รมตีใช้เวลาอาบน้ำราวครึ่งชั่วโมง หญิงสาวเดินออกมาพร้อมกับสวมเสื้อผ้าตัวใหญ่มิดชิด ร่างเล็กเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา เธอไม่หันไปมองพ่อเลี้ยงแสนแม้แต่หางตา
คืนนี้รมตีตั้งใจจะนอนบนโซฟา เพราะคงไม่สามารถนอนบนเตียงเดียวกันกับเขาได้ ขณะที่สายตาดุดันของอีกฝ่ายกำลังจ้องมองมา
"มานอนบนเตียง" พ่อเลี้ยงแสนออกคำสั่ง เธอหันไปมองคนตัวโต จึงเห็นร่างกำยำเปลือยกายท่อนบนนั่งอยู่บนเตียงนอน
"มะ ไม่เป็นไรหรอก ฉัน...ฉันไม่อยากแย่งที่นอนคุณ ให้ฉันนอนตรงโซฟานี่แหละดีแล้ว" รมตีพูดติดขัด เธอรีบก้มหน้าลงทันทีเมื่อเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ของพ่อเลี้ยงแสน
"ฉันบอกให้มานอนบนเตียง" เขาพูดเสียงดุดันขึ้นอีก
"นี่คุณ ตกลงจะไม่ให้ฉันลงไปนอนห้องข้างล่างจริงๆ ใช่หรือเปล่า คุณเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันนะ ฉันไม่หนีไปไหนหรอก"
หญิงสาวพยายามโน้มน้าว เพราะตอนนี้แทบหายใจไม่ทั่วท้อง หากเป็นเช่นนี้แล้วตนจะนอนอยู่ในห้องเดียวกันกับพ่อเลี้ยงแสนตลอดทั้งคืนได้อย่างไร
ทว่าชายหนุ่มกลับถอนหายใจเสียงดัง เขาคิดไตร่ตรองก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็จะอดทนต่ออารมณ์ความรู้สึกของตนเอง แต่จะไม่ยอมปล่อยให้รมตีคลาดสายตาเด็ดขาด
"นอนในนี้แหละ" ชายหนุ่มพูดสั้นๆ แล้วจึงทิ้งตัวนอนลงพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายไว้ ผ้าผืนใหญ่ช่วยปกคลุมความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของพ่อเลี้ยงแสน รมตีจะได้ไม่ต้องมองเห็นสิ่งที่เธอไม่ควรเห็น
"งั้นฉันขอหมอนกับผ้าห่มก็ได้ เดี๋ยวฉันนอนบนโซฟาเอง" หญิงสาวพูดแล้วจึงลุกเดินมาหาพ่อเลี้ยงแสน เธอคว้าเอาหมอนใบใหญ่มากอดไว้ ทว่าผ้าห่มกลับมีเพียงผืนเดียวที่ชายหนุ่มกำลังห่มอยู่
"ฉันง่วงแล้วนะ เลิกเดินไปเดินมาซะที" ชายหนุ่มพูดเสียงเบาขณะที่ยังคงหลับตาอยู่
"ฉันไม่ได้เดินซะหน่อย แล้วในตู้มีผ้าห่มเก็บไว้หรือเปล่า ฉันเดินไปเอาเองก็ได้" รมตีเพียงแค่ต้องการผ้าห่มผืนเดียวเท่านั้น เพราะช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว อากาศยิ่งหนาวเย็นจับใจ
"ผ้าห่มมีผืนเดียวผืนที่ฉันห่มอยู่ เลิกถามมากแล้วก็มานอนบนเตียงด้วยกันนี่แหละ ไม่ต้องนอนบนโซฟาหรอก" เขาบอกเสียงเหนื่อยหน่าย
"ไม่เอา" ทว่าหญิงสาวกลับปฏิเสธทันควัน
"ฉันสั่งให้ขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกัน ทำไมตอนนี้ไม่เห็นใจกล้าปากดีเหมือนก่อนหน้านี้ล่ะ?" พ่อเลี้ยงแสนพูดเสียงดุขึ้นอีก
"นี่คุณ จะดุทำไมล่ะ?"
