นดั่งดวงคู่สมพงษ์ของเหลียงจื่อเพ่ย
“คารวะเจ้าค่ะองค์หญิงสาม ท่านหญิงชิงหนิง” ฟู่อินเหยาคารวะนำพวกน้อง ๆ ให้ทำตาม
แต่เมื่ออินจ้านกับอินจื้อคารวะแล้ว พวกเขาก็แบมือที่มีหนอนอยู่อีกสี่ห้าตัวขึ้น แต่แล้วเสียงกรีดร้องอย่างตกใจก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงน้ำแตกกระจายโดยที่พวกเขายืนมองด้วยความตกใจ
ข้ายังไม่ได้ทำอะไรนะ!