ไม่จริง ไม่ใช่…
“เธอ…แต่งงานแล้วเหรอ”
ประโยคที่จู่โจมมาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวทำให้ชายหนุ่มมือสั่นไปเล็กน้อย ความรู้สึกแปลกประหลาดอัดแน่นอยู่ในอก เขาพลั้งปากถามคำถามที่ไม่ค่อยอยากจะพูดมันออกมาเสียงแผ่ว ภาวนาหวังอยู่ในใจว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเขาคงจะหูฝาดไปเองเท่านั้น
“จะให้พูดอีกกี่ครั้งว่าฉันแต่งงานแล้ว แต่ยังไงก็ขอบคุณที่มาส่ง นี่ก็เริ่มดึกแล้วพี่ควรรีบกลับไปเถอะ ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้สามีเข้าใจผิด”
“…”
ภายใต้ความเงียบงันเหมือนพิษร้าย ใบหน้าคมคายสะท้อนให้เห็นถึงความเจ็บปวดราวกับถ้อยคำของหญิงสาว ทุกประโยคเป็นมีดแหลมคมกรีดลึกลงมากลางใจชายหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้เจ็บและสิ้นหวัง จนเขาแทบจะรับไม่ไหวอีกต่อไป
หยาดน้ำตาลูกผู้ชายที่คิดว่าเหือดแห้งไปหมดแล้วอีกครั้งเอ่อระเรื่อคลอขอบตาแดงก่ำอีกครั้ง ในหัวตอนนี้มีแต่คำถามสับสนมากมายวนเวียน ตกลงว่านี่เขาช้าเกินไปอย่างนั้นใช่ไหม…
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อน”
หญิงสาวพูดและมองทุกอย่างด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะผลักไสไล่ส่งชายหนุ่มโดยการล็อกกลอนประตูรั้วและหมุนตัวหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน ทิ้งให้เขายืนมองดูเธอจากไปด้วยความว่างเปล่าและสิ้นหวัง
“แม่คร้าบบ กลับมาแย้วเบ๋ออ”
แต่ทว่าในขณะนั้นเอง ขณะที่หญิงสาวย่างขาเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆ เสียงเล็กของเด็กชายคนหนึ่งก็ดังลอดขึ้นมาจากข้างในบ้าน ดึงความสนใจให้ชายหนุ่มซึ่งตกอยู่ในภวังค์ความเจ็บปวดแสนสาหัสอยู่นั้นต้องเบนสายตาไปมองตามเสียงผู้มาใหม่
เด็กชายร่างเล็กตุ้ยนุ้ยดูจากสายตาแล้วน่าจะวัยประมาณสี่ขวบเศษ วิ่งเตาะแตะตรงเข้ามาโอบกอดหญิงสาวด้วยท่าทีที่ดูตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าเธอกลับมาแล้ว
“แม่ฮะ ผมคิดถึงแม่จังเลย”
“แม่ก็คิดถึงหนูเหมือนกันจ๊ะ”
ท่าทีเย็นชาพลันจางหายไปในพริบตากลายเป็นความอ่อนโยนขึ้นมาแทน หญิงสาวยกฝ่ามือเรียวลูบศีรษะของเด็กชายอย่างทะนุถนอม พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลฟังแล้วระรื่นหู ซึ่งผิดกับในทีแรกตอนปฏิบัติกับชายหนุ่มที่ยังคงยืนมองเธออยู่ไปโดยสิ้นเชิง
“แม่ฮะ อุ้มผมหน่อย” เด็กชายกระโดดโลดเต้นย้ำอยู่กับที่ ชูมือขึ้นทั้งสองข้างรอให้หญิงสาวอุ้มด้วยความดีใจ
“ได้สิจ๊ะเด็กดี”
กล่าวจบ เธอโน้มตัวลงไปกอดร่างจ้ำม่ำของเด็กชายอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนและหอมแก้มฟอดใหญ่ด้วยสายใยรักของแม่ลูก
ทว่าภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเหล่านี้กลับทำให้ร่างชายหนุ่มก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ดวงตาที่มีน้ำตารื้นอยู่เบิกกว้างมองด้วยความไม่คาดคิดจนสมองเขาว่างเปล่าไปชั่วขณะ