"จะให้ฉันลากเธอขึ้นเตียงงั้นเหรอถึงจะยอมมานอนดีๆ" เขาขู่
"ไม่ใช่ คุณนี่นะ เอาแต่พูดจาข่มขู่ฉันอยู่นั่นแหละ เหลือความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้างหรือเปล่าเนี่ย?" รมตีถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
"หึ! ฉันไม่มีหรอก ไม่ต้องถามหาแล้วก็ไม่ต้องคาดหวังความเป็นสุภาพบุรุษจากคนอย่างฉัน!" แสนลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ จากนั้นจึงรั้งข้อมือเล็กของรมตีให้เธอนั่งลงบนเตียงนอน
"ปล่อยนะ!" เสียงเล็กโวยวาย
"ร้องเสียงดังขึ้นอีกสิ เขาจะได้ยินกันทั้งบ้านว่าเธอกับฉันทำอะไรกัน"
"เราไม่ได้ทำอะไรกันซะหน่อย แต่จะให้ฉันนอนกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันวันแรกเนี่ยนะ?"
"ทำไม ฉันมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ อีกอย่างเราสองคนก็แค่นอนด้วยกัน ไม่ได้ทำอะไรกันซะหน่อย" แสนยกคิ้วพูดจายอกย้อนคำพูดของหญิงสาว
"แค่จับฉันมาขังไว้ไม่พอ แต่ถึงขั้นต้องลากฉันขึ้นมานอนบนเตียงของคุณเลยเหรอ?"
"ใช่! โทษฐานที่เธอไม่ยอมพูดความจริงกับฉัน แต่ไม่ต้องคิดมากว่าฉันจะทำอะไรเธอรมตี ฉันยังมีสติดีอยู่" เขาช่างเป็นผู้ชายปากร้าย รมตีได้แต่ทำหน้าบึ้ง
"ก็หวังว่าจะไม่ทำ เพราะความจริงฉันมีแฟนแล้ว ส่วนคุณก็มี..." หญิงสาวฉุกคิด แต่นึกขึ้นมาได้ว่าตนแอบรื้อข้าวของของชายหนุ่มถึงได้เห็นภาพนั้นเธอจึงไม่พูดอะไรอีก ส่วนเรื่องมีแฟนนั้นตนเพียงแค่โกหก เพราะหวังว่าจะรอดพ้นค่ำคืนนี้ไปได้
"มีแฟนแล้วงั้นเหรอ?" แสนเลิกคิ้วถาม
"ใช่" และคำตอบของรมตีก็ทำให้อารมณ์หื่นกระหายในร่างกายของพ่อเลี้ยงแสนบรรเทาลงบ้างเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขาเชื่อว่ารมตีมีแฟนแล้ว เพราะหญิงสาวจัดเป็นผู้หญิงที่สวยโดดเด่นเป็นอย่างมาก เป็นผู้หญิงมีเสน่ห์ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของผู้ชายทั่วไป
พ่อเลี้ยงแสนรู้สึกผิดหวังในใจ เขาทิ้งตัวนอนลงอีกครั้งและพยายามข่มตาให้หลับ รมตีจึงเอื้อมมือไปคว้าเอาผ้าห่มผืนใหญ่อีกครึ่งหนึ่งจากพ่อเลี้ยงแสนมาคลุมกายไว้ และยังคว้าเอาหมอนข้างมาวางไว้ตรงกลางเพื่อกั้นระหว่างคนสองคนไว้อีกด้วย
เช้าวันถัดมา
คุณแสงศราไปหารมตีที่ห้องนอนของหญิงสาวแต่กลับไม่เจอ ชมพู่จึงรายงานเจ้านายว่าเมื่อคืนได้ยินเสียงของหญิงสาวอยู่ในห้องนอนของพ่อเลี้ยงแสน ทำให้ตอนนี้นางโกรธบุตรชายเป็นอย่างมาก
แม้จะรู้ดีว่าแสนไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษมากนัก แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะทำเรื่องน่าอับอายถึงขนาดนี้ กลับกลายเป็นรมตีที่เป็นคนที่น่าสงสารและน่าเห็นใจที่สุด
"แสน ลงมาพอดีเลย มานี่เลยพ่อตัวดี" เป็นจังหวะที่พ่อเลี้ยงแสนเดินลงมาจากชั้นสองพอดี คุณแสงศราไม่รอช้าที่จะเรียกบุตรชายมาคุยอย่างจริงจัง
"อรุณสวัสดิ์ครับ ทำไมถึงทำเสียงดุขนาดนั้นล่ะครับคุณแม่" ชายหนุ่มมีสีหน้าอารมณ์ดี แต่มันผิดปกติไปจากทุกวันที่เขามักจะเอาแต่ทำหน้าอมทุกข์
"เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
"ค่อยคุยหลังทานมื้อเช้าได้ไหมครับคุณแม่ ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว"
"ไม่ได้ ทำไมลูกถึงทำแบบนั้นกับหนูสร้อย?"
"ผมทำอะไรครับคุณแม่?" แสนจำได้ว่าตนยังไม่ได้ทำอะไรรมตีเลยแม้แต่ปลายเล็บ
"หนูสร้อยเขาเป็นผู้หญิง พาขึ้นไปนอนบนห้องนอนของลูกแบบนั้นได้ยังไง ผู้หญิงเขาเสียหายรู้หรือเปล่า ถ้าพ่อแม่เขารู้เรื่องขึ้นมาจะทำยังไง?"
"คุณแม่ใจเย็นๆ นะครับ ความจริงมันไม่ได้มีอะไรเลยครับ ผมไม่ได้ทำอะไรกับรมตี"
"ไม่ได้ทำแล้วเอาเขาขึ้นไปนอนบนห้องด้วยทำไม?" คุณแสงศรากอดอกเลิกคิ้วถาม นางอยากรู้ว่าบุตรชายกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำถึงขนาดนี้
"ก็แค่...ให้เขานอนด้วยเพราะผมกลัวเขาจะหนีไป แค่นั้นเองครับ"
"กลัวเขาหนีไป? แม่เห็นลูกให้คนงานมาเฝ้าที่หน้าบ้านตั้งแต่เมื่อคืนจนป่านนี้ยังไม่กลับไป จะกลัวเขาหนีอะไรขนาดนั้นแสน อีกอย่างถ้าเขาไม่รู้เรื่องก็ควรจะปล่อยเขาไปได้แล้ว ลูกจะทำตามใจตัวเองโดยการจับใครมาขังไว้แบบนี้ไม่ได้"
"คุณแม่ครับ เรื่องนี้ผมขอจัดการเองได้หรือเปล่าครับ ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำอะไรเกินเลยแน่นอน เชื่อใจผมนะครับ" พ่อเลี้ยงแสนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และคาดหวังว่ามารดาจะสนับสนุนการกระทำของตน
คุณแสงศรารู้ดีว่าบุตรชายเจ็บปวดเรื่องที่สูญเสียบิดาไปกะทันหัน นางเองก็ไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการที่เขาจับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอาจไม่รู้เห็นด้วยมาคาดคั้นเอาคำตอบเช่นนี้
"ก็ได้ แม่จะยอมให้ลูกจัดการเรื่องนี้ก็ได้ แต่ขออย่างเดียว อย่าพาหนูสร้อยขึ้นไปนอนบนห้องนอนของลูกอีก หนูสร้อยเขาเป็นผู้หญิง อายุก็ยังน้อยๆ พ่อแม่เขาคงใจสลายถ้ารู้ว่าลูกทำแบบนี้กับลูกสาวของเขา"
นางพูดด้วยความเห็นอกเห็นใจทั้งสองฝ่าย และยอมให้บุตรชายจัดการเรื่องนี้โดยที่ตนจะคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ได้แต่หวังว่าเรื่องราวจะคลี่คลายในเร็ววัน ทุกคนจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างปกติสุขเช่นที่เคยเป็นมา...
จับแต่งเลยค่ะแม่ อิอิ ท่าทางลูกชายจะไม่ติดเลยสักนิด คอมเมนต์มาคุยด้วยหนา ♥