ฮอลพยักหน้าก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ สายตาเขามองไปที่ลิเวียแต่ทว่าความรู้สึกของเขายังคงให้ความสนใจผู้หญิงอีกคนที่เดินตัดหน้ารถเขาเมื่อครู่...
“งั้นเราไปกันเลยมั้ยคะพี่ฮอล...” ลิเวียที่อยากไปใช้เวลาอยู่กับฮอลในทันทีเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เล่นเอาเพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่งงเป็นไก่ตาแตกเพราะตอนนี้เพื่อนของเธอได้เปลี่ยนเป็นคนละคนไปแล้วกับก่อนหน้านี้
“ได้ครับ แต่ว่าเพื่อนของเรา” ฮอลเอ่ยพร้อมกับเลื่อนสายตาไปมองไอรีนที่ยืนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเดี๋ยวให้มินากับใบข้าวพาไอรีนไปทำแผลก็ได้”
“ใช่มั้ยแก แกให้มินากับใบข้าวพาไปหาหมอได้ใช่ปะ”
“ได้สิ แกไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วงนะ แผลแค่นี้เองฉันไม่เป็นไร...” ร่างบางรีบเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะพยายามทำตัวเป็นปกติราวกับว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ ฮอลมองใบหน้าของหญิงสาวอีกครั้งด้วยความรู้สึกประหลาดบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในใจของเขา
รอยยิ้มเมื่อครู่ของไอรีนมันพาให้หัวใจที่เฉยชาของเขากระตุกวูบอย่างน่าประหลาด...
“งั้นฉันไปก่อนนะ”
“พี่ฮอลคะ เราไปกันเถอะค่ะ” ลิเวียเอ่ยเสียงอ้อนพร้อมกับถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับแขนฮอลเอาไว้คล้ายกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าของเดี๋ยวนั้น ฮอลมองการกระทำของของลิเวียนิ่ง ๆ ก่อนจะพยักหน้าแทนคำตอบ แต่แทนที่เขาจะพาหญิงสาวเดินขึ้นรถไป แต่สิ่งที่เขาทำคือการที่เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่เขาเกือบจะขับรถชน
“พี่จะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ หาหมอเสร็จแล้วก็ติดต่อมานะ” มาเฟียหนุ่มเอ่ยพร้อมกับยื่นนามบัตรส่วนตัวให้ร่างบางตรงหน้า ไอรีนยืนนิ่งเผลอเลื่อนสายตาขึ้นไปสบนัยย์ตาคู่คมอย่างลืมตัวก่อนจะได้สติเพราะเสียงของลิเวีย
“รับไว้สิไอรีน แกจะยืนนิ่งทำไม…” ไอรีนได้สติหลบสายตาคู่คมอีกครั้งหลังจากที่ได้ยินเสียงลิเวียพูดขึ้นมา ร่างบางเลื่อนมือไปรับนามบัตรของมาเฟียหนุ่มเอาไว้ก่อนที่เธอจะพยายามทำตัวให้เป็นปกติไม่ให้มีพิรุธอะไร
“ทีหลังแกจะข้ามถนนก็มองรถดี ๆ ก่อนนะ นี่โชคดีนะที่ไม่เป็นอะไรมากอะ”
“ยังไงก็ฝากดูไอรีนด้วยนะพวกแก ฉันไปก่อนนะ”
“โอเค แกไปเถอะ…” ใบข้าวพูดพร้อมกับพยักหน้าน้อย ๆ ลิเวียพอได้ยินแบบนั้นก็หันหลังเดินขึ้นรถไปพร้อมกับมาเฟียหนุ่มอย่างฮอลในทันที
“ดูมันนะ ยัยคนไหนวะที่บอกว่าฉันจะล่มการดูตัวครั้งนี้ ! ”
“ต่อให้หล่อขนาดไหนฉันก็ไม่เอาและไม่มีทางเปลี่ยนใจ”
“แล้วดูนางตอนนี้นะคะ พูดเสียงอ้อนเสียงหวานเสียงแปดเดินขึ้นรถไปพร้อมกับพี่เขา ตัวนี่แทบจะสิงกัน! ” มินาที่คันปากยิบ ๆ จริง ๆ อยากจะจิกจะกัดเพื่อนตั้งแต่ตอนที่เพื่อนอยู่ แต่ก็ต้องสงบปากสงบคำเอาไว้
“ถามจริงถ้าแกเจอผู้ชายหล่อขนาดนี้ แกจะไม่อยากได้เหรอวะมินา” ใบข้าวถามพร้อมกับมองหน้าเพื่อนซึ่งมินาเองก็ยิ้มแห้งพร้อมกับพูด
“เอาดิ หล่อขนาดนี้…”
“ว่าแต่แกเจ็บตรงไหนอีกมั้ยอ่า…ไม่มีตรงไหนถลอกแล้วใช่มั้ย” มินาหันไปถามไอรีนที่เอาแต่ยืนนิ่งก่อนจะช่วยกันกับใบข้าวไล่สายจาสำรวจไปทั่วร่างบาง
ไอรีนระบายยิ้มออกมาน้อย ๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาพร้อมกับพูด
“ไม่แล้ว ไม่เจ็บตรงไหนแล้วแก…”
“แล้วแผลที่ข้อศอกแกอ่า ถลอกเยอะอยู่นะ” ไอรีนยกข้อศอกตัวเองขึ้นดูก่อนจะเห็นว่ามันถลอกเยอะจริง ๆ
“ไม่เป็นไรหรอก กลับไปบ้านให้แม่ทำแผลให้ก็ได้”
“ไม่เอาอะ ไปหาหมอหรือไปคลินิกให้หมอทำแผลให้ดีกว่า” ใบข้าวพูดพร้อมกับมองหน้าไอรีนอย่างไม่คิดจะยอมให้เพื่อนกลับบ้านไปทั้งสภาพนี้
“ช่างมันเถอะ แผลแค่นี้เอง”
“แค่นี้อะไรของแกวะ เกิดเป็นแผลเป็นขึ้นมาทำไง แกอย่าลืมสิว่าอาทิตย์หน้าแกมีถ่ายแบบเสื้อให้พี่สาวมินามันนะ แขนกับผิวแกสำคัญมากนะตอนนี้อะ แล้วมันก็เป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตแกเลยนะไอรีน”
“จริงด้วย ฉันลืมไปสนิทเลย” ร่างบางที่เพิ่งคิดขึ้นได้ว่าเธอเพิ่งแคสเป็นนางแบบเสื้อผ้าให้กับแบรนด์พี่สาวของมินาผ่าน และมันคืองานที่เธออยากลองทำมาตลอด
“ไปเลย ไปหาหมอกัน”
“เดี๋ยวไปรถฉันนี่” มินาพูดขึ้นพร้อมกับช่วยกันกับใบข้าวประคองไอรีนไปที่รถ
“แล้วบอกว่าไม่เจ็บตรงไหนแล้ว แล้วที่เดินขากะเผลกนี่คือไรก่อน”
“ก็ตอนแรกมันไม่เจ็บแต่ตอนนี้เจ็บขึ้นมาหน่อยแล้วอ่า”
“แกก็น่าโดนหยุมหัวพอ ๆ กับยัยเวียนั่นแหละ” ไอรีนได้แต่ยิ้มเจื่อนให้เพื่อน ๆ ทั้งสองที่กำลังบ่นเธอไม่หยุด อาจจะเพราะเดิมทีเธอเป็นคนดื้อเงียบและมักจะเก็บความรู้สึกจริง ๆ ของตัวเอง อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนปากหนักปากแข็ง คำพูดติดปากของเธอคือคำว่าไม่เป็นไร เพราะต่อให้เธอจะเป็นอะไรจริง ๆ เธอก็มักจะบอกว่าเธอไม่เป็นไร…
ตกเย็น…
หลังจากที่ไอรีนหาหมอเสร็จเพื่อน ๆ ของเธอก็พากันขับรถมาส่งที่คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ถ้าใครไม่รู้ก็คงจะคิดว่านี่คือบ้านของเธอ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ ร่างบางเดินผ่านรั้วเข้ามาถึงตัวคฤหาสน์ที่แม่ของเธอทำงานอยู่ที่นี่เดิมทีเธอก็เคยอาศัยชายคาคฤหาสน์หลังนี้อยู่ก่อนที่เธอจะย้ายไปอยู่หอเพราะมันใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ ตอนแรกแม่เธอก็คัดค้านเสียงแข็งว่าจะไม่ยอมให้เธอย้ายไปอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง แต่เพราะได้ น่านฟ้า ลูกสาวของเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นคนช่วยพูดให้แม่เธอถึงยอม…
“อ้าวน้องไอ วันนี้กลับบ้านเหรอคะ” แม่บ้านที่ค่อนข้างสนิทสนมกับเธอเอ่ยถามพร้อมกับเดินมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไอรีนระบายยิ้มออกไปน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ย
“ค่ะ พอดีวันนี้เลิกเรียนเร็วเลยกลับมาหาแม่ดีกว่า ว่าแต่แม่อยู่ไหนเหรอคะพี่ดาว”
“เห็นว่าขึ้นไปหาคุณท่านน่ะค่ะ แต่น่าจะใกล้ลงมาแล้ว เพราะขึ้นไปนานแล้วเหมือนกัน”
“นั่นไงน้านิดลงมาพอดีเลยค่ะน้องไอ...” ไอรีนหันไปมองตามนิ้วของแม่บ้านอีกคนที่ชี้ไปทางด้านหลังของเธอก่อนจะเห็นผู้เป็นแม่เดินลงมาจากบันไดชั้นบน
“แม่คะ...” ร่างบางเอ่ยเรียกผู้เป็นแม่พลางส่งยิ้มหวานให้เหมือนเช่นเคยก่อนที่เธอจะเดินไปหยุดอยู่หน้าบันไดเพื่อรอผู้เป็นแม่ลงมาหา
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก ว่าแต่วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์ทำไมหนูถึงกลับมาหาแม่ล่ะ”
“วันนี้หนูเลิกเรียนเร็วค่ะ แล้วก็คิดถึงแม่ด้วยเลยกลับมาหาแม่ดีกว่า” ร่างบางเอ่ยเสียงอ้อนพลางขยับตัวเข้าไปสวมกอดแม่ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อย นิตยาระบายยิ้มพร้อมกับลูบหัวลูกรักด้วยความรักใคร่ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ผละอ้อมกอดออกจากตัวลูกสาว
“แล้วกินอะไรมาหรือยังถ้ายังแม่จะได้ทำให้...”
“ยังเลยค่ะ หิวมากกก”
“งั้นไปในครัวกับแม่ไป พอดีแม่ต้องต้มซุปให้คุณน่านด้วยคุณน่านเธอไม่ค่อยสบายน่ะ”
“แล้วพี่น่านเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะแม่” ร่างบางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงที่รับรู้ว่าคุณหนูของบ้านหลังนี้ไม่สบายเพราะรู้ดีว่าเวลาน่านฟ้าไม่สบายทีหนึ่งเธอค่อนข้างจะเป็นหนักทีเดียว
“เป็นไข้หวัดใหญ่น่ะ แต่นี่ดีขึ้นแล้วนะเมื่อสองสามวันก่อนคุณน่านเอาแต่นอนซมอย่างเดียวเลยลูก”
“เมื่อกี้คุณน่านก็เพิ่งถามแม่ว่าหนูจะกลับมาวันไหน คุณน่านเธออยากเจอน่ะ”
“งั้นเหรอคะแม่ ถ้างั้นเดี๋ยวหนูเป็นคนยกซุปไปให้พี่น่านก็ได้ค่ะ เผื่อพี่น่านมีอะไรจะคุยกับหนู” ร่างบางเอ่ยอาสาเพราะเธอเองก็อยากจะขึ้นไปเยี่ยมน่านฟ้าเช่นกัน นิตยายิ้มรับก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเอื้อมมือไปจับมือลูกสาวเอาไว้
“งั้นไปห้องครัวกับแม่เถอะ” ไอรีนเดินตามผู้เป็นแม่ไปที่ห้องครัวก่อนที่สองแม่ลูกและอีกหนึ่งแม่ครัวจะช่วยกันทำซุปไปให้คุณหนูของบ้าน ส่วนไอรีนเธอก็ขอแค่เมนูง่าย ๆ จากแม่นั่นก็คือข้าวไข่เจียวหมูสับ
“พี่นิดเดี๋ยวหนูมานะ ไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งปวดท้องน่ะ” แม่ครัวอีกคนที่เป็นเหมือนลูกมือให้กับนิตยามาตลอดเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ารีบร้อนเพราะเธอกำลังปวกท้องหนัก นิตยาที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแม่บ้านระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าแทนคำตอบ
“แม่คะ...อาทิตย์หน้าหนูได้งานถ่ายแบบจากแบรนด์เสื้อผ้าของพี่สาวเพื่อนสนิทหนู...” ไอรีนที่รอโอกาสจะบอกผู้เป็นแม่มาสักพักรีบเอ่ยขึ้นหลังจากที่แม่บ้านอีกคนเดินออกไปแล้ว นิตยาหันกลับมามองลูกสาวคนสวยก่อนจะเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“หืม...เสื้อผ้าอะไรล่ะลูก โป๊หรือเปล่า”
“เสื้อผ้าชุดเดรส ชุดเซตแบบทั่ว ๆ ไปเลยค่ะแม่ ไม่โป๊แต่อาจจะมีเว้าหลังบ้างน่ะค่ะ”
“แล้วเป็นนางแบบให้เขาตลอดเลยหรือรับเป็นงาน ๆ ไป”
“ก็พี่เขาเรียกเซ็นสัญญาด้วยค่ะ อาจจะเป็นนางแบบให้คอลเลคชั่นของปีนี้ไปทั้งปีเลย” ร่างบางเอ่ยพลางหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มหลังจากที่กินข้าวจนหมด
“ต้องเจอคนเยอะหรือเปล่า...” นิตยาเอ่ยถามพลางมองหน้าลูกสาวอย่างเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ ไอรีนที่ได้ยินคำถามนั้นก็รับรู้ได้ในทันทีว่าแม่ของเธอกำลังรู้สึกไม่สบายใจในเรื่องอะไร
“ไม่เยอะหรอกค่ะแม่ งานของหนูแค่เป็นนางแบบเสื้อผ้าเฉย ๆ ไม่ได้มีต้องออกไปเจอใคร ก็ถ่ายแต่ในสตูดิโอ”
“แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ...” ร่างบางเอ่ยออกไปอย่างต้องการให้แม่เบาใจว่าเธอจะไม่ได้เจอใครที่เป็นคนใหญ่คนโตอย่างแน่นอน
“ได้ยินแบบนี้แม่ก็เบาใจขึ้นมาหน่อย รู้ใช่มั้ยว่าแม่เชื่อใจหนูนะ” นิตยาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางสบสายตาลูกสาว ไอรีนระบายยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะพยักหน้า
“แม่เชื่อใจหนูได้เสมอเลยค่ะ”
“ขอบคุณนะลูก” นิตยาเอ่ยพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหัวลูกสาวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเธอ เดิมทีเธอไม่ได้มีแค่ไอรีนแต่เธอยังเคยมีลูกชายอีกด้วย แต่โชคร้ายที่เขาต้องมาด่วนจากไปก่อน นิตยามองลูกสาวคนสวยอีกครั้งก่อนที่เธอจะหันไปดูซุปไก่ตุ๋นที่กำลังเคี่ยวอยู่ในหม้อ
ไอรีนนิ่งเงียบไปอีกครั้งเมื่อได้ยินคำขอบคุณจากผู้เป็นแม่ ริมฝีปากอมชมพูเริ่มขบเม้มเข้าหากันเล็กน้อย มือเรียวเริ่มวางประสานกันขณะที่แววตาของเธอกำลังสั่นไหวอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด
“แต่แม่คะ...วันนี้หนูเจอพี่ฮอลด้วยค่ะ” หญิงสาวคิดอยู่นานว่าเธอควรจะบอกแม่ของเธอดีไหมเรื่องที่เธอเจอกับฮอลในวันนี้ นิตยาที่ได้ยินแบบนั้นมือที่กำลังจะจับที่ตักน้ำซุปก็ชะงักในทันทีเมื่อเธอได้ยินว่าวันนี้ลูกสาวของเธอนั้นเจอใคร
“ไปเจอเขาทำไม หนูลืมสัญญาที่ให้ไว้กับแม่เหรอ” นิตยาหันไปถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเธอกำลังไม่พอใจที่ลูกสาวไปเจอคนที่ไม่ควรเจออีกอย่างฮอล
“หนูไม่ได้ลืมค่ะแม่ แต่วันนี้ที่หนูเจอกับพี่เขาเป็นเพราะความบังเอิญค่ะ”
“บังเอิญยังไง ไม่ใช่ว่าเราอยากเจอพี่เขาด้วยอยู่แล้วเหรออัยย์ลดา...” เพราะรู้ดีว่าลูกสาวของเธอนั้นยังคงคิดถึงลูกชายของตระกูลนั้นอยู่ตลอดมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านมาอีกกี่ 10 ปี ไอรีนก็ยังไม่เคยลืมคนตระกูลนั้นโดยเฉพาะลูกชายคนรองของตระกูล RIZZO อย่างฮอล
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะแม่ คือพี่ฮอลเป็นคู่หมั้นของลิเวียเพื่อนของหนู หนูได้เจอพี่เขาเพราะความบังเอิญค่ะ”
“มันเป็นแค่ความบังเอิญที่หนูได้เจอกับพี่เขาจริง ๆ ค่ะแม่...” ร่างบางรีบอธิบายออกไปอย่างรีบร้อนเพราะกลัวว่าแม่จะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ จริงอยู่ที่ลึก ๆ แล้วเธอเคยคิดฝันว่าอยากเจอกับฮอลอีกสักครั้ง ขอแค่เพียงครั้งเดียวที่เธอจะได้เห็นเขาใกล้ ๆ แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะหาโอกาสหรือผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับผู้เป็นแม่...
เธอเก็บตัวตนของเธอเอาไว้ ซ่อนเด็กหญิงที่ชื่ออัยย์ลดาเอาไว้และใช้ชีวิตเป็นไอรีนลูกสาวของแม่บ้านตระกูลคนรวย เธอไม่เคยคิดจะผิดคำสัญญากับแม่เพราะรู้ดีว่าเรื่องราวในอดีตมันสร้างเจ็บปวดให้เธอและแม่มากแค่ไหน
ภาพเหตุการณ์ที่เธอต้องหนีตายกับผู้เป็นแม่ยังคงฝังอยู่ภายในจิตใจของเธอและแม่ไม่เคยลืม นิตยาที่ได้ยินคำอธิบายของลูกเธอก็ใจเย็นลงมาได้เล็กน้อยก่อนจะถามลูกสาวออกไปอีกครั้ง
“แล้วเขารู้ไหม จำได้หรือเปล่าว่าหนูคือใคร...”
“จำไม่ได้ค่ะ พี่ฮอลจำหนูไม่ได้...เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนูคือใคร” ร่างบางเอ่ยออกไปตามที่คิดและเธอก็อดยอมรับภายในใจกับตัวเองไม่ได้ว่าเธอแอบรู้สึกน้อยใจฮอลที่เขาจำเธอไม่ได้
เขาจำเธอไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เขาเคยบอกเธอว่าเขาจะไม่มีวันลืมเธอ...
“ดีแล้ว และมันคือสิ่งที่ควรจะต้องเป็นเพราะไม่ว่ายังไงเราก็จะไม่มีวันยุ่งเกี่ยวกับคนตระกูลนั้นอีก”
“สิ่งที่หนูกำลังรู้สึกอยู่แม่ขอห้ามเลยนะอัยย์ลดา ถึงหนูจะไม่เคยลืมคุณฮอลแม่ก็ไม่เคยห้าม อยากจะจำเขาไว้ให้นานแค่ไหนก็จำไป...”
“แต่แม่จะไม่มีทางยอมให้หนูอัยย์เขาไปยุ่งเกี่ยวกับคนตระกูลนั้นอีก และไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหนแม่ก็ไม่มีทางให้อภัยคนตระกูลนั้น...ไม่มีวัน”
“เข้าใจแม่ใช่ไหม...แม่เสียหนูอัยย์ไปอีกไม่ได้ ที่ผ่านมาหนูก็รู้ว่าแม่พยายามมากแค่ไหนที่จะรักษาชีวิตของเราสองคนแม่ลูกเอาไว้...” นิตยาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเมื่อคิดย้อนไปถึงเรื่องราวสะเทือนใจใน อดีตที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอ
ไอรีนขบเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้พร้อมกับเดินไปสวมกอดผู้เป็นแม่เอาไว้อย่างเข้าใจในสิ่งที่แม่กลัวมาตลอด
“หนูอัยย์รู้ค่ะแม่ หนูอัยย์รู้...หนูอัยย์จะไม่ทำให้แม่เสียใจ จะไม่ทำให้แม่ต้องผิดหวังนะคะ” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่พร้อมกับกอดแม่ของเธอไว้แน่น
ไอรีน หรืออีกตัวตนหนึ่งของเธอก็คือ อัยย์ลดา และเพราะเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้นมันทำให้เธอและแม่ต้องหนีตายพร้อมกับเปลี่ยนชื่อเพื่อสร้างตัวตนของพวกเธอขึ้นมาใหม่
“แม่ไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว แม่กลัว...แม่กลัว”
“จะไม่มีใครต้องเป็นอะไรอีกแล้วค่ะแม่ แม่จะไม่เสียใครไปอีกแล้วนะคะ”
วันต่อมา…
ณ มหาวิทยาลัย
“พวกแกฉันจะแต่งงานกับพี่ฮอล” ร่างบางละสายตาจากรายงานวิจัยที่ตัวเองกำลังทำอยู่นั้นหันไปมองหน้าลิเวียที่เพิ่งมาถึงห้องสมุด และพอมาถึงเพื่อนของเธอก็พูดโพล่งออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย...
ใบข้าวนิ่วหน้าด้วยความงุนงงก่อนจะถามออกไปอย่างอยากรู้ว่าเพื่อนของเธออยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่
“อารมณ์ไหนของแกก่อนลิเวีย ไปกินข้าวกับพี่เขามาครั้งเดียวอยากแต่งงานเลยเหรอ”
“ใช่ พวกแกรู้ปะพี่ฮอลไม่เหมือนผู้ชายที่เคยเข้าหาฉันเลยสักนิด...พี่เขาดูนิ่ง ๆ พูดน้อยแต่มีเสน่ห์แบบสุด ๆ เวลายิ้มทีนะใจฉันแม่งจะละลายอะ”
“และที่สำคัญเลยนะ พี่ฮอลนี่แหละคือคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความรักของฉัน”
“ถามพี่เขาก่อนมั้ยว่าเขาอยากแต่งงานกับแกบ้างหรือเปล่า…” มินาพูดก่อนจะแอบกรอกตามองบนด้วยความหมั่นไส้เพื่อนสนิทอย่างลิเวียเล็ก ๆ เพราะเมื่อวานเพื่อนเธอยังปฏิเสธเสียงแข็งอยู่เลยว่าไม่มีทางแต่งกับฮอลไม่ว่าจะยังไง
“ฮึ อยากแต่งแน่นอนอยู่แล้วค่ะ เมื่อวานพี่เขาดูแลเทคแคร์ฉันดีมากกก เพราะงั้นยังไงก็คนนี้แหละ” ลิเวียพูดอย่างลอยหน้าลอยตาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับกวาดสายตามองไปยังเพื่อน ๆ ที่กำลังทำรายงานวิจัยของตัวเอง
“ทำไมแกไม่จ้างทำวิจัยจบอะมินา จะทำเองให้เปลืองแรงทำไม” ลิเวียเอ่ยถามก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมานั่งเล่นอย่างอารมณ์ดี
“เชิญแกจ้างไปคนเดียวเถอะค่ะ ฉันทำวิจัยเองสบายใจกว่า เวลาโดนถามจะได้ไม่อึกอัก”
“จะจ้างทำหรือทำเองก็เหมือนกันนั่นแหละ...ไม่ต้องมานั่งหาข้อมูลตาแตกเองด้วย”
“เออไอรีน เมื่อวานที่พี่ฮอลให้นามบัตรแกไว้อะเอามาให้ฉันนี่มา”
“ค่ารักษาแกจ่ายไปเท่าไหร่เดี๋ยวฉันเคลียร์แทนพี่เขาเองไม่ต้องติดต่อพี่เขาไป มันเสียเวลาพี่เขาอะ” ลิเวียเอ่ยเสียงเรียบพลางยื่นมือไปตรงหน้าไอรีนเพื่อให้เธอส่งนามบัตรฮอลมา
ไอรีนละสายตาจากรายงานตรงหน้าก่อนที่เธอจะเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาวางบนโต๊ะพร้อมกับหานามบัตรของฮอลเพื่อนยื่นให้ลิเวียตามที่เพื่อนของเธอต้องการ
“นี่แกอย่าบอกนะว่าแกหวงพี่ฮอลกับไอรีนมันอะ” มินาถามพร้อมกับมองหน้าลิเวียอย่างรู้ทันอาการแบบนี้ของเพื่อน ลิเวียไหวไหล่ตัวเองน้อย ๆ ก่อนจะพูด
“เปล่านิ ฉันจะไปหวงพี่ฮอลกับยัยไอทำไม แกก็รู้ว่าพี่ฮอลเป็นใครแล้วไอเป็นใคร แล้วอีกอย่างนะฉันไม่เห็นว่ามันจะมีความจำเป็นอะไรที่พี่ฮอลจะต้องมารับผิดชอบยัยไอเลยอะ”
“ก็ที่แกทำเนี้ยไม่เรียกว่าหึงว่าหวงพี่ฮอลเหรอไง ก็แทนที่จะให้พี่เขาเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายให้ยัยไอมัน”
“จะใครก็เหมือนกันนั่นแหละ เพราะยังไงฉันก็คือคู่หมั้นพี่ฮอลแล้ว เงินค่าทำแผลไม่กี่บาทฉันจ่ายได้สบาย ๆ อยู่แล้ว”
“จริง ๆ แกก็มีเงินแกน่าจะจ่ายแทนยัยไอไปเลยด้วยซ้ำนะมินา” ลิเวียเอ่ยออกไปอย่างไม่คิดจะสนใจอะไร เธอรับนามบัตรฮอลมาถือไว้พร้อมกับอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ไอรีนได้แต่มองหน้าเพื่อนตัวเองนิ่ง ๆ ก่อนที่เธอจะรีบทำรายงานวิจัยต่อ เพราะช่วงบ่ายอาจารย์นัดตรวจบทที่ 1 ถึงบทที่ 3
“มันไม่ใช่เรื่องของมีเงินหรือไม่มีเงิน มันคือเรื่องของการรับผิดชอบค่ะ”
“ฉันก็บอกอยู่นี่ไงว่าฉันจะรับผิดชอบแทนเองจะใครก็เหมือนกัน แล้วไหนขอดูแผลหน่อยดิไอ...”
“แผลก็เล็กแค่นี้เอง...” ลิเวียพูดพร้อมกับจับแขนไอรีนมาดู ร่างบางที่นั่งเงียบเพราะต้องการรีบทำรายงานให้เสร็จได้แต่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บที่แขน เพราะลิเวียจับโดนเข้าที่แผลของเธอพอดี
“อ๊ะ เจ็บลิเวีย” ร่างบางเอ่ยออกไปก่อนจะดึงแขนตัวเองออกมา
“อ้าวเจ็บเหรอ...โทษทีแก”
“ไม่เป็นไร...” ไอรีนเอ่ยออกไปอย่างไม่คิดอะไรก่อนที่เธอจะรีบทำงานต่อ
“คุยกับแกแล้วปวดหัวชะมัด หลงผู้ไม่สนเพื่อน” ใบข้าวพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าลิเวียด้วยสายตาเอือมระอากับความคิดของเพื่อน ถึงแม้จะรู้ดีว่าเพื่อนอย่างลิเวียเป็นคนเอาแต่ใจชอบพูดอะไรไม่คิดแต่เธอก็ไม่คิดว่าจะไม่คิดอะไรเลยได้ขนาดนี้...