แต่ที่ชายหนุ่มมีท่าทีเช่นนี้ไม่ใช่เพราะตกตะลึงเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีลูกแล้วแต่อย่างใด กลับเป็นเพราะรูปร่างและใบหน้าของเด็กชายต่างหาก ยิ่งมองเท่าไหร่ก็ยิ่งเหมือนกับว่าถอดแบบจากเขามาไม่ผิดเพี้ยน ไม่ว่าจะเป็นเค้าโครงใบหน้า สีผม และดวงตาโตสีดำสนิทคู่นั้นล้วนมีความคล้ายคลึงทั้งสิ้น จนเขาเผลออดขมวดคิ้วและคิดในใจไม่ได้เลยว่าเด็กคนนี้คือลูกชายของเขาหรือเปล่านะ…
“แม่ฮะ ใครมากับแม่ด้วยเหรอฮะ” เด็กชายเอ่ยถามพร้อมเอียงคอมองชายที่อยู่ตรงฝั่งประตูรั้วตรงข้ามอย่างสงสัยใคร่รู้
ดึงความสนใจให้เธอต้องละสายตากลับมามองเขาอีกครั้งด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาให้คำตอบกับลูกชายด้วยรอยยิ้มจางๆ อย่างไม่ต้องการให้ลูกของเธอรู้หรือเกี่ยวพันกับผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย
“เอ่อ คือเขาแค่อาสามาส่งแม่เท่านั้น…”
“กอหญ้า…”
แต่ยังไม่ทันให้หญิงสาวพูดจบประโยค จู่ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยเรียกชื่อเธอดักคอขึ้นเสียก่อน
“…”
“พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม เด็กคนนี้…เด็กคนนี้คือลูกของเธอกับสามีอย่างนั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มเอ่ยถามน้ำเสียงสั่นเครือ ย้ำคำพูดเดิมของหญิงสาวอย่างร้อนรนใจ อยากรู้ใจจะขาดว่าใช่อย่างที่เธอพูดมาจริงหรือไม่
แต่สำหรับเธอที่ไม่ต้องการให้เขาเข้ามายุ่งวุ่นวายชีวิตใหม่ที่สงบสุขกับลูกแค่สองคนอยู่แล้ว ทำได้เพียงยกริมฝีปากเป็นรอยยิ้มปิดบังความรู้สึกอันแสนเจ็บปวดตรงหัวใจ จนขอบตาร้อนผ่าวไปหมด ฝืนกลั้นตอบกลับเป็นคำโกหกบอกกับเขาไปในสิ่งที่อยากรู้ให้ชัดเจน
“ใช่ เด็กคนนี้ชื่อ ‘สิงหา’ เขาเป็นลูกชายฉันเอง เราต่างคนต่างก็มีครอบครัวแล้วและฉันก็ขอย้ำอีกครั้งว่าเรื่องในอดีตฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไรเลย ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอดีตไป ฉันพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว งั้นฉันขอตัว”
ทันทีที่พูดจบ คนตัวเล็กก็หมุนตัวหันหลังเตรียมอุ้มเด็กชายเดินกลับเข้าบ้านไปทันทีอย่างไม่ไยดี ทว่าจู่ๆ เด็กชายที่ยังคงจดจ้องมองชายหนุ่มไม่ละสายตานั้นกลับเอ่ยคำพูดหนึ่งขึ้นมาเสียงดัง
“พ่อฮะ!”
ถ้อยคำที่ไม่เคยคุ้นหูและคาดไม่ถึง ทำเอาขาเรียวถึงกับชะงักหยุดก้าวเดินกะทันหัน หญิงสาวยืนตรึงอยู่กับที่ ดวงตาโตเบิกกว้างหัวใจเต้นสั่นระรัวขึ้นมาพลัน ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลยว่าเจ้าลูกชายตัวแสบของเธอจะเรียกอีกฝ่ายว่าพ่อออกมาได้เต็มปากเต็มคำ ทั้งที่เพิ่งได้มาเจอหน้ากันครั้งแรก
'สิงหาเรียกเขาว่าพ่อ นี่ฉันคงหูฝาดไปแน่ๆ!’
'เด็กคนนี้เรียกฉันว่าพ่ออย่างนั้นเหรอ?’
