15 ปีต่อมา...
เปรี้ยง!!
เวลา 03.40 น.
เสียงท้องฟ้าคำรามดังสนั่นไปทั่วฟ้า ลูกชายคนรองของตระกูล RIZZO ที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทราลืมตาตื่นด้วยความตกใจ หยาดเหงื่อมากมายผุดขึ้นตามโครงหน้าของเขา ลมหายใจอุ่นร้อนถูกส่งออกมาจากปลายจมูกโด่งขณะที่อกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจของเจ้าของ
ฮอล ในวัย 28 ปี ลูกชายคนรองของตระกูล RIZZO ซึ่งเป็นตระกูลมาเฟียที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดใน ตอนนี้ เขาขยับกายลุกขึ้นก่อนจะก้าวเท้าลงจากเตียงไปพร้อมกับเดินไปหยิบมวนบุหรี่ราคาแพงขึ้นมาจุดสูบ ควันสีเทาลอยฟุ้งออกมาจากปลายจมูกโด่ง ความว้าวุ่นเกิดขึ้นภายในจิตใจเขาอย่างน่าประหลาดเพราะช่วงพักหลังมานี้เขาเอาแต่ฝันถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน มันเป็นเหตุการณ์ที่เขาเองก็จำได้ไม่เคยลืมเพราะเขาเป็นต้นเหตุของการสูญเสียในครั้งนั้น...
อาจจะเรียกได้ว่ามันคือแผลเป็นที่ฝังอยู่ภายในใจเขา
ใบหน้าหล่อเหลาแสดงออกถึงความเศร้าที่เก็บซ่อนเอาไว้ไม่มิด ภายนอกของเขานั้นดูเหมือนผู้ชายที่ไร้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับพี่ชายคนโตอย่างเฮล เพราะพวกเขาถูกสอนให้เติบโตมาอย่างคนที่ไร้หัวใจแต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อพวกเขานั้นก็เป็นคนที่มีหัวใจและความรู้สึกไม่ต่างจากคนอื่น...
“เธอหายไปอยู่ที่ไหนกันนะหนูอัยย์...”
“พี่คิดถึงเธอ” เสียงทุ้มเปล่งออกไปด้วยความรู้สึกที่กล้ำกลืน ภาพของอัยย์ลดายังคงติดอยู่ภายในใจของเขาอ ภาพรอยยิ้มที่สดใสของเด็กสาวที่เขาไม่มีวันลืมมันได้เลยสักวัน...
เขาไม่คิดเลยว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นรอยยิ้มนั้นของเธอและไม่คิดเลยว่าคำสารภาพรักของเด็กสาวมันจะเป็นการบอกรักครั้งแรกและครั้งสุดท้าย...
มันเป็นความเจ็บปวดที่เขาไม่มีวันลืมมันได้เลยสักวัน ต่อให้เขาพยายามใช้ชีวิตให้ปกติมากแค่ไหนแต่เรื่องราวในวันนั้นยังคงตามหลอกหลอนเขาจนถึงทุกวันนี้
รุ่งเช้า...
ร่างสูงเดินลงมายังชั้นล่างของคฤหาสน์หลังใหญ่ ปกติเขาไม่ได้เข้ามานอนที่นี่เท่าไหร่นับตั้งแต่เขาแยก ตัวออกไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ส่วนตัวข้างนอกเช่นเดียวกับพี่น้องคนอื่น ๆ แต่เพราะวันนี้ผู้เป็นพ่ออย่างฮันเตอร์เรียกพบพวกเขาแต่เช้า มันเลยทำให้พวกเขาต้องกลับมารวมตัวกันตั้งแต่เมื่อวาน
ฮอลในชุดสูทสีเข้มเดินตรงไปยังห้องอาหารก่อนจะเห็นว่าทั้งพ่อและพี่ชายต่างนั่งรอกันอยู่ก่อนแล้ว จะขาดก็แต่น้องสาวคนเล็กของเขาอย่างฮันน่าที่ยังไม่ลงมา
“ฮันน่ายังไม่ตื่นเหรอ...” ร่างสูงหันไปถามพี่ชายคนโตที่นั่งหน้าเรียบเฉยไม่ต่างอะไรกับรูปปั้น แต่ไม่ทันที่เฮลจะได้พูดอะไรผู้เป็นพ่ออย่างฮันเตอร์ก็เอ่ยขึ้นมาซะก่อน
“ฉันไม่ได้ให้คนขึ้นไปตามฮันน่าเพราะเรื่องที่ฉันจะคุยฮันน่าไม่จำเป็นต้องรู้”
“แล้วพ่อเรียกพวกผมมามีอะไรครับ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางเลื่อนสายตาไปมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างต้องการคำตอบ
“กับเฮลฉันคุยจบแล้ว เหลือแกที่ยังไม่ได้คุย” ฮันเตอร์เอ่ยเสียงเรียบพลางวางแก้วชาในมือลงที่จานรอง ลูกชายคนรองอย่างฮอลมองหน้าผู้เป็นพ่อนิ่งงัน เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือแปลกใจอะไรเพราะปกติถ้ามีเรื่องอะไรพ่อของเขาจะเรียกรวมตัวอย่างนี้อยู่เสมอ
“เย็นนี้แกต้องไปกินข้าวกับหนูลิเวีย ไปทำความรู้จักกันไว้ซะ”
“ลิเวีย? ลูกสาวของคุณลุงบาร์รอนน่ะเหรอครับ”เสียงทุ้มเอ่ยออกไปด้วยความแปลกใจ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกผู้เป็นพ่อสั่งให้ไปกินข้าวกับลีเวียหรือเรียกง่าย ๆ ว่าไปดูตัวเพื่อเตรียมตัวแต่งงานกัน แต่เพราะครั้งก่อนเป็นลิเวียเองที่ปฏิเสธการดูตัวมันเลยทำให้เขาไม่ได้เจอเธอ
“อืม...บ่ายนี้เคลียร์งานที่บริษัทฯ ให้เรียบร้อยแล้วไปรับหนูลิเวียที่มหาวิทยาลัย”
“ผมไม่เข้าใจทั้ง ๆ ที่ตระกูลนั้นปฏิเสธการดูตัวไปแล้วแล้วทำไมพ่อยังจะให้ผมไปกินข้าวกับเธออีก”
“ยังต้องการให้ผมแต่งงานกับลูกสาวตระกูลนั้นอยู่งั้นเหรอ?” ร่างสูงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาพร้อมกับเลื่อนสายตาสบมองผู้เป็นพ่อนิ่งงัน บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารเริ่มปกคลุมไปด้วยความอึมครึมแต่มันก็ไม่ใช่บรรยากาศที่แปลกใหม่อะไรสำหรับตระกูลนี้และฮอลเองก็ชินกับบรรยากาศแบบนี้ไปแล้วเช่นกัน
คำว่าความสุขของพวกเขามันหายไปตั้งแต่ 15 ปีก่อนแล้ว หรือถ้าจะให้พูดอีกแบบละก็ ตลอดชีวิตของพวกเขา พวกเขาไม่เคยสัมผัสได้ถึงความสุขเลยตั้งแต่เกิดมา
“ใช่ ฉันต้องการให้แกแต่งงานกับหนูลิเวีย เพราะครั้งนี้จะไม่มีการปฏิเสธจากตระกูลฝั่งนั้นอีก”
“และงานแต่งของแกกับหนูลิเวียจะถูกจัดขึ้นหลังจากงานแต่งของเฮลและหนูเชอรีน” ฮันเตอร์เอ่ยเสียงเรียบพลางปรายสายตามองหน้าลูกชายคนรองนิ่ง ๆ เขาไม่ต้องพูดหรือแสดงอะไรออกมากมายนักรังสีของความน่าเกรงขามก็แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเขา…
ฮอลละสายตาจากผู้เป็นพ่อก่อนจะพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้พร้อมกับผ่อนลมหายใจออก มาหนัก ๆ คล้ายกับว่าตัวเองกำลังหงุดหงิดแทบบ้าที่กำลังจะถูกจับแต่งงานเหมือนคู่พี่ชายของเขา แต่ที่ต่างออกไปคือพี่ชายของเขายินดีที่จะทำตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อทุกอย่าง เพราะเฮลอยู่ในตำแหน่งทายาทลำดับที่ 1ของตระกูล เป็นลูกชายคนโตที่ถูกฝากความหวังเอาไว้แต่กับเขามันไม่ใช่แบบนั้นเขาต่างจากเฮลตรงที่เขามีความหัวรั้นและดื้อแพ่ง เขาไม่ชอบให้ใครมาชี้นิ้วสั่งว่าเขาจะต้องรักหรือแต่งงานกับใครหรือว่าต้องใช้ชีวิตแบบไหน
“พ่อก็รู้ว่าผมไม่ได้รักเธอ และเธอเองก็คงจะไม่ได้รักหรือชอบอะไรผม”
“รักหรือไม่รักฉันไม่ได้สนใจ ฉันสนใจแค่ว่าจะทำยังไงให้ตระกูลของเราแข็งแกร่งกว่าเดิม” ฮันเตอร์เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจที่น่าเกรงขาม เช่นเดียวกับแววตาของเขาที่กำลังมองลูกชายคนรองที่กำลังแสดงอาการต่อต้านใส่เขา ในบรรดาลูก ๆ ฮอลเป็นลูกชายที่เขาแทบอยากจะตัดหางปล่อยวัดมากที่สุดรองจากฮันน่า...
ฮอลขบกรามตัวเองแน่นจนสันกรามขึ้นเป็นนูนอย่างพยายามข่มอารมณ์ของตัวเอง เพราะเขารู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะผู้เป็นพ่อของตัวเองได้...
“แค่เฮลมันแต่งงานกับเชอรีนมันยังไม่พอเหรอครับ แค่ตระกูลของเชอรีนมันยังขยายอำนาจให้พ่อไม่พออีกเหรอ”
“ต้องการให้ตระกูลของเรามันยิ่งใหญ่คับฟ้าขนาดนั้นเลยเหรอพ่อ หรือกลัวว่าตระกูลของตัวเองมันจะจบเห่ถ้าไม่ได้รวมอำนาจกับตระกูลอื่น”
ซ่า!!
ชาในแก้วของฮันเตอร์ถูกสาดเข้าที่ใบหน้าของฮอลในทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ และโชคยังดีที่ความร้อนของน้ำชานั้นจางหายไปจนหมดแล้วหลงเหลือไว้ก็แค่ความอุ่นเพียงเล็กน้อยซึ่งมันไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มเจ็บปวดอะไร
“สิ่งที่แกทำได้คือเงียบปากแล้วทำตามคำสั่งฉัน!! แล้วรู้ไว้ซะว่าตระกูลที่ฉันพยายามรักษามันมาตลอดไม่มีทางจบเห่ได้ง่าย ๆ เหมือนที่ปากแกพูดออกมา!”
“แล้วไม่ต้องถามหาสิทธิ์ในชีวิต เพราะชีวิตของพวกแกจะอยู่หรือจะไปหรือจะทำอะไรมันขึ้นอยู่กับฉัน!!...”
“การที่เฮลมันรับหน้าที่ใหญ่ ๆ แทนแกมันไม่ได้แปลว่าแกจะใช้ชีวิตได้อย่างตามอำเภอใจนะไอ้ฮอล เพราะสุดท้ายแล้วชีวิตของแกก็ยังเป็นของฉัน!!”
“ฉันสั่งอะไรพวกแกก็ต้องทำตาม!” ผู้นำตระกูลเอ่ยออกไปด้วยความเดือดดาลทั้ง ๆ ที่รู้ถึงนิสัยลูกชายคนรองอย่างฮอลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่พอถึงเวลาที่ต้องต่อปากต่อคำกันเขาก็อดที่จะรู้สึกโมโหเพราะนิสัยดื้อรั้นของลูกชายคนรองไม่ได้
ถ้าจะบอกว่าคนที่ถอดแบบเขาออกมามากที่สุดเป็นใครเขาคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ฮอลคือลูกชายที่มีนิสัยเหมือนเขามากที่สุด ฮันเตอร์ขยับตัวลุกขึ้นพร้อมเดินออกไปจากห้องอาหารอย่างรู้สึกหัวเสียขณะที่ฮอลเองก็เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร...
“มึงก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง มึงยังจะไปพูดกวนตีนเขาไม่หยุด” เฮลพูดขึ้นพร้อมกับหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อย ขณะที่ฮอลมองหน้าพี่ชายแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้เพราะพี่ชายเขาอะไร ๆ ก็มักจะทำตามคำสั่งพ่ออย่างไม่คิดจะโต้แย้งอะไรเลย
“ก็กูไม่ใช่มึง ที่พ่อสั่งอะไรก็จะทำตามคำสั่งไปซะหมด...ถามจริงชีวิตของมึงตอนนี้น่ะมันมีความสุขมากมั้ย”
“มันดีเหรอวะที่มึงจะต้องมาคอยทำตามคำสั่งพ่อแบบนี้”
“มึงเองก็รู้คำตอบดีว่าชีวิตของพวกเราไม่ได้เกิดมาเพื่อมีความสุข และชีวิตของเรามันก็ไม่เคยเป็นของเราจริง ๆ” เฮลเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะขยับกายลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากโต๊ะอาหารเช่นกัน ฮอลถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกหัวเสียที่ดูเหมือนอะไร ๆ ก็จะไม่เป็นอย่างใจเขาเลย และสุดท้ายแล้วต่อให้เขาจะพยายามหัวแข็งหรือต่อต้านผู้เป็นพ่อของตัวเองมากแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางทำมันได้สำเร็จและเขาเองก็ไม่ต่างอะไรกับพี่ชายที่ต้องรับคำสั่งของผู้เป็นพ่อมาทำตาม...
อีกด้าน...
ณ มหาวิทยาลัย
หลังเลิกเรียนร่างบางในชุดนักศึกษาเข้ารูปเผยให้เห็นทรวดทรงที่ชวนมองของเธอ ไอรีน หญิงสาวในวัย 22 ปี นักศึกษาปี 4 เดินจับกลุ่มมากับกลุ่มเพื่อน ๆ ของเธอที่ดีกรีแต่ละคนไม่ได้ธรรมดาเลยสักคนแถมยังมีหน้าตาที่สะสวยไม่แพ้กัน
“ฉันเบื่ออ่ะพวกแก ฉันไม่อยากไปดูตัวบ้าบออะไรนั่นเลย ทำไมป๊าต้องบังคับฉันแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้!”ลิเวีย หนึ่งในเพื่อนสนิทของไอรีนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเธอกำลังไม่พอใจที่เธอกำลังถูกผู้เป็นพ่อบังคับให้ไปกินข้าวกับลูกชายเพื่อนสนิททั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอปฏิเสธการดูตัวครั้งนี้ไปแล้วและก็ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ของเธอจะเข้าใจ แต่จู่ ๆ เมื่อเช้าเธอก็ถูกสั่งให้ไปกินข้าวเพื่อดูตัวกับลูกชายเพื่อนสนิทของผู้เป็นพ่ออีกครั้งและครั้งนี้กลายเป็นว่าเธอปฏิเสธไม่ได้ สิ่งที่เธอทำได้คือต้องไปเท่านั้น
และด้วยนิสัยความเป็นเธอที่เธอคือลูกสาวคนเล็กของตระกูลมาเฟียกลายเป็นว่าเธอก็จะมีความเอาแต่ใจอยู่ไม่น้อยเวลาที่เธอถูกบังคับให้ทำอะไร หรือโดนขัดใจเรื่องอะไรเธอจะวีนจะเหวี่ยงแบบที่ไม่มีอดกลั้นเลยสักนิด
“ก็ไหนแกบอกว่าปฏิเสธการดูตัวครั้งนี้ไปแล้วไงเวีย ทำไมจู่ ๆ พ่อกับแม่แกถึงบังคับให้แกแต่งงานอีก อ่ะ...” มินา เพื่อนสาวในกลุ่มเอ่ยขึ้น เธอเป็นเพื่อนในกลุ่มของไอรีนที่ทางบ้านติดอันดับหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลและร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
“ไม่รู้เหมือนกัน แล้วครั้งนี้แม่ก็ไม่ช่วยฉันเลย เห็นดีเห็นงามกับพ่อซะงั้น”
“ฉันไม่อยากไปดูตัวอะไรแบบนี้เลย นี่มันยุคสมัยไหนแล้วอะ นี่มัน 2024 แล้วนะเว้ย”
“แกใจเย็น ๆ ก่อน บางทีมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แกเคยเจอเขาแล้วหรือยังถึงมาโวยวายไม่หยุดแบบนี้อะ” ใบข้าว หนึ่งในเพื่อนสนิทของไอรีนเอ่ยขึ้นอย่างต้องการให้เพื่อนใจเย็นและมีสติมากกว่านี้เพราะเพื่อนเธอเอาแต่บ่นไม่หยุดตั้งแต่เรียนคาบที่แล้วจนหมดคาบเรียนเพื่อนก็ยังไม่หยุดบ่นสักที
“ไม่เคยเจอ แล้วก็ไม่อยากด้วย! ทำไมคุณหนูลิเวียอย่างฉันต้องมาถูกจับคู่อะไรแบบนี้ด้วยอะไม่เข้าใจ”
“เดี๋ยวคอยดูนะ พอเขามารับฉันไปร้านอาหารปุ๊บฉันจะทำตัวแย่ ๆ จะทำทุกอย่างให้พี่เขาขยาดคนอย่างฉันไปเลย” ลิเวียเอ่ยออกไปอย่างหมายหมั้นว่าเธอจะทำอย่างที่พูดทันทีที่เจอหน้าลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อ ที่พ่อเธอนั้นอยากจะได้มาเป็นลูกเขย
“ใจเย็น ๆ ก่อนเวีย บางทีพอแกเจอเขาแกอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้นะ” ร่างบางที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่อดเอ็นดูเพื่อนสนิทของเธออย่างลิเวียไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าลิเวียไม่ชอบให้ใครมาบังคับหรือสั่งให้ทำอะไรแบบนี้ พอลิเวียโดนแบบนี้เข้ามันเลยไม่แปลกที่เธอจะดูหัวเสียได้ขนาดนี้
ใครต่างก็สงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเธอ 4 คนที่ไม่รู้ว่าจับพลัดจับผลูมาเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียว กันได้ยังไง เพราะเพื่อนอีกสองคนเกิดและเติบโตมาในตระกูลที่ร่ำรวยมาก ๆ ถูกเลี้ยงดูไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิง ส่วนอีกสองคนก็เติบโตมาในครอบครัวที่สุดแสนจะธรรมดาแต่ก็ไม่ได้ขาดแคลนอะไร หรือไม่แน่ว่าความต่างตรงนี้แหละที่ทำให้ทั้ง 4 คนเป็นเพื่อนสนิทและเข้ากันได้ดี หากแต่จะมีแค่เรื่องไปกินข้าวด้วยกันที่มักจะมีปัญหาเพราะไอรีนและใบข้าวต่างก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องมาจ่ายค่าอาหารแพง ๆ ให้พวกเธอ
“ไม่เปลี่ยนอะไรทั้งนั้นอะ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อล่มความต้องการของผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูล พวกแกรอดูได้เลยนะ...”
