บทที่ 1 ต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยว 1/2

1191 Words
เพล้ง!!! เสียงแจกันในห้องนอนของหลินเหยาแตกละเอียด เพราะโดนเจ้าของนั้นขว้างปาด้วยโทสะที่กำลังโหมกระพือ เพราะพี่สาวตัวดีเป็นต้นเหตุของอารมณ์ขุ่นมัวในครั้งนี้ “นางมีสิทธิ์อันใดมาไล่ข้า!” เสียงเดือดดาลพ่นออกจากลำคอด้วยความโกรธแค้น ทำไม...ทำไมนางต้องเป็นน้องสาว ทำไมนางต้องเกิดทีหลัง ทำไมมันจะสูงส่งกว่านาง คำว่าทำไมผุดขึ้นจนรู้สึกแน่นอก จนหายใจไม่ออก แต่เล็กแม้ว่าแม่ได้เลื่อนเป็นฮูหยินใหญ่ แต่ว่าที่มาของแม่นั้นเกิดจากสตรีอุ่นเตียงในกองทัพมาก่อน นั่นย่อมทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียง ต่อให้บ่าวไพร่ในจวนเคารพนางกับแม่ในฐานะคุณหนูในจวน กับฮูหยินใหญ่ แต่ลับหลังพวกนางก็เอาไปพูดกันสนุกปาก ทั้งดูแคลนนางที่เป็นลูกอนุมากก่อนอยู่ดี “บ่าวเก็บของเสร็จแล้วเจ้าค่ะคุณหนู เรารีบไปขึ้นรถม้ากลับกันเถิด” เสี่ยวเหรินรีบเตือนผู้เป็นนาย หากขืนให้พ่อบ้านหลี่มาไล่อีกรอบ คิดว่าการมาเยือนจวนจวิ้นอ๋องล้วนไม่ง่ายแล้ว “ไม่ข้าไม่กลับ” “โธ่...คุณหนู อย่าดื้อสิเจ้าคะ...เราแค่กลับไปตั้งหลักวางแผนก่อนเจ้าค่ะ...อีกอย่างครั้งนี้เป็นจวิ้นอ๋องที่ออกปากไล่ ไม่ใช่แค่เรานะเจ้าคะพระชายาเว่ยเหยาก็ด้วย” เสี่ยวเหรินคร้านจะอับอายหน้าทนอยู่ในจวนจวิ๋นอ๋อง นายของตนตำแหน่งใดในจวนล้วนไม่มีไม่พอ ยังทำตัวเป็นสตรีน่าเกลียดให้สาวใช้บ่าวรับใช้ในจวนนินทากันอีก กล่าวได้ว่าใบหน้าของคุณหนูนางก็งามไม่แพ้สตรีนางใด เพียงแต่ด้อยกว่าคุณหนูเว่ยเหยาก็เท่านั้น เหตุใดคิดอยากใช้สามีร่วมกับพี่สาว เมื่อหวงไท่จื่อคิดอยากเชื่อมสัมพันธ์จึงอ้างว่าคุณหนูใหญ่เว่ยเหยานั้นเกิดก่อนสมควรออกเรือนได้แล้ว จึงให้แต่งกับหงจื่อจวิ้นอ๋อง นั่นนำมาซึ่งความริษยาของแม่ลูกคู่นี้ซึ่งเสียวเหรินไม่อยากพูดให้มากความ แม้จะรู้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งใด “หึ...จริงสินะ พี่สาวคนดีของข้าก็โดนตะเพิดไล่ ก็ได้ข้าจะกลับไปก่อน หากเมื่อมันสิ้นอำนาจในจวนเมื่อใด ข้าจะเข้ามาแทนที่ ดึงดันตอนนี้ไปก็รังแต่จะมีคนนินทา” เสี่ยวเหรินเอามือลูบอก ในที่สุดนายของตนก็ฉลาดสักที การยื้อแย่งอำนาจในจวนจวิ้นอ๋องทำได้ หากว่ามีอำนาจบ้าง แต่นี่เป็นเหมือนสาวใช้ก็ไม่ปาน อ้างว่ามาดูแลท่านอ๋อง ที่จริงก็ต้องการเป็นอนุเท่านั้น แต่จวิ้นอ๋องผู้นี้เดาใจยากยิ่ง ขนาดหญิงงามดั่งนางเซียนมาจุติอย่างคุณหนูใหญ่เว่ยเหยา ก็ไม่คิดสนใจเหลียวแล ทุกคนต่างรู้ดีว่าท่านอ๋องมีใครบางคนอยู่ในใจ ผู้นั้นคงงดงามมากสินะ ที่ทำให้กระทั่งสตรีงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงเช่นคุณหนูเว่ยเหยาถึงกับหน้าถอดสี เมื่อตนเป็นถึงพระชายาแต่ไม่ได้รับความรักไม่พอ การให้เกียรติผู้เป็นเมียยังไม่มี เรือนพระชายาจวิ้นอ๋อง... “เป่ยเป่ย เก็บของเรียบร้อยดีหรือไม่” เสียงที่อ่อนล้าเต็มทีกล่าวออกมา นางพยายามมานานแล้วแต่ทว่าจวิ้นอ๋องไม่เคยมีสายตามองมายังนางเลยสักนิดเดียว นางเคยถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าทำอย่างไรนะ จะชนะคนในใจของจวิ้นอ๋องได้ แต่ว่าคำตอบคือความว่างเปล่า เมื่อนางเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจวิ้นอ๋องนั้นชื่นชอบผู้ใด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีข่าวจวิ้นอ๋องกับสตรีนางใดมาก่อน บางทีนางอาจไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่นั่นล้วนไม่ใช่สิ่งที่นางต้องใส่ใจ หากแต่พยายามแล้วนางไม่ได้รับความรักตอบ นางควรพอ เคยมีปราชญ์ ท่านหนึ่งกล่าวว่าตบมือข้างเดียวก็เหมือนยกมือสัมผัสลมสัมผัสอากาศ ล้วนไม่มีการตอบกลับมันมีแต่เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น เป่ยเป่ยจัดของเสร็จแล้ว เห็นความเศร้าในดวงตานายหญิงของตนเองทำให้น้ำตาซึมออกมา นางรู้ดีว่าคุณหนูของนางรักบุรุษผู้นั้นมาเพียงใด แต่ทว่ารักข้างเดียวก็เท่านั้น “พระชายาเพคะ จะไปจริง ๆ หรือเพคะ” นางกลัวว่าหากออกไปโดยพลการไม่ได้ขออนุญาตจะมีความผิดเอาได้ เพราะท่านอ๋องนั้นพูดด้วยความมัวเมา และโทสะจากที่คุณหนูรองหลินเหยาไปรบกวนเท่านั้น หากแต่คุณหนูของนางคิดเป็นจริงจัง “จวิ้นอ๋องออกปากไล่เพียงนั้น ข้ามิหน้าทนอยู่ได้หรอก ข้าหน้าบาง” นางอับอายแทบแทรกแผ่นดิน สตรีที่บุรุษออกปากไล่จะอยู่ให้เขาผู้นั้นเห็นหน้าได้อย่างไร ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวด ไม่ใช่ว่านางไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด แต่มันเป็นเพราะการที่บังคับเอาคนที่ไม่ได้รักมาแต่งงาน ล้วนอยู่ไม่ยืดยาวนัก เพียงแต่ทำตามคำสั่งพ่อแม่เท่านั้น คำที่บอกว่าอยู่กันไปก็รักกันเอง เห็นจะไม่ถูกนัก ยิ่งอยู่เหมือนยิ่งเพิ่มความเกลียดชังในใจให้กับจวิ้นอ๋อง นางไม่ต้องการให้เขาเกลียดนาง แค่ไม่รักก็เจ็บพอทนแล้ว “เราจะไปที่ใดกันเจ้าคะ...สกุลซ่งกลับไม่ได้ จวนจวิ้นอ๋องอยู่ไม่ได้ มีที่ใดให้พึ่งพิงอีก” เป่ยเป่ยรู้ดีว่าสนุกซ่งนั้นเหมือนขุนนรกเพียงใด หากองค์รัชทายาทไม่ทาบทามสู่ขอ นายหญิงของนางคงได้แต่งกับพวกพ่อค้าที่ไม่มียศตำแหน่ง เพราะแม่เลี้ยงของคุณหนูนั้นร้ายกาจมาก หากแต่นายท่านยิ่งแล้ว เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ไยดีไม่พอยังปล่อยให้คนรังแกเจ้านายของตน การอยู่ในจวนจึงไม่ต่างจากปากกัดตีนถีบดิ้นรนด้วยตัวเอง กระทั่งเบี้ยหวัดรายเดือนของคุณหนูยังถูกหักออกตั้งครึ่ง แต่เมื่อคุณหนูไปเรียกร้องความเป็นธรรม ก็โดนนายท่านกล่าวหาว่าใช้เงินมือเติบ นับจากนั้นมาคุณหนูก็ไร้ปากเสียงในเรือนอีกเลย เว่ยเหยาถอนหายใจก่อนตอบ “อารามหย่งเล่อแล้วกัน ใครถามจะได้ตอบว่าไปถือศีลให้นางมีวาสนาได้เป็นแม่คนสักครั้ง” สกุลเดิมก็กลับมิได้ จวนจวิ้นอ๋องก็อยู่ไม่ได้ มีที่ใดดีไปกว่าอารามเล่า อย่างน้อยนางได้ถือศีลสวดมนต์สงบใจ เผื่อคิดหาทางออกกับชีวิตของนาง “เจ้าค่ะ” เป่ยเป่ยตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย นายหญิงของนางอาภัพจริง ๆ ครอบครัวไม่ไยดีก็หนักหนาแล้ว แต่งงานสามีไล่ออกจากจวนอีก บุญกรรมอันใดกัน เว่ยเหยาเดินออกมาก็พอดีที่น้องสาวของนางก็ออกจากจวนจวิ้นอ๋องเช่นเดียวกัน นางเพียงแต่ยืนมองการจากไปของหลินเหยาแล้วคิดอะไรบางอย่างขึ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD