“ท่านจวิ้นอ๋องเมามากแล้วนะเพคะ รีบพักผ่อนก่อนดีกว่า” เสียงเรียบเจื่อด้วยความหงุดหงิดเล็ก ๆ ที่เขามาระรานนางถึงเรือน ทำให้จวิ้นอ๋องที่ยิ่งมีโทสะยามเมามายมากขึ้น
“เจ้ากล้าสั่งข้า?”
“มิกล้าเพคะ” นางก้มหน้าลงแล้วก็ไม่กล้าสบตาเขาอีก ไม่ใช่เกรงกลัวแต่ไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับบุรุษเมามายต่างหาก เมื่อสร่างเมาก็ไม่ต่างจากคนความจำเลอะเลือน นางและเขาก็แค่ทำหน้าที่สามีภรรยาเพียงในนาม โดยที่คนนอกมิรู้ด้วยซ้ำว่า นางและเขามิเคยร่วมเรียงเคียงหมอนสักครั้งเดียว แต่พูดไปก็รังแต่จะเสื่อมเสียถึงนาง มิมีผู้ใดเชื่อเรื่องชายหญิงแต่งงานกันไม่แตะต้องกันหรอก
“เห็นอยู่ว่าเจ้ากล้า” เขายังไม่ยอมแพ้ จนเว่ยเหยาถอนหายใจและตัดสินใจเรียกคนมาช่วย
“ฝูเฉิน เป่ยเป่ย เจ้ามาช่วยพยุงท่านอ๋องกลับเรือนเถิด” เมื่อลำพังคนเดียวมิอาจจะรับมือกับคนเมาได้ ก็ต้องเรียกคนช่วย และเชื่อว่าทั้งสองคนคงยังไม่ไปไกลกว่าหน้าประตูเรือน
“พ่ะย่ะค่ะ” “เพคะ”
ยามอยู่อารามนายหญิงให้ทิ้งยศศักดิ์ แต่ยามกลับจวนเป่ยเป่ยต้องปฏิบัติตามธรรมเนียม เรียกคำราชาศัพท์เช่นเดิม เป่ยเป่ยจึงต้องเคร่งครัดมิเช่นนั้นบ่าวในเรือนจะเอาไปนินทา
แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินเข้ามาในห้องนั้น ทั้งคู่ก็ต้องตกใจ เมื่อจวิ้นอ๋องผลักพระชายาไปจนเสียหลัก
โป๊ก!
ฟุบ!
แรงผลักจากมือใหญ่ทำให้นางหัวโขกกับพื้น ดวงตาพร่าเลือนจนมองไม่เห็นพลันสตินางก็ค่อย ๆ เลือนลางจางหายจนกระทั่งดับวูบในท้ายที่สุด
เลือดที่ไหลออกจากศีรษะแดงฉาน จนเป่ยเป่ยกรีดร้องเรียกเจ้านายเสียงหลง
“พระชายา...นายหญิง...ตามหมอ ตามหมอเร็ว”
ร่างที่ไร้สติอยู่ในอ้อมกอดของสาวใช้คนดี โดยที่ฝูเฉินได้สติเป็นคนแรก และออกไปเร่งให้พ่อบ้านหลี่ตามหมอหลวงมารักษาพระชายาโดยด่วนที่สุด
จวิ้นอ๋องที่เพิ่งได้สติเมื่อมีเสียงกรีดร้องพร้อมกับความวุ่นวายตรงหน้า ดวงตาที่พร่าเลื่อนในตอนแรกเปลี่ยนเป็นตกใจทรุดไปนั่งข้างร่างของเว่ยเหยา...
“เว่าเหยา...เจ้า...เจ้าเป็นอะไรไป” เขายกมือขึ้นพร้อมกับเลือดที่เปื้อนมือและไหลไม่หยุด ทำให้จวิ้นอ๋องอุ้มนางขึ้นไปนอนบนเตียง แม้ว่าตัวเองยังไม่สร่างเมาเต็มที่แต่ก็กัดฟันยกร่างนางขึ้นไปนอนให้ได้
“เจ้าไปเอาผ้ามา” เขาออกรบบ่อยครั้งการห้ามเลือดเป็นทักษะพื้นฐานที่ทหารทุกคนต้องมี เป่ยเป่ยรีบไปค้นหาผ้าสะอาดมาให้จวิ้นอ๋อง แล้วนางได้แต่ยืนอยู่ข้าง ๆ หวังให้นายหญิงของตนไม่เป็นอันใดไป
นึกถึงคำที่พระอาจารย์ผู้เฒ่านั้นกล่าวไว้ ว่านายหญิงของตนจะมีเคราะห์ถึงชีวิต หากออกจากอารามหย่งเล่อภายในสามวันนี้ หัวใจที่ภักดีต่อนายหญิงแทบทรุด นางไม่อยากให้นายหญิงจากไปเยี่ยงนี้ มันยากจะทำใจได้
“ฮึก...นายหญิง...อย่าเป็นอันใดนะ เป่ยเป่ยอยู่ไม่ได้ นายหญิงน่าจะเชื่อพระอาจารย์...หึก...นายหญิง”
เสียงคร่ำครวญของสาวใช้ทำให้จวิ้นอ๋องเครียดลง ยิ่งบอกว่าพระอาจารย์คาดเดาไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี เป็นเพราะเขาหรอกหรือ เพราะเขาที่ทำให้นางมีเคราะห์หรือ
“เจ้าพูดอะไร...เงียบเดี๋ยวนี้นะ” จวิ้นอ๋องตวาดเสียงสั่น หรือนางจะต้องตายเพราะเขา ไม่...ไม่จริงเขาไม่เชื่อ เขาแค่เมามากไปเท่านั้นและเผลอผลักนาง เขาไม่ได้ตั้งใจ
“ฝูเฉิน...ทำอะไรอยู่ หมอหลวงมาหรือยัง” เสียงจวิ้นอ๋องปลุกให้บ่าวไพร่ที่ใกล้จะพักผ่อนตื่นขึ้น ไฟในจวนจุดสว่างไสว พ่อบ้านหลี่เร่งพาหมอหลวงเข้ามาที่ตำหนักโดยเร็ว แต่นั่นมันก็ต้องใช้เวลาในการเดินทางอยู่ดี กว่าสองเค่อท่านหมอจึงจะมาถึง
พระชายานอนอยู่บนเตียงโดยมีจวิ้นอ๋องเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ทั้งสาวใช้ก็ยืนสะอื้นไห้ไม่กล้าส่งเสียง กลัวจะโดนตัดหัวเสียก่อน เพราะสีหน้าจวิ้นอ๋องยามนี้พร้อมฆ่าได้ทุกคน
“หมอหลวงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านหลี่กล่าวทั้งเชิญท่านหมอหลวงเข้าไปตรวจอาการของพระชายา
“ขอกระหม่อมตรวจชีพจรหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เสียงหมอหลวงที่อายุมากแล้วกล่าว ใบหน้าของพระชายายามนี้ซีดนักคงเพราะเสียเลือดมาก สังเกตจากผ้าที่ซับเลือดที่กองอยู่ด้านข้างเตียง
เมื่อท่านหมอหลวงตรวจชีพจรสีหน้าก็ไม่ดีนัก เพราะว่าอาการของพระชายากระทบการมองเห็น ทำให้คนที่รอฟังว่าอาการของนางจะเป็นเช่นไรอย่างจวิ้นอ๋องรีบถามทันที
“นางไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
หมอหลวงส่ายหน้าไปมา นั่นหมายถึงสัญญาณที่ไม่ดีนัก
“ทูลจวิ้นอ๋อง พระชายาศีรษะกระทบกระเทือนหนักมาก ทำให้เลือดคั่งขวางระบบที่รับรู้ด้านการมองเห็น หากนางฟื้นอาจจะมองไม่เห็นสักระยะ หรือตลอดไป แต่ตอนนี้ได้แต่ภาวนาว่าเลือดจะไม่คั่งในสมอง นั่นหมายถึงอันตรายถึงชีวิต” คำพูดของหมอหลวงทำเอาจวิ้นอ๋องตกใจจนหน้าซีด เขาไม่เคยกลัวอันใดเท่านี้มาก่อนเลย ต่อให้ไม่เคยรักนางดั่งคนรัก ก็ไม่คิดอยากให้นางตายเพราะเขา
“ทะ...ท่าน...ท่านหมอหลวงว่าอันใดนะ” เสียงแหบโหยกล่าวออกมา ส่วนเป่ยเป่ยนั้นทรุดนั่งร้องไห้ด้านข้างนายหญิงของตัวเอง ความคับแค้นอัดแน่นในอก เดิมทีนายหญิงของตัวเองก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับจวิ้นอ๋องอยู่แล้ว นางเพียงปลีกวิเวกถือศีลอยู่อาราม ท่านอ๋องก็มิสนใจ เมื่อพระอาจารย์ทักเรื่องภัยก็ปฏิเสธไปหนึ่งคำ แต่เพราะจวิ้นอ๋องใจร้ายผู้นั้น เขา...ฮึก...เขาทำให้นายหญิงของนางต้องเสี่ยงตาย
“ข้าไม่เชื่อว่าจะรักษานางมิได้...ใช้ยาที่ดีที่สุดรักษานาง” เขาทนเห็นนางเจ็บป่วยไม่ได้ จึงเดินออกมาด้านนอกสั่งคนให้จัดการต้มยาให้นาง มือของเขายังเปรอะเปื้อนเลือด เขายกขึ้นสั่นเทาเล็ก ๆ ความมึนเมาจากสุรานั้นหายเป็นปลิดทิ้ง
‘ต่อไปนี้ข้าจะไม่ดื่มเหล้าอีก’
เขาคิดในใจ
รุ่งเช้าจวิ้นอ๋องเข้าไปในวัง ภายในงานเลี้ยงที่รื่นเริงนั้นเขาไม่รู้สึกสนุกสักนิด เมื่อพบกับเสด็จพ่อเขาจึงรีบไปทูลเสด็จพ่อและเสด็จแม่เรื่องของนาง แล้วหมายจะกลับทันที แต่เสด็จปู่ของเขาก็เสด็จออกมาก่อน ใบหน้าที่เครียดขรึมซีดเผือดนั้นทำให้รู้ว่าต้องเกิดอะไรไม่ดีกับหลานของตนเป็นแน่