“มั่นใจขนาดนี้เคยเจอหน้าว่าที่คู่หมั้นแกแล้วรึไง ไม่ใช่ว่าเจอเขาแล้วเปลี่ยนใจนะ” มินาอดพูดแซวขึ้นมาไม่ได้ แต่ลิเวียก็ยังคงพูดขึ้นด้วยความั่นใจ
“ไม่เคย แต่ฉันมั่นใจว่าต่อให้ฉันเจอหน้าเขาแล้ว ฉันก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อล่มการจับคู่ของสองตระกูล!”
“แล้วตระกูลที่แกพูดถึงเนี่ย...ตระกูลอะไรช่วยพูดชื่อตระกูลให้พวกฉันทราบหน่อยได้มั้ย”
“แล้วผู้ชายที่แกต้องไปกินข้าวด้วยเนี้ยเขาชื่ออะไร...” มินาถามอย่างอยากรู้เพราะครั้งที่แล้วพวกเธอรู้แค่ว่าลิเวียปฏิเสธการดูตัวกับลูกชายเพื่อนสนิทของพ่อ พวกเธอก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่ครั้งนี้อดไม่ได้ที่จะถามเพราะเวลาการดูตัวของเพื่อนใกล้เข้ามาทุกที
“ชื่อ ฮอล เป็นทายาทคนรองของตระกูล RIZZO อะไรนี่แหละ เห็นป๊าฉันบอกว่าท่านสนิทกับตระกูลนี้มากเลยอยากให้ฉันแต่งกับลูกชายตระกูลนี้อะ”
“แล้วฉันก็ได้ยินมาว่าทายาทคนแรกชื่อเฮลแต่มีคู่หมั้นแล้วเป็นตระกูลใหญ่อีกตระกูลหนึ่ง” ลิเวียเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร เพราะมันเป็นเรื่องที่เธอได้ยินมาบ่อยจนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
“ฟังไปฟังมานี่เหมือนในนิยายเลยอะ ที่แบบคุณหนูตระกูลนี้ถูกจับแต่งงานกับลูกชายของอีกตระกูลเพื่อขยายความร่ำรวยหรืออำนาจให้กับตระกูลตัวเอง” ใบข้าวเอ่ยออกไปตามที่คิดเพราะเมื่อคืนเธอเพิ่งอ่านนิยายเรื่องล่าสุดที่เกี่ยวกับความรักมาเฟียไป
“ไอรีน...แล้วทำไมแกยืนเงียบแบบนั้นอะเป็นอะไรหรือเปล่า” มินาที่เห็นไอรีนยืนเงียบไปรีบเอ่ยถามเพื่อนด้วยความสงสัยที่จู่ ๆ เพื่อนของเธอก็เงียบไปแบบนี้
ไอรีนที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดได้สติหันไปมองเพื่อนก่อนจะพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ใต้รอยยิ้มที่สดใสของเธอ...
“ปะ เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร...พอดีฟังพวกแกแล้วมันเพลิน ๆ น่ะ”
“เพลินตรงไหนก่อนแก นี่ฉันเครียดมากนะ เพราะฉันไม่อยากไปดูตัวอะไรแบบนี้” ลิเวียพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่เพื่อน ๆ ของเธอดูเหมือนจะไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องของเธอเท่าที่ควร