แม้แต่ชายหนุ่มเองได้ยินแล้วหัวใจเขาถึงกับกระตุก ดวงตาฉายแววตกตะลึงไม่ต่างไปจากหญิงสาวเลยเช่นกัน
เมื่อเห็นเด็กชายที่เขาเพิ่งสังเกตอย่างถี่ถ้วนว่ามีใบหน้าละม้ายคล้ายเขามากราวกับเป็นแกะ ตะโกนเรียกเขาว่าพ่อเสียงดังฟังชัดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ ยิ่งเห็นรอยยิ้มไร้เดียงสานั้นแล้วก็ยิ่งทำให้เขาแทบจะหลงคิดมั่นใจว่าตนไม่ได้เข้าใจผิดคิดเข้าข้างตัวเอง
หรือว่าเด็กคนนี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขเขาจริงๆ กันนะ....
ทว่าลางสังหรณ์กลับผุดวาบขึ้นมาในใจของหญิงสาวในวินาทีนั้น เธอกอดกำชับร่างลูกชายในอ้อมอกแน่นขึ้นก่อนรีบเอ่ยห้ามปรามด้วยน้ำเสียงร้อนรนอย่างสุดระงับ กลัวว่าความจริงบางอย่างที่เธอพยายามปิดบังเขามาตลอดจนถึงตอนนี้ และเธอก็ไม่ได้อยากให้เขารู้เลยด้วยซ้ำเพราะตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเก็บเป็นความลับไปตลอดชีวิตจะถูกเปิดเผยเสียตอนนี้
“สะ สิงหาพูดอะไรของหนูนะลูก”
“ก็เรียกพ่อไงฮะแม่ เขาคือพ่อของผมใช่ไหมฮะ” เด็กชายกล่าวด้วยความใสซื่อตามประสาวัยกำลังโต
“ใช่ที่ไหนกันล่ะ หนูเข้าใจผิดแล้ว พ่อของหนูไปทำงานแค่ไม่กี่วันก็ลืมหน้าพ่อแล้วเหรอลูก อาคนนั้นเขาไม่ใช่พ่อของลูกนะครับ เขาเป็นแค่คนที่เคยรู้จักของแม่นะ”
“แต่ว่า…”
“แม่ว่าเรารีบเข้าบ้านกันดีกว่า พ่อของลูกไปทำงานยังไม่กลับ ดึกแล้วเราเข้าบ้านไปรอพ่อกันดีกว่านะครับ”
แน่นอนว่าหญิงสาวที่ไม่ต้องการให้ชายหนุ่มได้ยินหรือรับรู้อะไรไปมากกว่านี้ พูดจบ เธอจึงรีบอุ้มพาตัวลูกชายเดินหายกลับเข้าไปในบ้านทันที โดยไม่เหลียวหลังหันกลับมามองหรือสบตาชายหนุ่มที่ยังคงมองตามแผ่นหลังเธอจนลับตาด้วยความสงสัยทั้งเคลือบแคลงใจไม่หายในสิ่งที่เขาได้ยินจากปากเด็กชายลูกของเธอเมื่อครู่
บนรถ
“พ่ออย่างนั้นเหรอ…”
เป็นเวลานาทีต่อนาทีหลังจากขึ้นรถหรูเดินทางกลับ ชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด มองไปนอกหน้าต่างขณะรถกำลังวิ่งบนทางถนนด้วยอาการเหม่อลอย ในหัวยังคิดไม่ตกทบทวนถึงสิ่งที่หญิงสาวพูดมาทั้งหมดและเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เธอบอกว่าเธอแต่งงานมีสามีแล้วและเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือลูกของเธอ
….แต่ทำไมแวบแรกที่ได้เห็นเด็กชายหัวใจกลับเกิดความคุ้นเคยและรู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกราวกับว่าผูกพันกันมานานทั้งที่เจอกันครั้งแรก หนำซ้ำใบหน้าค่าตาของเด็กคนนั้นยังละไม้คล้ายกับเขามากขนาดนั้นอีก จนถึงขั้นที่ว่าถ้าหากไปบอกใครๆ ว่าเด็กคนนี้คือลูกของเขาแน่นอนว่าทุกคนต้องเชื่ออย่างสนิทใจโดยไม่มีข้อสงสัย
'เรื่องนี้ดูไม่ถูกต้อง เธอต้องมีอะไรสักอย่างที่พยายามปิดบังอยู่แน่ๆ ยังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้!’
…..
ทางด้านหญิงสาว หลังจากแอบยืนสังเกตการณ์อยู่หลังผ้าม่านหน้าต่างภายในบ้านจนกระทั่งเห็นว่าชายหนุ่มกลับไปแล้ว เธอจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนหันกลับมาย่อตัวนั่งลงตรงหน้าลูกชายตัวดีและเริ่มตำหนิติเตือนเพียงเล็กน้อยในทันที
“สิงหาต่อไปนี้ลูกอย่าเรียกคุณอาคนนั้นว่าพ่ออีกนะครับ เขาไม่ใช่พ่อของลูก”
“แล้วทำไมคุณอาคนนั้นเขาถึงได้หน้าคล้ายผมมากขนาดนี้ฮะแม่ แถมเขามาส่งแม่ที่บ้านอีก จะไม่ให้ผมคิดว่าเป็นพ่อได้ยังไง” ด้วยความที่สิงหา เป็นเด็กนักช่างสังเกตค่อนข้างฉลาดหลักเหลี่ยมมากกว่าเด็กธรรมดาทั่วไปในวัยนี้ เขาเลยตั้งคำถามคนเป็นแม่ไปตรงๆ
แต่เมื่อหญิงสาวถูกลูกชายถามกลับมาเช่นนั้น เธอถึงกับชะงักพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามนี้ยังไงให้ลูกชายเข้าใจดี เพราะเดิมทีเธอก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาเจอกับเขาอีกครั้งในเวลาแบบนี้ และไม่อยากให้เขากลับเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของเธอและลูกชายด้วย ทั้งที่ในใจลึกๆ แล้วก็กลัวว่าการตัดสินใจของเธอครั้งนี้อาจจะสร้างตราบาปหรือปมด้อยให้ลูกในอนาคตก็ได้ที่ต้องเกิดมามีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ไร้ซึ่งคนเป็นพ่อ…
“สิงหาฟังแม่นะลูก แม่รู้ว่าหนูอยากเจอและคิดถึงพ่อมาก แต่ผู้ชายคนนั้นเขาแต่งงานมีครอบครัวของตัวเองอยู่แล้ว เขาจะมาเป็นพ่อของลูกได้ยังไงกันล่ะจริงไหม”
“ถ้าเขาไม่ใช่พ่อผม แล้วพ่อผมเป็นใครเหรอฮะแม่ ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลยล่ะ ไหนแม่บอกว่าจะพาผมไปเจอพ่อไงล่ะฮะ”
เด็กชายยังคงเอ่ยปากถามคำถามต่อไม่หยุด จนทำให้คนเป็นแม่ถึงกับใบหน้าสลดลงทันที เธอทำได้เพียงแค่ฝืนยิ้มบางๆ ให้กับลูกและพูดบางสิ่งออกไปให้ลูกชายของเธอเข้าใจ
“ตอนนี้แม่ก็เป็นได้ทั้งแม่และพ่อให้ลูกได้นี่ครับ รู้ไหมว่าแม่เก่งแค่ไหน แม่เป็นให้หนูได้ทุกอย่างเลยนะ” มือเรียวบางยกมือขึ้นลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ อย่างปลอบประโลม นัยน์ตามองใบหน้าจิ้มลิ้มซึ่งดูคล้ายกับคนเป็นบิดาด้วยความเศร้าหมอง ก่อนจะทำทีพูดเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้ลูกชายของเธอหยุดสงสัยเรื่องนี้เสียทีจนกว่าจะถึงเวลาเหมาะสมที่เขาต้องรู้ด้วยตนเอง
“แต่ว่า…”
“วันนี้แม่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว งั้นเราไปอาบน้ำให้เย็นสบายแล้วเข้านอนกันดีกว่านะครับเด็กดีของแม่”
“อือ ก็ได้ฮะ” ท้ายที่สุดเด็กชายก็เลิกถาม พยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง
“งั้นเราไปกันจ้ะ”
พูดจบ หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานให้กับลูกชายก่อนหยัดตัวลุกขึ้นยืน เอื้อมมือมาจูงมือน้อยๆ ให้เดินเตาะแตะตามไปยังห้องน้ำ พลางเอ่ยถามถึงชีวิตประจำวันของลูกชายในวันนี้ “วันนี้ป้าพิมทำเมนูอะไรให้หนูทานจ้ะ”
“วันนี้ป้าพิมทำไข่ตุ๋นทรงเครื่องให้ผมทานฮะ โคตรอร่อย ป้าพิมทำกับข้าวอร่อยทุกวันเทียบกับฝีมือแม่เลย”
“จริงเหรอจ๊ะเนี่ย แบบนี้แม่ก็มีคู่แข่งแล้วนะสิ”
“แต่ของแม่เป็นที่หนึ่งในใจของผมนะ”
“ดีจังเลย น่ารักที่สุดลูกชายของแม่”